ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 144 ซื้อมาให้คุณ
บทที่ 144 ซื้อมาให้คุณ
เจียงสื้อสื้อทำงานต่อ และไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง จิ้นเฟิงเฉินก็มา
เมื่อเห็นว่าเขามาถึง เจียงสื้อสื้อก็ประหลาดใจ มีรปภ.อยู่ชั้นล่าง พนักงานทุกคนต้องมีบัตรพนักงานถึงเข้ามาได้ เมื่อคิดอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อก็มองจิ้นเฟิงเฉินและถามด้วยความสงสัย “คุณเข้ามาได้ยังไง”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม และเม้มปากแล้วพูดว่า “ในโลกนี้ยังมีเรื่องที่ผมทำไม่ได้อีกเหรอ”
เจียงสื้อสื้อรู้สึกสงสัย หรือว่าจิ้นเฟิงเฉินติดสินบนพี่รปภ. หรือจิ้นเฟิงเฉินหาช่องทางอื่นเข้ามา หรือเขาแอบเข้ามาตอนที่รปภ.เผลอ”
แน่นอน เจียงสื้อสื้อคิดยังไงก็คิดไม่ออก จิ้นเฟิงเฉินเป็นเบื้องหลังของประธานจิ่นซื่อกรุ๊ป การจะเข้ามาในบริษัทเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
จิ้นเฟิงเฉินวางสิ่งของในมือไว้บนโต๊ะ และพูดว่า “กินข้าวก่อนเถอะ ผมเอาข้าวเย็นมาให้คุณ”
เจียงสื้อสื้อตะลึงและพูดว่า “ขอบคุณค่ะ”
พูดจบ เธอก็เปิดกล่องอาหาร กลิ่นหอมลอยเตะจมูก อาหารทั้งหมดล้วนเป็นของที่เธอชอบ ในใจเจียงสื้อสื้อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น เดิมทีก็หิวอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งหิวเข้าไปอีก ดังนั้นเธอจึงทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
จิ้นเฟิงเฉินนั่งอยู่ข้างๆ เห็นข้อมูลในหน้าจอคอมพิวเตอร์จึงเอ่ยปากถาม “ทำอะไรอยู่”
เจียงสื้อสื้อเหลียวมองหน้าจอคอมพิวเตอร์แวบหนึ่งและพูดว่า “เขียนแผนโครงการ”
“สำคัญมากเหรอ ถึงได้ทำจนดึกจนดื่นแม้แต่ข้าวก็ไม่ได้กิน”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เห็นด้วยกันแนวทางนี้
เจียงสื้อสื้อทานอาหารไปพลางและตอบคำถามไปพลาง “เสร็จเร็ว จะได้วางใจได้เร็วๆ จะพูดอีกก็ไม่ได้หิวมากเท่าไหร่ ไม่เป็นอะไรหรอก”
จิ้นเฟิงเฉินชำเลืองมองเจียนสื้อสื้อเบา ๆ “ไม่ว่ากับงานอะไรคุณก็จริงจังขนาดนี้ ทำไมไม่จริงจังกับผมบ้าง”
พูดเรื่องงานอยู่ดีๆจู่ๆก็เปลี่ยนเป็นเรื่องความรู้สึก เจียงสื้อสื้อก็เกือบสำลักข้าว ดวงตาของเธอลุกเป็นไฟเล็กน้อย แล้วก็ในขณะที่ไม่รู้จะพูดยังไงต่อ
สีหน้าจิ้นเฟิงเฉินค่อนข้างทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก็พูดขึ้นว่า “คุณกินข้าวเถอะ ผมจะไม่พูดเรื่องนี้แล้ว”
ความรู้สึกเจียงสื้อสื้อซับซ้อนมาก ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากจริงจังกับเขา แต่เธอกลัวว่าถ้าจริงจังกับเขามากเกินไป มันจะยากที่จะถอนใจตัวมันเอง
