ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1426 สถานการณ์ตึงเครียด
ตั้งแต่จิ้นกรุ๊ปตกเป็นเป้าหมายของซ่างกวนเชียน จิ้นกรุ๊ปตกอยู่ในสถานะที่ไม่โต้ตอบมาตลอด
ความรู้สึกนี้จิ้นเฟิงเฉินไม่ชอบเป็นอย่างมาก
เขาชอบที่จะลงมือก่อนมากกว่า
เหมือนที่เฟิงเหราพูดไว้ โครงการใหญ่ที่ร่วมงานกับต่างประเทศครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะโจมตีซ่างกวนเชียนและคนอื่นๆ สักที
สำหรับซ่างกวนเชียนกับคริสมิน แล้วนี่เป็นโอกาสที่พวกเขาจะโจมตีจิ้นกรุ๊ปเหมือนกัน
“โครงการที่TSกรุ๊ปเปิดประมูลในครั้งนี้ เป็นโครงการที่จิ้นกรุ๊ปจะต้องชนะให้ได้ สำหรับโครงการนี้จิ้นกรุ๊ปเตรียมพร้อมมาหลายเดือนแล้ว”
ซ่างกวนเชียนบอกคริสมิน เกี่ยวกับเรื่องที่เขาสืบมาได้ทั้งหมด
คริสมินยิ้มเยาะอย่างเย็นชา “สำคัญขนาดนี้ ถ้าประมูลไม่ชนะ จิ้นเฟิงเฉินคงอารมณ์เสียมากแน่นอน”
“เขาอารมณ์เสียเรื่องเล็ก เรื่องที่สำคัญที่สุดคือความเสียหายของจิ้นกรุ๊ปคงหนักมาก” ซ่างกวนเชียนหรี่ตา แววตาของเขาดุร้ายมาก “ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาพวกเขาลงทุนเป็นเงินจำนวนมาก ถ้าประมูลมาไม่ได้ ก็จะเสียเงินไปเปล่าๆ ”
ซ่างกวนเชียนเชื่อว่าครั้งนี้จะต้องสร้างความเสียหายต่อจิ้นกรุ๊ปและจิ้นเฟิงเหราอย่างหนักแน่นอน
คริสมินนิ่งคิดอยู่สักพัก “ครั้งนี้ เราไม่เพียงไม่ให้จิ้นกรุ๊ปได้โครงการนี้ แต่ต้องให้โครงการนี้ตกมาอยู่ในมือเราด้วย”
“แน่นอน” ซ่างกวนเชียนเลิกคิ้วขึ้น “ได้รับการจู่โจมถึงสองครั้ง ถึงจะเป็นจิ้นกรุ๊ปก็คงไม่ไหวเหมือนกัน”
คริสมินเงยหน้าแล้วหัวเราะเสียงดัง “พวกเราเป็นคู่หูที่เข้ากันที่สุดจริงๆ ด้วย คิดอะไรก็เหมือนกันไปหมด”
“แน่นอน” ซ่างกวนเชียนยกแก้วขึ้น “เพื่อฉลองกับความร่วมมือของเรา ชนแก้ว”
คริสมินขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้า “คุณพูดผิดแล้ว เป็นการฉลองเพื่อความสำเร็จของเรา”
“ฮ่าฮ่า” ซ่างกวนเชียนหัวเราะออกมาสองครั้ง “ถูกต้อง ถูกต้อง ครั้งนี้เราจะต้องประสบความสำเร็จ”
ทั้งสองคนชนแก้วไวน์ แล้วดื่มจนหมดแก้ว
ครั้งนี้ พวกเขาจะต้องชนะเท่านั้น!
