ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1404 ตรวจสอบคริสมิน
คริสมินพูดคุยกับซ่างกวนเชียนอย่างสนิทสนม ทั้งสองคนมองดูแล้วเหมือนกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบหน้ากันมานาน
เจียงสื้อสื้อนั้นมีความสงสัยอยู่เต็มอก ในเมื่อคริสมินสนิทสนมกับซ่างกวนเชียนขนาดนี้ เช่นนั้นการเป็นฝ่ายเข้ามาทักจิ้นเฟิงเฉินก่อนนั้นหมายความว่าอะไร?
ตอนนี้ใครก็รู้ว่าจิ้นกรุ๊ปและซ่างกวนกรุ๊ปเป็นคู่ต่อสู้กัน
ตอนที่ซ่างกวนเชียนเห็นเธอกับเฟิงเฉินก็ไม่ได้มีสีหน้าเป็นมิตรเลยแม้แต่น้อย
ถ้าหากไม่ใช่ว่ามีคนในงานเยอะขนาดนี้ เจียงสื้อสื้อเกรงว่าเขาจะพุ่งมาต่อยเฟิงเฉินแล้ว
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างคริสมินกับซ่างกวนเชียน จิ้นเฟิงเฉินนั้นไม่มีความสนใจ และไม่อยากรู้เช่นกัน เขาจูงเจียงสื้อสื้อเดินผ่านข้างกายพวกเขาไปอย่างเฉยชา
ตอนที่พวกเขาเดินผ่านไป เสียงพูดคุยของคริสมินกับซ่างกวนเชียนก็หยุดลงกะทันหัน ทั้งสองคนมองแผ่นหลังของพวกเขา ก้นบึ้งนัยน์ตาปรากฏความรู้สึกแตกต่างกัน
เจียงสื้อสื้อหันกลับไปก็เห็นว่าพวกซ่างกวนเชียนยังคงมองมาทางนี้ แม้ว่าจะมองเห็นสีหน้าของพวกเขาไม่ชัด แต่ในใจก็รู้สึกไม่สงบอย่างเลือนราง
“เฟิงเฉิน” เธอเอ่ยเรียก
“อืม”
“ฉันรู้สึกว่าคริสมินคนนั้นมีปัญหา” เจียงสื้อสื้อเงยหน้ามองเขา
จิ้นเฟิงเฉินกระชับมือเธอแน่นขึ้น ยิ้มบางๆ “ไม่ต้องกังวล ผมมีแผนอยู่ในใจ”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก
……
งานเลี้ยงสิ้นสุดลง แขกผู้มีเกียรติแยกย้ายกันไป คริสมินกลับไปถึงที่พักในเมืองจิ่นของตัวเอง
วิลล่าที่ตั้งอยู่บริเวณชานเมืองแห่งหนึ่ง
เขาเปิดประตูเดินเข้าไป ภายในตัววิลล่านั้นมืดสนิท
ไม่ได้เปิดไฟ เขาเดินขึ้นไปบนชั้นสองอย่างชำนาญ หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องที่สอง
เมื่อผลักประตูเข้าไป หญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าบานหน้าต่างก็หันกลับมา
“กลับมาแล้วหรือคะ” บนใบหน้าของหญิงสาวประดับไปด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ทำไมถึงยังไม่นอน?” คริสมินก้าวเข้าไปโอบกอดเธอไว้อย่างแผ่วเบา
“นอนไม่หลับค่ะ”
คริสมินขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้มหน้ามองเธอ “เป็นเพราะคนคนนั้นหรือ”
หญิงสาวหลุบตาลงต่ำ ถามเสียงเรียบว่า “พบคนแล้วหรือคะ”
“แน่นอน” คริสมินหรี่ตาลงเล็กน้อย “ยังพบกับภรรยาของเขาด้วย”
มือทั้งสองข้างที่ร่วงอยู่ข้างกายของหญิงสาวกำแน่น แววตาฉาบทับไปด้วยความหม่นหมองชั้นหนึ่ง
