ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 14
บทที่ 14 โลกนี้มันกลม
เช้าวันถัดมาเจียงซื้อสื่อกับเสี่ยวเป่าเพิ่งจะตื่นนอน จิ้นเฟิงเฉินก็ มาถึงเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง สวมชุดสูทที่ตัดมาพอดีกับรูปร่าง ชุดรัด
แน่นเห็นเป็นสัดส่วน ยิ่งทำให้เขาดูแพงกว่าปกติมาก หน้าตาหล่อเหลา ราวกับรูปปั้นประติมากรรม ริมฝีปากบางเป็นกระจับ สีหน้าท่าทางดูนิ่ง ขรึม เวลาสายตาขยับ มันช่างมีเสน่ห์น่าหลงใหลทำให้คนที่เห็นแล้ว แทบจะละสายตาไปไหนไม่ได้
เจียงสื้อสื่อตะลึงไปชั่วขณะ
อึ้งอยู่นานกว่าที่จะดึงสติกลับมาได้ ถามขึ้นอย่างเบลอๆ”คุณจิ้ นทำไมคุณถึงมาเช้าขนาดนี้ล่ะคะ?”
จิ้นเฟิงเฉินดูมีความสุขไม่น้อย เวลาพูดก็ดูเบิกบานเช่นกัน”เอา อาหารเช้ามาให้คุณกับเสี่ยวเป่าน่ะ”
เขายกถุงขึ้นมา แกว่งๆข้างหน้าของเธอ
เจียงสื้อสื่อรีบรับทันทีพร้อมกับพูดขึ้น”ถ้าอย่างนั้นคุณก็เข้ามา ก่อนค่ะ ฉันจะไปจัดจานให้”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า ก้าวเท้าเดินเข้ามาข้างใน
เสี่ยวเป่าเดินออกมาจากในห้องพอดี ดูท่าทางยังคงไม่ตื่นเท่าไร ดวงตาดูงัวเงีย ผมชี้ฟู ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดู
พอหันมาเห็นพ่อตัวเอง คำทักทายสักคำก็ไม่มี หันกลับไปคลอ เคลียเจียงสื้อสื่อ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “อุ้มๆ”
เจียงสื่อสื่อยิ้มพลางเอนตัวลงไปอุ้มเขา อีกมือก็ยกจานเดินออก
มา
จิ้นเฟิงเฉินรีบเดินเข้าไปช่วยทันที ถือโอกาสนี้เหลือบมองเสี่ยว เป่าด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับพูดขึ้น “คุณเจียงไม่ต้องตามใจเขา แบบนี้ก็ได้”
เจียงซื้อสื่อพูดตอบด้วยความไม่ได้ติดใจเลยสักนิด”ไม่เป็นไร หรอกค่ะ เขาเป็นเด็กน่ารักเชื่อฟังขนาดนี้ อุ้มเอาไว้ก็ไม่ได้หนักอะไร เลยค่ะ”
เสี่ยวเป่าทำเสียงที่ใส่พ่อตัวเองอย่างได้ใจ แล้วก็กอดเจียง สื้อสื่อแน่นขึ้นไปอีก
เจียงสื้อสื่ออดยิ้มไม่ได้ อุ้มเสี่ยวเป่านั่งลงบนตัก แล้วถามขึ้นด้วย น้ำเสียงอ่อนโยน”อยากกินอะไร เดี๋ยวน้าหยิบให้หนูเอง”
เสี่ยวเป่าชี้นิ้วออกไปพร้อมกับพูดขึ้น”จะเอานมอันนั้น”
เจียงสื้อสื่อก็หยิบมาให้ตามที่เขาต้องการ
จากมุมนี้แล้ว จะเห็นใบหน้าที่ดูดีของเธอจากข้างๆ
มุมปากที่เจ่อเล็กน้อย เวลายิ้มราวกับดอกไม้ จมูกน้อยๆเป็นสันดู น่ารัก แววตาใสดุจแม่น้ำในฤดูใบไม้ร่วง ดูเปล่งประกายวับวาว แต่ง หน้าเบาๆไม่เยอะเกินไปรับกับผิวที่ดูอ่อนโยนน่าทะนุถนอม ดูบริสุทธิ์ และงดงาม ชุดกระโปรงผ้าพริ้วสบายๆสีเนื้อ ทำให้เธอดูเรียบง่าย สบายๆ รูปร่างสง่างามมีสัดส่วน หน้าโค้งหลังเว้า เอวเล็กคอด โอบได้ หนึ่งมือพอดี
จิ้นเฟิงเฉินมองจนสติล่องลอย แววตาที่ดำขลับยิ่งดูนิ่งลึกขึ้น ราวกับว่าจะกลืนกินเธอเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น
เจียงสื้อสื้อเหมือนพอจะรู้สึกตัว เงยหน้าขึ้นมาโดย
สัญชาตญาณ
ตาสองคู่จ้องมองกัน แววตาของจิ้นเฟิงเฉินกลับมานิ่งสงบตาม เดิม เขาถามขึ้น”มีอะไรเหรอ?”
