ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1419 เป็นครั้งที่สองแล้ว
เสี่ยวเป่าอาเจียนออกมาไม่หยุด อาเจียนจนมีน้ำย่อยปนออกมา จนใบหน้าเล็กซีดเสียวไม่มีสีของเลือดเลยแม้แต่น้อย ขาวซีดราวกับกระดาษ กู้เนี่ยน รู้สึกหวาดกลัวไม่กล้าแม้แต่จะรอสักนาทีเดียว รีบพาเขาไปส่งโรงพยาบาลในทันที
ระหว่างทางก็โทรศัพท์หาจิ้นเฟิงเฉิน รายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง
“ฉันจะไปที่นั่นทันที”
ตอนที่ได้รับโทรศัพท์นั้นจิ้นเฟิงเฉิน กำลังประชุมอยู่
ผู้บริหารทุกคนเห็นสีหน้าของเขามืดครึ้มลง ทุกคนล้วนทำการคาดคะเนอยู่ ในใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อวางสายแล้วจิ้นเฟิงเฉิน ก็ทิ้งเหล่าผู้บริหารเอาไว้ แล้วเดินออกจากห้องประชุมไปอย่างรีบร้อน
เลขานุการเห็นดังนั้น ก็รีบแจ้งกับทุกคน โดยไม่รอช้าว่า “การประชุมวันนี้จบลงตรงนี้ก่อนนะครับ”
พูดจบเขาก็รีบวิ่งตามออกไป
“ท่านประธานเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” เลขานุการเมื่อตามมาถึงตัวของจิ้นเฟิงเฉิน ก็ถามออกมาอย่างเป็นกังวล
“ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการ ถ้าคุณผู้หญิงถามหาก็บอกไปว่าฉันออกไปข้างนอกแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับมา” แล้วจิ้นเฟิงเฉินก็ก้าวขายาวๆ เข้าลิฟต์ไป
“ทราบแล้วครับ” เลขาก้มหน้าลงอย่างนอบน้อม
……
เสี่ยวเป่าถูกนำตัวส่งเข้าไปในห้องฉุกเฉิน กู้เนี่ยนเอง ก็อยากจะเข้าไปกับเขาด้วย แต่ถูกพยาบาลขวางเอาไว้
“ญาติคนไข้รออยู่ด้านนอกก่อนนะคะ”
พูดจบพยาบาลก็ปิดประตูไป
กู้เนี่ยนทำได้เพียงแค่เดินไปเดินมาอยู่ด้านนอกอย่างร้อนใจ เขาหันหน้าไปมองประตูของทองฉุกเฉินอยู่ เป็นระยะๆ
ผ่านไปราวๆ สิบกว่านาที คุณหมอก็เดินออกมา
“คุณหมอคนไข้เป็นอย่างไรบ้าง?” กู้เนี่ยนรีบพุ่งเขาไปหาคุณหมอ
“คนไข้ไม่เป็นอะไรแล้ว”
กู้เนี่ยนยังไม่เชื่อ “จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง เขาอาเจียนออกมาหมดเลยนะแม้แต่น้ำย่อยเองก็อาเจียนออกมาด้วย แถมหน้าของเขายังขาวซีดอีกด้วย!”
คุณหมอแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา “นี่คุณกำลังสงสัยในอาชีพการทำงานของผมเหรอ?”
“ไม่ใช่” กู้เนียนรีบปฏิเสธ “ผมก็แค่เป็นห่วงสุขภาพของเด็กก็เท่านั้น”
“เรื่องนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วงเด็กไม่เป็นอะไรเลย กลับไปต้มข้าวต้มให้เขากินสักหน่อย เพื่อดูแลระบบย่อยก็หายขึ้นแล้ว”
คุณหมอเพิ่งพูดจบพยาบาลก็เข็นเสี่ยวเป่าออกมาจากห้องฉุกเฉิน
“เสี่ยวเป่า” กู้เนี่ยนรีบเข้าไปหา เห็นสีหน้าของเขายังเสียวอยู่เล็กน้อย ก็หันหน้าไปถามคุณหมอ “คุณมั่นใจใช่ไหมว่าคนไข้ไม่เป็นอะไรจริงๆ ?”
“แน่นอนว่าผมมั่นใจ!” หมอทำหน้าไม่พอใจอีกครั้ง
“ลุงกู้ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว” เสี่ยวเป่าฝืนยิ้มออกมา
กู้เนี่ยนรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก “มีตรงไหนรู้สึกไม่โอเคต้องบอกลุงนะ รู้ไหม?”