เธอก้มหน้าไม่กล้ามองจิ้นเฟิงเฉิน และไม่กล้าพูดคำพูดเหล่านี้ออกไป
หลังทานอาหารค่ำเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็ไม่เห็นว่าจิ้นเฟิงเฉินมีท่าทีว่าจะไป มันเลยยากที่จะทำงานต่อไปอีก จากที่วางแผนไว้ว่ากินเสร็จแล้วจะทำต่อ
“ไปเถอะ กลับบ้านก่อน”
จิ้นเฟิงเฉินรอจนเจียนสื้อสื้อทานข้าวเสร็จ เพราะไม่ได้คิดจะให้เธอทำงานต่อ เมื่อได้ยินอย่างนี้ เจียงสื้อสื้อจึงพยักหน้า ทั้งสองคนก็ออกจากห้องทำงานด้วยกัน
เมื่อมาถึงประตู ผ่านป้อมยาม เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกไม่แน่ใจดูเหมือนเธอจะเห็นว่าเมื่อกี้ตอนคุณลุงเห็นจิ้นเฟิงเฉินแล้วดูมีท่าทีนอบน้อมมาก
เธออดไม่ได้ที่จะสงสัย หรือตัวเองจะคิดไปเอง
แต่เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากออกจากประตู ก็ได้ยินจิ้นเฟิงเฉินพูด “เพิ่งกินข้าวเสร็จไปเดินเล่นกันเถอะ เป็นการเดินย่อยอาหาร”
“ค่ะ” เจียงสื้อสื้อไม่ได้คัดค้าน ยังไงตอนนี้ก็ยังไม่ดึกอยู่ กลับไปตอนนี้ก็ไม่มีอะไรทำ
ทั้งสองเดินเคียงข้างกันไปตามถนน ย่านนี้เป็นย่านที่เจริญที่สุดในเมือง บนทางเดินได้พบคู่รักมากมายจับมือกันและสาวๆ บางคนกำลังช๊อปปิ้งด้วยกัน เจียงสื้อสื้อรู้สึกเหมือนจะได้ยินว่าเมื่อมีคนเห็นเธอกับจิ้นเฟิงเฉินก็จะพูดขึ้นว่า “ดูเร็วๆ ผู้ชายคนนั้นหล่อมากเลย อยากได้ช่องทางการติดต่อจังเลย”
“ไม่เห็นแฟนเขายืนอยู่ข้างๆเหรอ แฟนเขาก็สวยนะ ทั้งสองคนใส่ชุดคู่ด้วย เห็นแล้วดูเหมาะกันมากเลย”
…………….
เจียงสื้อสื้อมองชุดของจิ้นเฟิงเฉินอย่างตะลึงๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเน็กไทสีน้ำเงินเข้ม และวันนี้ตัวเองก็สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน
มันจึงเหมือนชุดคู่ เจียงสื้อสื้อตะลึงเล็กน้อย แต่รู้สึกตะขิดตะขวงมากกว่า เพราะยังไงเธอก็ไม่ใช่แฟนของจิ้นเฟิงเฉิน
ยังมีสาว ๆ หลายคนจับตามองจิ้นเฟิงเฉินอยู่ สายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา เพราะไม่ว่าผู้ชายคนนี้จะไปที่ไหนก็เป็นจุดสนใจ
เจียงสื้อสื้อชำเลืองมองด้านข้างของจิ้นเฟิงเฉิน เวลาก็ดึกแล้ว เดิมทีเธอก็อยากจะกลับแล้ว แต่เมื่อเธอได้เห็นการแสดงบนถนนคนเดิน การเปลี่ยนเสื้อผ้าตามฤดูกาล เธอถึงได้รู้ว่านี้ใกล้ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
เมื่อผ่านร้านขายเสื้อผ้าเด็ก เจียงสื้อสื้อเหลือบเห็นเสื้อผ้าในร้าน ในใจก็อดคิดถึงเสี่ยวเป่าไม่ได้ ถ้าเขาได้ใส่ชุดเหล่านี้ต้องน่ารักมากแน่ๆ
เมื่อคิดอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปในร้าน จิ้นเฟิงเฉินก็เดินเข้าไปด้วย