……
หลายวันที่ผ่านมา จิ้นเฟิงเฉินออกไปทำงานตั้งแต่เช้าและกลับมาดึกทุกวัน เจียงสื้อสื้อรู้ว่าเขากำลังยุ่งกับโครงการทางต่างประเทศ
เดิมทีเธอวางแผนที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ แต่ถูกจิ้นเฟิงเฉินห้ามไว้ก่อน
“โครงการนี้ค่อนข้างพิเศษ ผมกลัวว่าร่างกายของคุณจะรับไม่ไหว ดังนั้นคุณรับผิดชอบโครงการอื่นเถอะ”
นี่คือสิ่งที่จิ้นเฟิงเฉินพูดกับเธอ ตอนแรกเธอคิดว่าเขาประเมินตัวเองต่ำไป แต่หลังจากเห็นเขายุ่งในทุกวันนี้ เธอถึงได้รู้ว่าเขาเป็นห่วงเธอจริงๆ
ดูจากความยุ่งวุ่นวายในปัจจุบันของพวกเขา ร่างกายของเธอคงไม่ไหวจริงๆ
ในช่วงเช้าตรู่ จิ้นเฟิงเฉินกับจิ้นเฟิงเหราถึงได้กลับมาถึงบ้าน
เจียงสื้อสื้อนอนหลับไปแล้ว ในตอนที่สะลึมสะลือ เธอได้ยินเสียงเปิดประตู
เธอจึงลืมตาขึ้น แล้วพยุงร่างกายของเธอขึ้นมา แล้วมองไปทางประตู
ร่างสูงเดินเข้ามา
“ทำไมคุณกลับมาช้าจัง” เจียงสื้อสื้อถามเสียงดัง
“ขอโทษที ผมทำให้คุณตื่นหรือเปล่า” จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้ามาใกล้ แล้วมองเธออย่างขอโทษ
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ”
ด้วยแสงสว่างที่ข้างเตียง เจียงสื้อสื้อเห็นรอยคล้ำใต้ดวงตา จึงรู้สึกเป็นห่วงมาก
“คุณจะยุ่งอีกนานไหมคะ”
พอได้ยินคำพูดแฝงไปด้วยความกังวลใจของเธอ จิ้นเฟิงเฉินยกยิ้ม แล้วช่วยทัดผมที่ตกอยู่บนแก้มของเธอไว้หลังใบหูของเธอ
“การประมูลจะมีวันมะรืนนี้แล้ว หลังจากนั้นคงไม่ยุ่งมากเท่าไหร่”
เจียงสื้อสื้อจับมือเขาไว้ “หวังว่าจะชนะการประมูลได้อย่างราบรื่นนะคะ”
ไม่อย่างนั้นการทำงานหนักของเขากับเฟิงเหราตลอดหลายวันที่ผ่านมาก็จะสูญเปล่าไปเลย
จิ้นเฟิงเฉินมองไปที่เธออย่างอ่อนโยน แล้วพยักหน้า “แน่นอนครับ”
รอจนจิ้นเหิงเฉินอาบน้ำเสร็จออกมา เจียงสื้อสื้อก็นอนหลับไปอีกครั้งแล้ว
เขาขึ้นนอนอย่างเบาเสียง แล้วดึงเธอเข้ามากอด แล้วหลับตาลง
แค่มีเธออยู่เคียงข้าง ถึงจะทำงานหนักแค่ไหนก็สุขใจ
……
วันงานประมูล
จิันเฟิงเฉินกับจิ้นเฟิงเหราเพิ่งลงจากรถ ซ่างกวนเชียนและคนอื่นๆ ก็มาถึงเช่นกัน
“พี่ครับ พวกเขามาถึงแล้ว” จิ้นเฟิงเหรามองไปที่กลุ่มคนที่เดินเข้ามาใกล้พวกเขาพร้อมกับบอดี้การ์ด
มีซ่างกวนเชียน คริสมิน และประธานบริษัทอื่นๆ ที่ร่วมงานด้วย
“ไม่เจอกันนานเลยนะครับประธานจิ้น”
พอเข้าใกล้ ซ่างกวนเชียนก็ทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าเขาไม่เคยทำอะไรกับจิ้นกรุ๊ปมาก่อน
“หน้าหนามาก!” จิ้นเฟิงเหราพูดกระซิบ
จิ้นเฟิงเฉินเหลือบมองเขา แล้วมองซ่างกวนเชียนด้วยสายตาว่างเปล่า “ไม่เจอกันนานเลยนะครับ ประธานซ่างกวน”
ซ่างกวนเชียนเลิกคิ้วขึ้น “คุณมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประมูลเหรอครับ?”
“ไม่อย่างนั้น คุณคิดว่าพวกเรามาที่นี่เพื่อเที่ยวชมหรือไง?” จิ้นเฟิงเหราพูดเยาะเย้ย
“เฟิงเหรา” จิ้นเฟิงเฉินพูดเสียงเรียบ แต่ไม่มีคำตำหนิจิ้นเฟิงเหราบนสีหน้าของเขา
ความโหดเหี้ยมปรากฏในดวงตาของซ่างกวนเชียน ก่อนจะรีบเปลี่ยนไปทันที “ฮ่าฮ่า” เขาหัวเราะออกมาสองครั้ง “ประธานจิ้นชอบพูดเล่นเหมือนกันนะครับ”
จิ้นเฟิงเหราขมวดคิ้ว พวกเขาสนิทสนมกันมากเหรอ?
