ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1417 อาจใช้ประโยชน์จากเขาได้
กลางดึกเมื่อรอให้เจียงสื้อสื้อหลับแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็ค่อยๆ ลุกออกจากห้อง เมื่อไปถึงห้องหนังสือแล้ว ก็กดโทรศัพท์
“ดึกขนาดนี้แล้ว จะโทรมาหาฉันทำไม?” เขาได้ยินเสียงงงงวยของเซิ่นมู่ป๋าย ออกมาจากปลายสาย
“นอนแล้วเหรอ?” จิ้นเฟิงเฉินถาม
“ยัง มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
จิ้นเฟิงเฉินเงียบไป ไม่กี่อึดใจ ก็ค่อยๆ เปิดปากเล่าเรื่อง กำลังจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เขาฟังจบ
“นายบอกว่า เสี่ยวเป่าโกรธเถียนเถียนเป็นฟืนเป็นไฟ?” เซิ่นมู่ป๋ายคิดว่าตัวเองฟังผิดไป
ใครๆ ก็รู้ว่า เสี่ยวเป่ารักและเอ็นดูน้องสาวของเขาขนาดไหน เป็นไปได้ยังไงที่จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ?
“อือ”
เมื่อได้รับการยืนยันที่ชัดเจนแล้ว เซิ่นมู่ป๋ายก็ขมวดคิ้ว “ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้นะ จากการบำบัดกับการสำรวจอย่างละเอียดของฉันแล้ว อารมณ์ของเสี่ยวเป่าน่ะมั่นคงมาก จิตใจของเขาค่อนข้างปกติ เพียงเพราะกล่องเครื่องเขียนพัง ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนั้น.”
“แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นแล้วจริงๆ ” จิ้นเฟิงเฉิน หน้าไปมอง ท้องฟ้ามืดภายนอกหน้าต่าง ถอนหายใจพลางพูดว่า “สื้อสื้อเป็นห่วงเสี่ยวเป่ามาก นายช่วยรีบคิดหาวิธีรักษา
เสี่ยวเป่าให้หายหน่อยนะ” เซิ่นมู่ป๋ายหัวเราะออกมาอย่างจนปัญญา
“เฟิงเฉิน ปัญหาทางจิตน่ะไม่ได้รักษาง่ายขนาดนั้นนะ ต้องใช้เวลาพอสมควร”
“อาการของเสี่ยวเป่านั้นรุนแรงกว่าที่ฉันคิดเอาไว้มาก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปกลัวว่าจิตใจของเขาจะบิดเบี้ยวขึ้นมาจริงๆ ” เซิ่นมู่ป๋ายเข้าใจความรู้สึกของเขา คิดไตร่ตรองอยู่
ครู่หนึ่งแล้วเสนอไปว่า “ให้เสี่ยวเป่าหยุดเรียนก่อนเถอะ อย่าพึ่งให้ไปโรงเรียนสักพัก”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว ได้แต่ฟังเซิ่นมู่ป๋ายอธิบายมาตามสายอย่างต่อเนื่อง
“วันนี้เสี่ยวเป่าเสียการควบคุมอารมณ์ของเขา ฉันเดาว่าตอนอยู่ที่โรงเรียนเขาอาจจะไปเห็นอะไรเข้า ให้เขาหยุดไปโรงเรียนสักพัก ที่สำคัญก็คือต้องป้องกันไม่ให้เขา พบเจอกับสิ่งที่ไม่ดี”
“ได้ ฉันจัดการเอง” จิ้นเฟิงเฉินไม่ลังเลที่จะเห็นด้วย กับข้อเสนอแนะของเขา
ขอเพียงแค่เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อเสี่ยวเป่าเขาก็เห็นด้วยทั้งหมด
“ถ้าเป็นไปได้พรุ่งนี้นายลองถามเสี่ยวเป่าดู ว่าเมื่อได้เห็นอะไรที่โรงเรียนมั้ย หรือว่าเกิดอะไรขึ้น”
“โอเค” จิ้นเฟิงเฉินเองก็อยากรู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเป่าที่โรงเรียน
……
วันต่อมา เมื่อเสี่ยวเป่ากินข้าวเช้าเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็เตรียมตัวพาเขาไปส่งที่โรงเรียน
“เสี่ยวเป่า ช่วงนี้ไม่ต้องไปโรงเรียนสักระยะนะ” จิ้นเฟิงเฉินพูดออกไป
“อะไรนะ?” เจียงสื้อสื้อหันหน้าไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมถึงไม่ต้องไปโรงเรียน?”