“อ่อ ไม่มีอะไรค่ะ”
เจียงสื้อสื่อหันสายตากลับไปอย่างเงียบๆ ในใจก็เริ่มรู้สึกสงสัย
ขึ้นมา
หรือว่าฉันคิดไปเอง?
ตะกี้จู่ๆก็รู้สึกว่าเหมือนมีสายตาจ้องมองมาที่ตนอย่างเร่าร้อน !
ยี่สิบนาทีผ่านไป หลังจาก เจียงซื้อสื้อและเสี่ยวเป่ากินอาหารเช้า เสร็จ ก็ออกไปพร้อมกับจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินส่งเจียงสื่อซื้อที่แถวๆบริษัท
ก่อนจะลงจากรถ จู่ๆจิ้นเฟิงเฉินก็ถามขึ้น”ใช่แล้ว คุณเจียง คืนนี้เสี่ยวเป่าจะไม่รบกวนคุณแล้วล่ะ พอดีคุณปู่กับคุณย่าของเขากลับมา เลยอยากจะเจอเขาสักหน่อย”
เจียงซื้อสื่อชะงักไปสักพัก ก่อนที่จะตอบขึ้นทันที”อ๋อ ได้ค่ะ ไม่มี
ปัญหาค่ะ”
เสี่ยวเป่าไม่พอใจอย่างมาก”ผมจะเอาน้าสื้อสื้อ”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้สนใจเขา หันมาพูดกับเจียงสื้อสื้อต่อ”ถ้าเกิด คุณคิดถึงเขา สามารถโทรหาเบอร์ที่เสี่ยวเป่าทิ้งไว้ให้ได้นะ”
“ได้เลยค่ะ”
เจียงสื้อสื่อในใจแอบรู้สึกไม่อยากแยกจากกันไป แต่ทำได้แค่ก็ ยิ้มตอบกลับไป จากนั้นก็จุ๊บๆเสี่ยวเป่า บอกลากับเขา แล้วจึงเดินขึ้น ไปบริษัท
เวลานี้เป็นช่วงเวลาเร่งด่วนพอดี ลิฟต์คนแน่นจอแจไปหมด เจียง สื้อสื่อก็เลยตัดสินใจเดินขึ้นบันไดแทน
พอถึงแผนก ก็เห็นคนกำลังคุยเจรจาอะไรกันอยู่ ดูคึกคักกันมาก
พอเห็นเธอ เหอหลินก็รีบมาดึงตัวเธอเข้าไปทันทีพร้อมกับพูด ขึ้น”สื้อสื้อเกิดเรื่องใหญ่แล้วล่ะ”
“เกิดเรื่องใหญ่อะไร?” เจียงซื้อสื่อสีหน้างงงวย เหอหลินยื่นมือถือมาให้เธอดู”ก็นี่น่ะสิ….” เจียงสื้อสื้อเพ่งตามองหน้าจอมือถือ เห็นกระทู้ของบริษัท ด้านบนมีพาดหัวข่าวซุบซิบ บริษัทX.C.กำลังจะถูกบริษัทกรุ๊ป ใหญ่ฮุบกิจการเร็วๆนี้
เจียงสื้อสื้อรู้สึกตกใจไม่น้อย “เรื่องนี้มันตั้งแต่เมื่อไร?” เหอหลินตอบ”เมื่อเช้านี้น่ะ ได้ยินว่าบริษัทที่จะฮุบกิจการของบริษัทพวกเราก็คือหลานซื่อกรุ๊ป”
เจียงซื้อสื่อสีหน้าหยุดชะงัก”หลานซื่อกรุ๊ปไหน?”
เหอหลินมองเธอด้วยสีหน้าเหมือนกำลังดูสิ่งแปลกประหลาด”จะ เป็นบริษัทไหนได้อีกล่ะ ทั้งเมืองจิ๋นก็มีหลานชื่อกรุ๊ปอยู่แค่บริษัทเดียว เท่านั้น นี่คุณไม่รู้เหรอ?”