“สวัสดีครับประธานจิ้น” คริสมินก้าวไปข้างหน้า แล้วพูดอย่างเสียดาย “ผมเคยคิดอยากจะร่วมมือกับจิ้นกรุ๊ปมาก่อน แต่กลับไม่เคยมีโอกาสเลย น่าเสียดายจริงๆ ”
ไม่มีร่องรอยของความเสียใจอยู่บนใบหน้าของเขาเลย
จิ้นเฟิงเหราพูดเยาะเย้ยในใจครั้งแล้วครั้งเล่า อยู่ในที่แบบไหน ก็ทำตัวเป็นเช่นนั้นจริงๆ !
คนที่อำมหิตเลือดเย็นและหน้าซื่อใจคดมารวมตัวกัน
สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินไม่แยแส ไม่ได้อารมณ์เสียเพราะคำพูดของพวกเขา
คริสมินไม่ใส่ใจ เขายื่นมือออกมา “ประธานจิ้นครับ ผมหวังว่าจะมีโอกาสร่วมงานกันในอนาคตนะครับ”
“ผมคิดว่าคงไม่มีโอกาสหรอกครับ” จิ้นเฟิงเหราก้าวออกไปจับมือเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “จิ้นกรุ๊ปคงไม่คู่ควร”
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ปล่อยมือของคริสมิน แล้วหันกลับไปพูดกับจิ้นเฟิงเฉิน “พี่ครับ เราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าไปทางซ่างกวนเชียนและคนอื่นๆ จากนั้นก็เดินเข้าไปพร้อมกับจิ้นเฟิงเหรา
ซ่างกวนเฉียนหันกลับไปมอง มองพวกเขาเดินเข้าไป สีหน้าของเขาค่อยๆ เย็นชา เขาเหลือบไปมองคนอื่นๆ ด้วยหางตา แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “เข้าไปกันเถอะ”
กลุ่มคนเดินเข้าไปในงานประมูลพร้อมกัน เดิมทีควรจะเป็นงานประมูลที่ครึกครื้น แต่เพราะการมาถึงของจิ้นเฟิงเฉินกับซ่างกวนเชียน บรรยากาศในงานจึงเงียบสนิท
ทุกคนต่างก็รู้ว่าช่วงนี้จิ้นกรุ๊ปกับซ่างกวนกรุ๊ปต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทั้งสองฝ่ายปรากฏตัวที่งานประมูลเดียวกัน เดาได้เลยว่าจะอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดมากแค่ไหน
“พี่ครับ เราต้องชนะโครงการนี้ให้ได้ ต้องไม่ปล่อยให้ซ่างกวนเชียนทำสำเร็จเด็ดขาด!”
จิ้นเฟิงเหรามองไปที่ซ่างกวนเชียนและคนอื่นๆ ก่อนจะพูดอย่างโกรธเคือง
มุมปากของจิ้นเฟิงเฉินยกยิ้ม “จิ้นกรุ๊ปจะไม่แพ้ พวกเราเองก็จะไม่แพ้”
พอเห็นเหตุการณ์แบบนี้ ประธานบริษัทที่ร่วมมือกับซ่างกวนกรุ๊ปเริ่มไม่มั่นใจ จึงถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ “ประธานซ่างกวน คุณมั่นใจมากแค่ไหน?”
คนอื่นๆ พากันพูดซ้ำ “ใช่ครับ คุณมั่นใจมากแค่ไหน?
ชะตากรรมของตระกูลกู้ พวกเขาเห็นมากับตา จึงรู้สึกไม่สบายใจ
ไม่มีใครอยากเป็นตระกูลกู้รายต่อไป
แต่ตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาร่วมมือกับซ่างกวนกรุ๊ป พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเอาชนะจิ้นกรุ๊ปให้ได้เท่านั้น
“พวกคุณไม่เชื่อผมเหรอ” ซ่างกวนเชียนถามกลับ
“ไม่ใช่แน่นอนครับ” ทุกคนต่างก็ส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกัน
“แต่พวกคุณดูสิครับ สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินไม่เปลี่ยนแปลงเลย ไม่รู้สึกร้อนใจ แต่ดูมั่นใจมาก”
ซ่างกวนเชียนหันหลังกลับมองไปที่จิ้นเฟิงเฉิน แล้วพูดเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “สีหน้าของเขาก็เป็นแบบนี้มาโดยตลอด ใครจะรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในอารมณ์ไหน”