ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 141 คืนนี้ผมจะนอนที่โซฟา
บทที่ 141 คืนนี้ผมจะนอนที่โซฟา
แม่จิ้นถอนหายใจ เพราะคิดยังไงก็คิดไม่ออก ทำไมจิ้นเฟิงเฉินถึงชอบใจเจียงสื้อสื้อขนาดนี้ ทั้งๆที่ภูมิหลังหลังผู้หญิงคนนี้ออกจะซับซ้อนขนาดนั้น “คุณแม่ครับ ทำไมคุณแม่ถึงอคติกับคุณเจียงมากขนาดนี้ แม้ว่าฐานะทางบ้านของเธอจะเทียบกับคุณชิงหยิงไม่ได้ แต่เธอก็มีข้อดีนะครับ”
แม่จิ้นถอนใจอย่างเย็นชา “มีข้อดีอะไรกัน”
เจียงสื้อสื้อที่เธอเห็นก็คือ มักจะสร้างความเดือดร้อน ซ้ำยังชอบพูดกลับคำพูด
เมื่อจิ้นเฟิงเหราได้ยิน ก็เอ่ยปากพูด “มีเยอะมากครับ เช่นเป็นคนจริงจัง ขยัน มีแรงจูงใจ คุณแม่ดูสิ พวกเธอสองแม่ลูกถูกตระกูลเจียงไล่ออกมาอย่างโหดร้าย แม่ของเธอป่วย ช่วงหลายปีมานี้คุณเจียงแบกรับภาระอยู่คนเดียว ทั้งดูแลแม่ของเธอแล้วยังสำเร็จการศึกษาได้ ภายใต้การโจมตีของตระกูลเจียง ถ้าเป็นคนอื่น คงทำไม่ได้
ถ้าให้พูดอีก คุณแม่คุณดีๆนะครับ ทั้งคนของตระกูลเจียงและตระกูลหลานต่างเกลียดเธอ คงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้คุณเจียงอับอายขายหน้าต่อหน้าเรา เพื่อให้เราเข้าใจผิด คุณแม่อย่าเชื่อแต่คนอื่นนะครับ คุณแม่ต้องสัมผัสเธอด้วยตัวเองจึงจะพบว่าความดีของเธอ”
ดวงตาแม่จิ้นสั่นไหวเล็กน้อย นี้ก็จริง พูดตามจริง เจียงสื้อสื้อเด็กคนนี้ก็น่าเวทนา แต่นี้ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะได้อยู่กับจิ้นเฟิงเฉิน
แม่จิ้นคิดเสมอว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเจียงสื้อสื้อนั้นซับซ้อนเกินไป
“คุณแม่ครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เสี่ยวเป่ารักเธอ พี่ชายก็รักเธอ เมื่อก่อนพวกคุณก็เห็นว่าผู้หญิงคนไหนที่ได้เข้าใกล้พี่ชาย เขาจะตีตัวออกห่างใช่ไหม แล้วยังมีเสี่ยวเป่า หลังจากที่เขาได้เจอกับคุณเจียง จากที่เมื่อก่อนเขาไม่ค่อยชอบพูด แต่ช่วงนี้กลับร่าเริงขึ้นมา”
พวกคุณอยากเห็นเขาโสดไปตลอดชีวิต ผมก็ไม่มีอะไรจะพูด”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของพ่อจิ้นและแม่จิ้นก็เปลี่ยนเป็นลังเลอยู่ชั่วขณะ เรื่องนี้ พวกเขาจัดการไม่ได้แล้วจริงๆ สุดท้ายแม่จิ้นจึงพูดอย่างหงุดหงิดว่า “เอาล่ะๆ แม่จะไม่ยุ่งแล้ว”
พูดจบ แม่จิ้นก็แยกออกไปจากห้องหนังสือ พ่อจิ้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
จิ้นเฟิงเหราที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย และพูดอย่างยิ้มๆว่า “แม่ครับ ถึงแม่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องของพี่ชายแล้ว งั้นมายุ่งเรื่องผมดีกว่าครับ ท้องผมหิวจะแย่อยู่แล้วครับ เมื่อไหร่จะได้กินข้าวครับ”
เมื่อพูดแล้ว คุณพ่อคุณแม่นี่ก็จริงๆเลย มีเรื่องอะไรทำไมไม่พูดกันหลังทานข้าวเสร็จ มาพูดตอนนี้ทำให้พี่ชายโกรธจนกินข้าวไม่ได้และออกไปแล้ว
แต่แบบนี้ก็ดี พี่ชายเขาอาจจะไปหาพี่สะใภ้แล้ว