เสี่ยวเป่าเองก็มองมาที่เขาอย่างไม่เข้าใจด้วยเหมือนกัน
จิ้นเฟิงเฉินไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง “ความรู้ในโรงเรียนง่ายเกินไปสำหรับเขา”
“เพราะเหตุผลนี้เหรอ?” เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “คุณบอกเองเหรอว่าแม้ว่าเสี่ยหวังจะฉลาดขนาดไหนก็ควรให้เขาได้เรียนด้วยกันกับเด็กในรุ่นเดียวกัน?”
“เสี่ยวเป่า ลูกอยากไปโรงเรียนมั้ย?” จิ้นเฟิงเฉินมองไปยังเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่ากำมือเข้าหากันแน่น เดี๋ยวเดียวก็ถอนหายใจออกมา แล้วส่ายหัว “ไม่อยากไป”
เขาเป็นเด็กฉลาด เขาพอจะเดาได้ว่าเหตุผลที่แด๊ดดี๊ไม่อยากให้เขาไปโรงเรียนเพราะอะไร
“ลูกไม่อยากไปจริงๆ ใช่ไหม?” เจียงสื้อสื้อถามออกมาอย่างไม่มั่นใจ
“หม่ามี๊วางใจเถอะ ต่อให้ผมไม่ไปโรงเรียน ผลการเรียนของผมก็จะไม่น้อยหน้าคนอื่น”
เจียงสื้อสื้อยิ้มพลางลูบหัวเขาไปมา “หม่ามี๊ ไม่ได้กังวลว่าผลการเรียนของลูกจะออกมาไม่ดี ถ้าลูกไม่อยากไป ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไป” สองสามวันมานี้รอบตัวของเขาเกิดเรื่องขึ้นมากมาย พูดเลยว่าไม่ไปโรงเรียนก็ดีเหมือนกัน อยู่ที่บ้านยิ่งทำให้เธอสบายใจมากขึ้น
เพราะแบบนี้เสี่ยวเป่าเลยไม่ต้องไปโรงเรียนสักระยะ จิ้นเฟิงเฉินจะพาเข้าไปส่งที่ที่ทำงานของเซิ่นมู่ป๋ายในตอนเช้าของทุกๆ วัน พอตอนบ่ายสองพ่อลูก ก็จะไปที่จิ้นกรุ๊ปด้วยกัน จากนั้นจิ้นเฟิงเฉินก็จะมาดูแลการเรียนของเขาด้วยตัวเอง
……
“ไอ้เชี่ย จิ้นเฟิงเฉินมันรู้เรื่องอะไรเข้า?”
สองสามวันมานี้ไม่เห็นจิ้นเป่ยเฉินไปโรงเรียนเลย แผนที่คริสมินวางเอาไว้ จึงยากที่จะทำสำเร็จ ซูชิงหยิงขมวดคิ้วแน่น “จิ้นเฟิงเฉินระมัดระวังตัวมาก เขาอาจจะรู้อะไรบางอย่างเข้า”
“ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเราจะทำยังไงดี?”คริสมินถาม
“ทำยังไง?” ซูชิงหยิงหัวเราะออกมา แววตาเต็มไปด้วยความดูแคลน
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจิ้นเฟิงเฉิน จะสามารถ ดูแลลูกชายของมันได้ตลอด24ชั่วโมง จะต้องมีโอกาสที่พลาดบ้างล่ะน่า”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะจัดคนไปจับตามองตระกูลจิ้นเอาไว้”คริสมินหรี่ตาลง
“ฉันจะไม่พลาดโอกาส แม้แต่โอกาสเดียวที่จะได้โจมตีตระกูลจิ้น!”
ซูชิงหยิงลูปแมวที่กำลังนั่งอยู่บนตักของเธอเบาๆ ทำเรากับกำลังคิดอะไรอยู่
“ชิงหยิง เธอวางใจเถอะ ฉันจะช่วยให้เธอบรรลุเป้าหมายที่เธอต้องการ”คริสมินรับปากกับเธอ “มิน” ซูชิงหยิงช้อนตามองเขา มุมปากก็กระตุกยิ้มเบาๆ “แล้วเด็กที่ชื่อว่า
ซูหยางนั้นล่ะ เป็นยังไงบ้างแล้ว?” เมื่อถูกถามกลับมาอย่างรวดเร็วคริสมิน จึงชะงักไปสักหน่อยแล้วรีบตอบกลับไปว่า “ได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมาก”
“แล้วความสัมพันธ์ของเขากับจิ้นเป่ยเฉินล่ะ เป็นยังไงบ้าง?”
“ได้ยินมาว่าไม่ได้แย่ นับได้ว่าเป็นเพื่อนของจิ้นเป่ยเฉินเลยก็ได้”คริสมินได้สำรวจข้อมูลของจิ้นเป่ยเฉินที่โรงเรียนหมดแล้ว
ซูชิงหยิงขมวดคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นพวกเราน่าจะใช้ประโยชน์จากเขาได้”
คริสมินค่อยๆ ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “เธอวางแผนว่าจะทำยังไง?”