“อื้อ” เสี่ยวเป่าพยักหน้า
ตอนนี้เองก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบใกล้เข้ามา กู้เนี่ยนและเสี่ยวเป่า หันหน้าไปทางที่มาของเสียง ก็เห็นจิ้นเฟิงเฉิน ก้าวขายาวๆ มาหา
“เสี่ยวเป่า”
“แด๊ดดี้” ทันทีที่เห็นจิ้นเฟิงเฉิน ตาของเสี่ยวเป่าก็กลายเป็นสีแดง
“บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า?” จิ้นเฟิงเฉิน เข้ามาจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของเขาแล้วสำรวจ ทั่วทั้งร่างกาย
เสี่ยวเป่ายกมือขึ้นมาขยี้ตา ยกมุมปากยิ้มขึ้นเล็กน้อย “แด๊ดดี้ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ไม่เป็นอะไรแล้ว?”
จิ้นเฟิงเฉินหันหน้าไปมองกู้เนี่ยน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“คุณหมอตรวจดูแล้วร่างกายของเสี่ยวเป่าไม่มีปัญหาอะไรเลย” เสียงของกู้เนี่ยนนั้นเบาลงเรื่อยๆ เพราะว่าเขาเองก็ไม่ค่อยเชื่อในคำพูดของหมอเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยกล้าที่จะพูดออกไป
“ไม่เป็นอะไรแล้วจะอาเจียนได้ยังไง?” สายตาคมของจิ้นเฟิงเฉิน จ้องมองไปยัง คุณหมอที่อยู่ด้านข้าง
ใจของหมอกระตุกวูบหนึ่ง แล้วรีบอธิบายออกมาอย่างร้อนรนว่า “ร่างกายของเด็กไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาเลยจริงๆ การเกิดการอาเจียนไม่ได้เกิดจากสุขภาพที่ไม่ดีอย่างแน่นอน อาจจะเป็นการอาเจียนทางกายภาพ”
“ทางกายภาพ?” จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว
“ก็พูดได้ง่ายๆ ก็คืออาจจะได้เห็นอะไรที่ดูสกปรกหรือได้กลิ่นอะไรที่ไม่ชอบพวกนี้”
“เห็นอะไร? ได้กลิ่นอะไร?” กู้เนี่ยนคิดไปถึงอะไรบางอย่าง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “คุณชายผมว่าผมรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น”
“บอกมา!”
กู้เนี่ยนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้จิ้นเฟิงเฉินฟังอย่างครบถ้วน พูดจบก็เสริมอีกว่า
“คุณชายถ้าผมเดาไม่ผิดคุณชายน้อย อาจจะมีอาการเพราะเห็นการปะทะกันกับตาตัวเอง จึงทำให้ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วอย่างแรง สิ่งที่กู้เนียนคาดเดาเอาไว้นั้นไม่ผิด ที่เสี่ยวเป่าอาเจียนออกมาอย่างกะทันหันจะต้องเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เขาไม่ได้คิดอะไรมาก คิดเพียงแค่ว่าจะต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกกับเซิ่นมู่ป๋าย เพื่อให้เซิ่นมู่ป๋ายได้ปรับแผนการรักษาของเขาให้เป็นปัจจุบัน
ทันใดนั้นเองเสี่ยวเป่าก็พูดออกมาว่า “จริงๆ แล้วนี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมเห็นคน ปะทะกัน ไม่ใช่สิครั้งนี้รุนแรงกว่าเดิมมาก พวกเขาถือมีดด้วย”
“ครั้งที่สองเหรอ?” จิ้นเฟิงเฉินจับใจความประโยคนี้ออกมาได้ “ครั้งแรกเกิดขึ้นตอนไหน?”
“เกิดขึ้นที่โรงเรียน มีกองถ่ายละครมาถ่ายทำที่โรงเรียน ซูหยางลากผมไปดูด้วย หลังจากนั้นก็เห็นพวกนักแสดงต่อยตีกัน แล้วก็มีการนองเลือดด้วย วันนั้น ซูหยางเองก็ยังโดนลูกบาสกระแทกเข้าที่หน้า เป็นลมไปเลย”
เสี่ยวเป่าพูดถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ตอนแรกหน้าที่ดูซีดเสียวอยู่แล้วก็ยิ่งไม่น่าดูเข้าไปอีก
“แล้ววันนั้นตอนค่ำลูกก็ทะเลาะกับเถียนเถียนใช่ไหม?” จิ้นเฟิงเฉินถาม
เสี่ยวเป่าพยักหน้า
จิ้นเฟิงเฉินกับกู้เนี่ยนสบตากัน พวกเขาทั้งคู่นั้นสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเรื่องราวเหล่านี้
ถ้าเกิดพูดว่าสองครั้งนี้ล้วนเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญมันก็ออกจากประจวบเหมาะเกินไปแล้ว
นี่มันผิดปกติ!