…………
ทางด้านนี้ หลังจากจิ้นเฟิงเฉินออกมา เขาก็ขับรถออกไปเลย
รถแล่นไปอย่างไร้จุดหมายได้สักระยะหนึ่ง อารมณ์ของจิ้นเฟิงเฉินก็ค่อยๆสงบลง
ในใจของเขาก็อดที่จะคิดถึงเรื่องเมื่อก่อนไม่ได้ ที่เจียงสื้อสื้อซ่อนจากตัวเขากับเสี่ยวเป่า เพื่อจะตัดความสัมพันธ์กับเขา ไม่ยอมบอกกับเขาเลยว่าเหตุผลเป็นเพราะแม่ของเขาไปหาเธอและพูดแบบนั้นกับเธอ
แค่คิดก็รู้แล้วว่า เธอในตอนนั้นคงเสียใจมาก
จิ้นเฟิงเฉินหยุดรถบนถนน เขาจุดบุหรี่และโทษตัวเองในใจ ทำไมถึงไม่สืบหาเหตุผลให้เร็วกว่านี้ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ทำให้เธอทนทุกข์อยู่นานขนาดนี้
และไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหน เมื่อคิดไปคิดมา จิ้นเฟิงเฉินจึงดับบุหรี่ในมือ หลังจากนั้นก็กลับหัวรถ มุ่งหน้าไปบ้านของเจียงสื้อสื้อ
………………
ซึ่งตอนนี้ เจียงสื้อสื้อก็เพิ่งจะทำอาหารเสร็จ เมื่อได้ยินเสียงออดที่ประตู เธอจึงลุงขึ้นไปเปิดประตู และยังไม่ทันจะดึงสติอะไรกลับมา ก็ถูกคนจากด้านนอกกระโจนเข้ามากอดแล้ว
เจียงสื้อสื้อตกใจไปหนึ่งครั้ง เมื่อได้สัมผัสลมหายใจที่คุ้นเคยจากปลายจมูก เธอมองจิ้นเฟิงเฉินและจึงถามขึ้น “คุณมาได้ยังไง เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”
ไม่รู้ทำไม แม้จิ้นเฟิงเฉินจะไม่ได้พูดอะไร แต่เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ จะมีใครที่ไหนที่มาแล้วจะมากอดเธอเลย
“เปล่า” จิ้นเฟิงเฉินตอบด้วยเสียงสุขุม
พร้อมกับที่เขาคลายกอดจากเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อค่อนข้างสงสัย หลังจากเชิญเขามาในห้องแล้ว จึงเอ่ยปากถาม “คุณกินอะไรมารึยังคะ”
จิ้งเฟิงเฉินส่ายหน้า “ยังเลย”
เจียงสื้อสื้อจึงเพิ่มชามและตะเกียบ และพูดอีกว่า “เดี๋ยวฉันจะไปทำอาหารมาเพิ่มอีกสักสองอย่าง คุณนั่งรอก่อนนะ”
เธอไม่คิดว่าจิ้นเฟิงเฉินจะมา ดังนั้นจึงไม่ได้ทำอาหารอะไรมาก เจียงสื้อสื้อที่เพิ่งลุกขึ้น ก็ถูกจิ้งเฟิงเฉินขวางไว้
“ไม่ต้องแล้ว แค่นี้ก็พอแล้ว”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อจึงหยุด และนั่งลง
ทั้งสองนั่งทานอาหารกันแบบเงียบๆ เจียงสื้อสื้อปรายตามองจิ้นเฟิงเฉินแวบหนึ่ง เธอรู้สึกไม่แน่ใจว่า ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะมีบางอย่างในใจ
แต่เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เจียงสื้อสื้อเอาชามไปล้างแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็ยังคงนั่งอยู่บนโซฟา และดูท่าทางแล้วเหมือนจะไม่ได้ต้องการจะกลับ ดูเหมือนว่าวันนี้เขาอารมณ์ไม่ดี เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้ไล่เขา ยังไงเธอก็รู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่ไปง่ายๆแน่
แต่ในตอนนี้ก็ไม่ได้มีบทสนทนาอะไรระหว่างพวกเขาสองคน หรือจะนั่งกันอยู่อย่างนี้….และเธอก็ลองคิด สุดท้ายเจียงสื้อสื้อก็เอ่ยปากถาม “อยากดูหนังไหม”.