เจียงสื้อสื่อไม่ได้พูดอะไร สองมือค่อยๆกำแน่น ในแววตาแฝงไป ด้วยความรู้สึกเย้ยหยัน
เธอจะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ
แต่เพราะรู้ดีเลยน่ะสิ ถึงได้ถามเพื่อความมั่นใจ
เพียงแค่คิดไม่ถึงว่า หลังจากเวลาล่วงเลยไปห้าปี จะมาได้ยินชื่อ นี้อีกครั้งในสถานการณ์แบบนี้
เพื่อนร่วมงานข้างๆ พอได้ยินเรื่องที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ ก็รีบ เข้ามาร่วมวงทันที”สื้อสื้อคุณนี่มันกบในกะลาจริงๆ คุณผู้ชายของ ตระกูลหลานนั่นนะรู้ๆกันว่ารูปหล่อพ่อรวยมากเลยนะ ! ดูอบอุ่นสุภาพ ไม่รู้ว่าขโมยใจของสาวๆไปกี่คนแล้ว”
“ใช่ๆ แถมเขายังเป็นลูกท่านหลานเธออยู่ลำดับที่เก้าในลิสต์ของ บุคคลดีเด่นแห่งเมืองจีนด้วยนะ มักจะเห็นได้บ่อยๆในนิตยาสารเกี่ยว กับธุรกิจ คุณไม่เคยเห็นบ้างเลยเหรอ?”
“ถึงเคยเห็นแล้วก็ทำไรไม่ได้อยู่ดี เขามีคู่หมั้นแล้ว ! ถ้าจะให้พูด คู่หมั้นของคุณชายหลานคนนั้นก็เหมือนกับสื้อสื้อเลยนะ นามสกุลก็ เป็นเจียงเหมือนกัน ชื่อว่าเจียงนวลนวล ไม่แน่อาจจะเป็นญาติของ เจียงซื้อสื่อก็ได้นะ”
“ฮ่าๆๆ…”
ทุกคนพากันหัวเราะคิกคัก เจียงสื้อสื้อกลับขำไม่ออกเลยสักนิด
ช่างน่าเสียดาย ที่เป็นญาติของเธอจริงๆน่ะสิ
โลกนี้มันช่างกลมใช้ไหมล่ะ?
หลังจากเรื่องราวครั้งนั้นเมื่อห้าปีก่อน เธอก็ตัดขาดความสัมพันธ์
กับตระกูลเจียงไปแล้ว ตอนแรกก็นึกว่าชีวิตนี้คงจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ กันแล้ว ใครจะไปคิดว่าจะกลับมาพบกันอีกครั้งในสถานการณ์แบบนี้
เจียงสื้อสื่อในใจรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
เหอหลินเห็นสีหน้าของเธอ จึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง”เป็น อะไรไป ซื้อสื่อ?”
“ไม่มีอะไร”
เจียงสื่อสื่อฝืนยิ้ม ก่อนวางกระเป๋าลง แล้วเดินไปห้องชงกาแฟ กะที่จะไปชงกาแฟสักแก้วมาดื่มให้รู้สึกกระปี้กระเปร่าขึ้นมาหน่อย
แต่คิดไม่ถึงว่า ขณะที่เดินมาถึงประตูของห้องชงกาแฟ ก็เจอเข้า
กับคนสองสามคน
สองคนในนั้น เป็นผู้จัดการแผนกเหยนอี่เฟยและผู้จัดการใหญ่ หลี่เซิ่ง
ทั้งสองคนอยู่ขนาบข้างซ้ายขวา ประกบชายหญิงคู่หนึ่งที่อยู่
ตรงกลาง
ผู้ชายสวมชุดสูทสีเทา หน้าตาหล่อเหลามาดดี ดูอบอุ่นและ สุภาพ เดินไปที่ไหน ก็ดูเป็นคนที่น่าเชื่อถือไว้วางใจสมคำร่ำลือ
ส่วนผู้หญิงที่อยู่ข้างเขา สวมใส่เสื้อผ้าแฟชั่น ชุดเดรสรัดรูปสี แดง เห็นรูปร่างที่เป็นสัดเป็นส่วน มีส่วนเว้าส่วนโค้ง ใส่รองเท้าส้นสูง สิบนิ้ว แต่งหน้าสวยฉ่ำ ใบหน้าเผยให้เห็นความสง่างดงาม สีหน้าแอบ มีความหยิ่งและวางมาดนิดๆ
เจียงสื้อสื่อพอเห็นทั้งสอง ใจก็เหมือนถูกบีบรัด เธอรู้สึกหายใจ ติดๆขัดๆ
นั่นคือหลานซือเฉินและเจียงนวลนวล ! ! !