ซูชิงหยิงหันหน้าไปมองเขา โดยยิ้มที่มุมปาก ก็ยกเพิ่มมากขึ้น “ก็เพราะว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกันถ้าอย่างนั้นการไปเยี่ยมเพื่อนก็เป็นเรื่องปกติ”
“ฉันเข้าใจแล้ว”คริสมินก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “คุณก็ยังเป็นคนที่ฉลาดจริงๆ ”
ซูชิงหยิงก้มลงมองแมวที่อยู่ในอ้อมแขน พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตามฉันต้องการทำให้ชีวิตอีกครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่ของเจียงสื้อสื้อ อยู่ท่ามกลางความเสียใจและความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน”
อาจเป็นเพราะรับรู้ได้ถึงความไม่เป็นมิตรที่แผ่ขยายออกอยู่รอบตัวของเธอ แมวน้อยก็ส่งเสียงออกมาครั้งหนึ่ง แล้วกระโดดลงจากขาของเธอก่อนจะพุ่งเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว
…….
ตอนที่เสี่ยวเป่าได้รับโทรศัพท์จากซูหยางนั้น หัวคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันแน่นเพราะว่าปลายสายอย่างซูหยางนั้น
ส่งเสียงคร่ำครวญ ครวญครางออกมา
“จิ้นเป่ยเฉิน นายน่ะยังไม่มาเยี่ยมฉันเลยนะ ฉันกำลังจะหายแล้วนะ!”
“นายรู้มั้ย? ว่าตอนนี้แม่ของฉันไม่ยอมให้ฉันออกนอกบ้านเลย ขังให้อยู่แต่ในห้อง ฉันเบื่อจะตายอยู่แล้ว!”
“จิ้นเป่ยเฉิน นายรีบมาเยี่ยมฉันเลยนะ!”
……
“พูดจบหรือยัง?” เสี่ยวเป่าถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“พูดจบแล้ว” เสียงของซูหยาง ฟังแล้วเหมือนคนหมดกำลังใจไปสักหน่อย
เสี่ยวเป่าไตร่ตรองอยู่สองสามวินาที “…… นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงยังคงความเย็นชาอยู่ แต่ก็สามารถฟังออกว่าเป็นห่วง
น้ำเสียงตอบกลับของซูหยาง มีความไม่มั่นใจปรากฏออกมา “จิ้นเป่ยเฉิน นี่นายเป็นห่วงฉันเหรอ?”
“ถ้านายยังพูดจาไร้สาระอีกที ฉันจะกดวางสายแล้วนะ” จริงๆ แล้วก็เสี่ยวเป่าไม่อยากที่จะได้ยินเสียงคร่ำครวญโหยหวนของเขาอีก “อย่านะ” ซูหยางรีบตะโกนห้ามทันที “ฉันไม่เป็นไร ก็แค่เลือดกำเดาไหลนิดหน่อย แต่แม่ฉันคิดว่า ฉันต้องนอนพักฟื้น ก็เลยไม่ได้ไปโรงเรียน”
“ฉันก็ไม่ได้ไปโรงเรียนเหมือนกัน” เสี่ยวเป่าบอก
“เหรอ? นายก็ไม่ไปโรงเรียนเหรอ?” ซูหยางแปลกใจมาก
แต่ว่าเขาเป็นถึงนักเรียนดีเด่น ทำไมเขาถึงไม่ไปโรงเรียนล่ะ?
“อื้อ ไม่ได้ไป”
พอได้ยินว่าเขาไม่ได้ไปจริงๆ ซูหยางก็ดีใจ “แบบนี้ฉันก็ไม่ต้องกลัวว่าผลการเรียนของฉันจะตกแล้ว”
เพิ่งพูดจบ เขาก็สังเกตได้ถึงความผิดพลาด ใบหน้าเล็กบูดบึ้งในทันที “ไม่ใช่สิ ต่อให้นายไม่ไปโรงเรียน ผลการเรียนก็ยังเป็นที่หนึ่งอยู่ดี แต่ฉันน่ะไม่เหมือนกัน สอบตกแน่ๆ !”
เขายังไม่อยากสอบตก!
ซูหยางล่อกแลกไปมา ก่อนจะหัวเราะ “แหะ แหะ” ออกมา “จิ้นเป่ยเฉิน ทำไมไม่มาช่วยติวให้ฉันล่ะ?”
“ไม่เอา!” เขาพูดตอบกลับไปแค่2คำ ก็กดตัดสายไปในทันที