พนักงานต้อนรับพวกเธออย่างสุภาพ เจียงสื้อสื้อก็เลือกเสื้อผ้า และถามจิ้นเฟิงเฉินอยู่ตลอด “ชุดนี้เป็นยังไง เสี่ยวเป่าใส่แล้วต้องหล่อแน่ๆ”
“แล้วชุดนี้ล่ะ เสี่ยวเป่าของพวกเราใส่แล้วต้องน่ารักน่าชังแน่ๆ”
เห็นเจียงสื้อสื้อเป็นแบบนี้ การแสดงออกของจิ้นเฟิงเฉินก็อ่อนลงโดยไม่รู้ตัว ปกติแล้วจะมีใบหน้าเย็นชาแต่ตอนนี้ดูอ่อนโยนมาก
เมื่อพนักงานสาวเห็นลูกค้าที่หล่อเหลาอย่างนี้ ต่างก็มีอาการหน้าแดง และมองเจียงสื้อสื้ออย่างอิจฉา ตอนแรกนึกว่าเป็นแค่แฟนกัน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นสามีภรรยากัน แถมยังมีลูกแล้วด้วย นี้ก็เป็นความสุขมากๆแล้ว
อิจฉาก็อิจฉา แต่ต้องดึงสติกลับมา พนักงานสาวพูดขึ้นว่า “คุณนายคะ ทางด้านนี้ยังมีเสื้อผ้าคอลเลกชันใหม่อีกนะคะ แล้วยังมีรองเท้าที่เข้าชุดกันอีก ตอนนี้ทางร้านกำลังมีโปรโมชั่น นอกจากส่วนลดแล้วเรายังมอบของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกด้วย
เมื่อได้ยินคำว่าคุณนาย เจียงสื้อสื้อก็หูแดงขึ้นมา เธอรู้ว่าพนักงานเข้าใจผิด จึงรีบอธิบาย แต่จิ้นเฟิงเฉินไม่ให้โอกาสเธอพูดเลย พาเธอไปที่ด้านข้างที่พนักงานสาวแนะนำ เพื่อเลือกเสื้อผ้าต่อ
เมื่อถูกจิ้นเฟิงเฉินจูงมือ เจียนสื้อสื้อก็งงไปสองวินาที จิตใจเธอถูกเสื้อผ้าดึงดูอย่างรวดเร็ว และไม่คิดจะอธิบายกับพนักงานอีก เธอเลือกไปห้าชุดในรวดเดียว เมื่อถึงเวลาจ่ายเงิน จิ้นเฟิงเฉินก็ยืนบัตรเครดิตให้พนักงาน
เมื่อเห็นอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อจึงรีบขวางไว้ และหยิบบัตรของตัวเองส่งให้พนักงาน
“นี่คือชุดที่ฉันจะซื้อให้เสี่ยวเป่า คุณอย่ามาแย่ง”
สีหน้าของเจียงสื้อสื้อตอนนี้เหมือนเขียนคำว่าหากเธอแย่งฉันจะโกรธไว้บนใบหน้า แม้ว่าเสื้อผ้าพวกนี้จะค่อนข้างแพง แต่เพื่อจะให้ลูกรักไม่ว่าจะแพงยังไงเธอก็เต็มใจ
เมื่อคิดถึงเสี่ยวเป่าตอนใส่เสื้อผ้าที่เธอซื้อ ต้องทั้งน่ารักและทั้งหล่อมากแน่ๆ อารมณ์ของเธอจึงอ่อนโยนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
จิ้นเฟิงเฉิน เห็นเธอมุ่งมั่นอย่างนี้ ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ สุดท้ายก็ไม่ได้แย่งเธอจ่าย
แต่หลังจากออกมา ก็ลากเจียงสื้อสื้อเข้าร้านเสื้อผ้าผู้หญิง มองไปที่เสื้อผ้าที่มีให้เลือกมากมาย เจียงสื้อสื้อจึงถามอย่างสงสัยว่า จิ้นเฟิงเฉิน คุณจะทำอะไร คุณจะซื้อชุดให้ใครเหรอ”
คงไม่ได้ซื้อให้เธอหรอกนะ และเป็นอย่างที่คาดไว้ จิ้นเฟิงเฉินตอบมา “ซื้อให้คุณ”
หลังจากพูดจบ จิ้งเฟิงเฉินเลือกเสื้อผ้าไปพลางและถามเจียงสื้อสื้อไปพลาง “ชอบไหม”
“ฉันไม่อยากได้”
เจียงสื้อสื้อรีบพูดปฏิเสธ และแขวนเสื้อผ้าไว้ที่เดิม