“ดูท่าจิ้นเฟิงเฉินจะต่อกรด้วยยากกว่าที่ผมคิดเอาไว้” คริสมินนึกถึงท่าทีเฉยเมยของจิ้นเฟิงเฉิน ก้นบึ้งนัยน์ตาก็มีประกายโหดเหี้ยมพาดผ่าน
“เดิมเขาก็เป็นคนที่ต่อกรได้ยากอยู่แล้ว” หญิงสาวเหลือบตาขึ้นมองเขา “ดังนั้น คุณกลัวหรือคะ”
คริสมินหัวเราะออกมาราวกับว่าได้ยินเรื่องขบขันอย่างไรอย่างนั้น “ชิงหยิง คุณคิดว่าผมจะกลัวไหม”
ซูชิงหยิงไม่ได้ตอบคำถามทันที เธอยกมือขึ้นปัดฝุ่นที่ติดอยู่บนไหล่เขาออก มุมปากยกขึ้น “แน่นอนว่าคุณไม่กลัว”
คริสมินโอบเอวเธอเข้ามาชิดตัวเอง มุมปากก็เผยรอยยิ้มภูมิใจเล็กน้อย “คุณรู้ไหมว่า คืนวันนี้ผมยังได้พบกับซ่างกวนเชียนด้วย เขาสนใจที่จะร่วมมือกับผม”
“คุณรับปากแล้วหรือคะ” ซูชิงหยิงถาม
“ทำไมจะไม่ล่ะ?” คริสมินเลิกคิ้ว “ศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อนของผม ผมต้องร่วมมือกับเขาแน่นอน”
“ยิ่งไปกว่านั้น สองปีมานี้พวกเราก็ค้นหาขีดจำกัดของจิ้นกรุ๊ปมาโดยตลอด ตอนนี้ก็พอสมควรแล้ว เป็นเวลาที่จะกลืนกินตลาดของจิ้นกรุ๊ปทีละก้าวๆแล้ว”
“ส่วนสิ่งที่ผมทำทั้งหมด…….” คริสมินปล่อยเธอ ก้มหน้ามองเข้าไปในนัยน์ตาเธอ “ล้วนเพื่อแก้แค้นให้คุณ”
ซูชิงหยิงยิ้ม นัยน์ตาใสกลอกไปมา ยกมือขึ้น วาดนิ้วไปบนแผงอกเขาช้าๆ “ฉันดีใจมากค่ะ”
“ขอเพียงแค่คุณดีใจ ไม่ว่าอะไรผมล้วนยินยอมที่จะทำ” คริสมินจับมือของเธอเอาไว้ เอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกลึกซึ้งอย่างไร้ที่เปรียบ
“ขอบคุณนะคะ คริสมิน”
ซูชิงหยิงหันหน้ามองไปออกไปนอกหน้าต่าง แววตาหม่นหมอง
จิ้นเฟิงเฉิน ฉันกลับมาแล้ว
ตอนแรกก็เคยพูดเอาไว้ว่าฉันจะกลับมา ฉันจะให้คุณรู้สึกเสียใจที่ทำแบบนั้นกับฉัน และจะให้คุณเสียใจที่เลือกเจียงสื้อสื้อ ผู้หญิงคนนั้น!
…….
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เจียงสื้อสื้อก็ไปที่ดูลูกทั้งสองคนที่ห้องเด็ก
ส่วนจิ้นเฟิงเฉินก็ตรงเข้าไปในห้องหนังสือ นั่งอยู่หน้าโต๊ะเขียนหนังสือ เอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยสีหน้าหนักอึ้งเล็กน้อย
เป็นอย่างที่สื้อสื้อบอกเขา คริสมินมีปัญหาจริงๆ
เพียงแต่ว่าจะเป็นปัญหาอะไร?
จิ้นเฟิงเหราเดินเข้ามาในห้องหนังสือ จึงเห็นท่าทางเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ของพี่ใหญ่ตัวเองเข้าพอดี
เขาเดินเข้าไป เอ่ยถามเสียงเบาว่า “พี่ชาย งานเลี้ยงค็อกเทลวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
เมื่อได้ยินเสียง จิ้นเฟิงเฉินก็หันหน้าไปมองเขา ลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยขึ้นว่า “เฟิงเหรา ช่วยตรวจสอบคนคนหนึ่งให้พี่หน่อย”
“ใครหรือ?”
“คริสมิน”
เป็นชื่อที่แปลกโดยสิ้นเชิง จิ้นเฟิงเหราขมวดคิ้ว “นี่คือใครกัน?”