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า และไม่ได้ปฏิเสธ
เดิมทีเจียงสื้อสื้ออยากเลือกหนังสยองขวัญ แต่ก็กล้วว่าตัวเองจะตกใจ สุดท้ายก็เลือกหนังฝรั่งเรื่องดังมาเรื่องหนึ่ง
เธอหยิบขนม เครื่องดื่ม และเบียร์ที่ซื้อไว้ออกมา จิ้นเฟิงเฉินเปิดเบียร์ ภาพยนตร์ก็เริ่มฉายบนหน้าจอ ในตอนแรกก็ดี บรรยากาศที่กลมกลืน เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกตราตรึง
แค่เมื่อมาถึงครึ่งทาง ก็มีบรรยากาศแปลก
นางเอกและพระเอกในหนังกำลังจูบกัน และก็ขึ้นเตียงกัน มีเสียงที่คลุมเครือในอากาศเกิดขึ้น ทำไมภาพยนตร์ดีๆของอเมริกากลับ……… ที่สำคัญของเรื่องนี้ตัวเองก็เป็นคนเลือกเอง เพราะเธอยังไม่เคยดูเรื่องนี้ จิ้นเฟิงเฉินจะเข้าใจผิดไปแล้วรึเปล่านะ
และไม่รู้ทำไม เจียงสื้อสื้อถึงได้นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เธอดื่มจนเมาเมื่อคืน พวกเขาก็เหมือนจะ…………เจียงสื้อสื้อเริ่มหน้าแดง สุดท้ายก็ไม่สามารถนั่งดูได้อย่างสงบอีกต่อไป เธอลุกขึ้นและพูดว่า “คุณดูต่อเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปอาบน้ำก่อน”
หลังจากพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็เริ่มคิดบางอย่างที่ผิดปกติขึ้นมาอีก เมื่อกี้นางเอกในภาพยนตร์ก็อาบน้ำเสร็จแล้วออกมาและเห็นพระเอก หลังจากนั้นก็……….. จิ้นเฟิงเฉินมองเจียงสื้อสื้อ ในแววตาชายหนุ่มฉายรอยยิ้มบางๆ
เจียงสื้อสื้อจึงหยุด เธอไอแห้งๆและพูดว่า “นี้มันก็ดึกแล้ว คุณจะกลับรึยัง”
จิ้นเฟิงเฉินยกยิ้มที่มุมปาก เขาเขย่าขวดเบียร์ในมือ และพูดด้วยเสียงทุ้มว่า “ดื่มเบียร์ไปแล้วขับรถไม่ได้แล้ว คืนนี้ผมจะนอนที่โซฟานี้แหละ”
เจียงสื้อสื้อเริ่มหน้าแดง นี้มันบทพูดในหนังของพระเอกไม่ใช่เหรอ อ่ะๆๆๆๆๆๆๆ……..
อีกอย่างขับรถไม่ได้ก็เรียกแท็กซี่ได้หนิ แต่สุกท้ายเจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้พูดอะไร เธอพูดอย่างตะขิดตะขวงว่า “งั้น…..งั้นฉันจะไปเอาผ้าห่มมาให้คุณ”
หลังจากพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็รีบวิ่งเข้าไปในห้อง เสียงทีวีจากด้านหลังก็ยังคงส่งเสียงครางของนางเอกอยู่……
จิ้นเฟิงเฉินก็หัวเราะออกมาด้วยความสุขอย่างน่าประหลาดใจ ความไม่พอใจที่เกิดขึ้นในคืนนี้ก็หายไปจากใจเขาทันที
ผู้หญิงที่น่าสนใจขนาดนี้ เขาจะปล่อยไปได้ยังไง