จิ้นเฟิงเฉินหรี่ตาลง เผยร่องรอยของความดุดันออกมา เรื่องนี้ไม่ใช่ความบังเอิญอย่างแน่นอน แต่มีคนตั้งใจให้มันเกิดขึ้น และทั้งสองครั้งก็พุ่งเป้าไปที่เสี่ยวเป่า
ชัดเจนเลยว่าอีกฝ่ายจะต้องรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเสี่ยวเป่า
“กู้เนี่ยน ไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้ละเอียด!” จิ้นเฟิงเฉินออกคำสั่งเสียงเข้ม
“ครับ!” กู้เนี่ยนรับคำสั่งแล้วเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
……
เจียงสื้อสื้อที่เดินออกมาจากห้องทำงาน แล้วเห็นเลขาของจิ้นเฟิงเฉินที่เดิมทีควรจะอยู่ในการประชุม มาอยู่นั่งอยู่ด้านนอก เธอเดินเข้าไปหา แล้วถามว่า “การประชุมจบแล้วเหรอ?”
เมื่อเลขาเห็นเธอ ก็รีบยืนขึ้น “ใช่ครับ จบแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นท่านประธานล่ะ?” ในเมื่อประชุมจบแล้วทำไม เฟิงเฉินยังไม่กลับไปที่ห้องทำงานอีก?
“ท่านประธานเขา…… เขามีธุระเลยออกไปข้างนอกสักครู่ครับ”
“ออกไปด้านนอก? ออกไปไหน?” เจียงสื้อสื้อถามกลับไป
“ไม่ทราบครับ” เลขาส่ายหัว
เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอรีบกลับมายังห้องทำงาน หามือถือแล้วโทรหาจิ้นเฟิงเฉินทันที
ไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย “สื้อสื้อ มีอะไรเหรอ?”
เสียงนุ่มทุ้มดังผ่านหูฟังออกมา เจียงสื้อสื้อถามออกไปในทันที “คุณไปไหน ทำไมไม่บอกฉันสักคำ?”
“มีเรื่องด่วนต้องจัดการนิดหน่อย”
“เรื่องอะไร?”
เพิ่งถามจบไป เจียงสื้อสื้อก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงที่ไม่คุ้นเคยดังออกมาจากปลายสาย
“คุณผู้ชายคะ คุณหมอแจ้งว่า คุณสามารถพาเด็กกลับไปได้แล้วค่ะ”
คุณหมอ? เด็ก?
เจียงสื้อสื้อหรี่ตาลงเล็กน้อย “คุณอยู่ที่โรงพยาบาลเหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินปิดบังความจริงไม่ได้แล้ว ก็ทำได้เพียงแค่สารภาพออกไปตามความจริง “อืม เสี่ยวเป่ากับผมอยู่ที่โรงพยาบาล”
“เสี่ยวเป่าเป็นอะไรเหรอ?” เจียงสื้อสื้อตกใจมากจนระดับเสียงของเธอเพิ่มขึ้น
“ไม่เป็นอะไร ก็แค่….”
ไม่รอให้จิ้นเฟิงเฉินพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็แทรกขึ้นมา “พวกคุณอยู่ที่โรงพยาบาลไหนเดี๋ยวฉันจะไปหาพวกคุณ”
จิ้นเฟิงเฉินมองดูเสี่ยวเป่าที่อยู่ข้างตัว แล้วบอกโรงพยาบาลที่อยู่ ให้เธอไป
“รอฉันเลย”
พูดจบ เจียงสื้อสื้อก็วางสายไป แล้วรีบวิ่งออกจากห้องทำงาน เธอขับรถด้วยความเร็วสูงไปตลอดทาง แทบอยากจะสามารถไปถึงข้างกายของเสี่ยวเป่าได้ในทันที
จิ้นเฟิงเฉินกับเสี่ยวเป่านั่งอยู่ที่เก้าอี้ยาวตรงระเบียงทางเดิน เวลาผ่านไปไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาอย่างรีบเร่ง
สองพ่อลูกหันไปมอง ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเจียงสื้อสื้อนั่นเอง