“เป็นคนที่พบในงานเลี้ยงค็อกเทลคืนวันนี้”
จิ้นเฟิงเหราเข้าใจได้ในทันที “อ่อ อย่างนั้นผมจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้”
เมื่อสิ้นเสียง เขาก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ออกไปจากห้องหนังสือก็พบกับเจียงสื้อสื้อเข้าพอดี
“พี่สะใภ้”
เขาเรียก ไม่รอให้เจียงสื้อสื้อพูดอะไรก็จากไปอย่างเร่งรีบทันที
เจียงสื้อสื้อหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก ในไม่ช้าเงาร่างของคนก็หายลับไป
เธอหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องหนังสือ
“คุณพูดอะไรกับเฟิงเหราหรือคะ ทำไมถึงได้มีท่าทางเหมือนกับมีเรื่องเร่งด่วน?” เธอเดินไปถึงด้านหน้าจิ้นเฟิงเฉิน พลางถามอย่างสงสัย
ก่อนที่จิ้นเฟิงเฉินจะอ้าปากตอบคำถาม เจียงสื้อสื้อก็รีบเอ่ยขึ้นประโยคหนึ่งว่า “อย่าบอกว่าไม่มีอะไรนะคะ ฉันไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น”
รอยยิ้มของจิ้นเฟิงเฉินเลือนหายไป เขาคิดจะพูดว่าไม่มีเรื่องอะไรจริงๆ เพราะว่าไม่อยากให้เธอต้องเป็นกังวล
แต่เธอพูดถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็ทำได้เพียงแค่ตอบตามความจริง “ผมให้เขาตรวจสอบคริสมิน”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” เจียงสื้อสื้อเม้มริมฝีปาก คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ควรจะตรวจสอบฝ่ายตรงข้ามให้ชัดเจนว่าเป็นใคร มีเป้าหมายอะไรกันแน่จริงๆ”
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องเป็นกังวล ผมจัดการได้”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “อืม”
“คุณพักผ่อนเร็วหน่อย ผมยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ” จิ้นเฟิงเฉินเอ่ย
“อย่าเหน็ดเหนื่อยมากเกินไปนะคะ” เจียงสื้อสื้อกลัวว่าเขาทำงานขึ้นมาก็จะทำถึงดึกดื่น
“อืม ไปพักผ่อนเถอะ”
เจียงสื้อสื้อออกไปได้ไม่นาน จิ้นเฟิงเหราก็มา
“พี่ชาย ผมตรวจสอบชัดเจนแล้ว บริษัทของคริสมินวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหลัก ในยุโรปก็ครอบครองส่วนแบ่งทางการตลาดขนาดใหญ่……”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ จิ้นเฟิงเหราก็ขมวดคิ้ว “จู่ๆก็เข้าสู่ตลาดในประเทศกะทันหัน ไม่รู้ว่ามาหาความร่วมมือหรือว่ามีจุดประสงค์อื่น”
“น่าจะมีจุดประสงค์อื่น” จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ “คืนวันนี้เขาพูดคุยกับซ่างกวนเชียนด้วยความสนิทสนมมาก”
“ซ่างกวนเชียน?” จิ้นเฟิงเหรายิ้ม “ใช้หัวเข่าคิดก็รู้แล้วว่าพวกเขาสองคนจะต้องมีเจตนาร้ายอะไรอย่างแน่นอน”
จิ้นเฟิงเฉินเงียบ
“พี่ ผมคิดว่าพวกเราควรจะดำเนินการสักหน่อย ไม่อย่างนั้นซ่างกวนเชียนจะเหยียบขึ้นมาบนหัวพวกเราแล้วจริงๆ” จิ้นเฟิงเหรานึกถึงความเคลื่อนไหวของซ่างกวนกรุ๊ปในระยะนี้แล้ว ท้องเขาก็เต็มไปด้วยโทสะ
พี่ชายเขาก็เห็นแก่พระคุณเล็กน้อย จึงไม่ได้ถือสาเอาความพวกเขา แต่พวกเขานั้นดี ได้คืบจะเอาศอก!
“รอพวกเขามีความเคลื่อนไหวแล้วค่อยว่ากัน” จิ้นเฟิงเฉินไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นในตอนนี้
ตอนนี้เองที่แม่จิ้นยกน้ำแกงเข้ามาชามหนึ่ง
“เฟิงเฉิน นี่เป็นน้ำแกงบำรุงร่างกายลูกที่แม่ตุ๋นด้วยตัวเอง รีบกินตอนร้อนๆเถอะ”
จิ้นเฟิงเหรามองน้ำแกงที่ยังมีควันร้อนลอยขึ้นมาชามนั้น ก็แสร้งทำเป็นถามด้วยความไม่พอใจว่า “แม่ ของผมล่ะ?”
“ร่างกายลูกแข็งแรงจะตาย ไม่ต้องบำรุงแล้ว” แม่จิ้นวางน้ำแกงไว้บนโต๊ะ หันหน้าไปมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์
“ร่างกายผมแข็งแรง?” จิ้นเฟิงเหรานึกว่าตัวเองได้ยินผิดไป
เขาต่างหากที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เพิ่งจะออกมาได้ไม่นาน จะร่างกายแข็งแรงได้อย่างไรกัน?