ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1450 เอาชนะภายใต้การรักษาสถานะที่มั่นคงเอาไว้
- Home
- ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!
- บทที่ 1450 เอาชนะภายใต้การรักษาสถานะที่มั่นคงเอาไว้
ซูชิงหยิงตีหน้าเย็นชาออกมา ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา
เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว คริสมินก็เลิกคิ้วออกมา เริ่มคาดเดาขึ้นมา”สามารถทำให้คุณโกรธได้ขนาดนี้ นอกจากจะเกี่ยวกับจิ้นเฟิงเฉินแล้ว คงไม่มีอะไรอีกล่ะมั้ง”
จิ้นเฟิงเฉินสูดหายใจเข้าไปลึกๆ”ใช่ วันนี้ฉันเห็นเจียงสื้อสื้อ”
“แล้วต่อจากนั้นล่ะ?” คริสมินไม่เข้าใจว่าเจอเจียงสื้อสื้อแล้วมันมีอะไรให้ควรค่าให้โกรธกัน
“ฉัน…” ซูชิงหยิงอ้าปากออกมา แต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหน ทำได้แค่เพียงเอ่ยออกไปด้วยความโกรธ”ถึงยังไงฉันที่เห็นว่าตอนนี้หล่อนมีความสุขได้ขนาดนี้ ในใจของฉันก็เสียใจ และโกรธขึ้นมา สิ่งนั้นเดิมทีแล้วควรจะเป็นความสุขของฉัน!”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว คริสมินได้มีสีหน้าเยือกเย็นออกมาทันที”คุณจะบอกว่าตอนนี้คุณไม่มีความสุขเหรอ?”
“ฉัน ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้แน่นอนอยู่แล้ว” ซูชิงหยิงอยากจะอธิบายออกไป สุดท้ายก็เลือกที่จะยอมแพ้ไป”ช่างเถอะ พูดให้มากไป คุณก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันหรอก”
คริสมินจ้องมองเธออยู่สักพักหนึ่ง ทอดถอนหายใจออกไป รู้สึกจนใจอย่างมาก”ชิงหยิง ถ้าผมไม่เข้าใจความรู้สึกคุณ ผมไม่มีทางช่วยคุณแก้แค้นหรอก”
“งั้นเหรอ?” ซูชิงหยิงแสยะยิ้มเย็นออกมา”งั้นเมื่อกี้นี้ทำไมถึงต้องถามคำถามจำพวกนั้นกับฉัน?”
“ผมเพียงแค่หึงเท่านั้นเอง”
คริสมินโอบไหล่เธอแน่น จากนั้นก็ได้พูดออกมาต่อ”ผมนึกว่าคุณจะคิดว่ามีเพียงแค่คบกับจิ้นเฟิงเฉินเท่านั้นถึงจะมีความสุข”
ซูชิงหยิงเม้มริมฝีปากแน่นออกมา สีหน้ายังไม่ผ่อนคลายลงไป
“พอแล้ว ผมผิดเอง ผมไม่ควรถามคำถามอย่างนั้น” คริสมินพูดกล่อมออกไปอย่างใจเย็น
ซูชิงหยิงหันหน้ามองไปทางเขา”ขอเพียงแค่คุณช่วยฉันจัดการกับเจียงสื้อสื้อ ฉันจะยกโทษให้คุณ”
คริสมินหลุดเสียงหัวเราะออกมา”ผมไม่ได้ช่วยคุณอยู่ตลอดหรือไง?”
“ยังไม่พอ” ซูชิงหยิงเอ่ยออกมาอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน”ตอนนี้เจียงสื้อสื้อมีความสุขมาก ฉันแค่อยากให้หล่อนได้มีความเจ็บปวดให้มาก!”
คริสมินพยักหน้าออกมา”โอเค เอาตามที่คุณว่ามาทั้งหมดแล้วกัน”
“งั้นคุณเตรียมที่จะลงมือเมื่อไหร่?” ซูชิงหยิงถามออกมา
คริสมินปล่อยเธอไป ลังเลอยู่สักพักหนึ่ง”ช่วงนี้ยุ่งกับการจัดการจิ้นกรุ๊ปอยู่ตลอด ทางเจียงสื้อสื้อแท้จริงแล้วผมก็มีการปล่อยปละละเลยไปบ้าง”
“ปล่อยปละละเลย?” ซูชิงหยิงยิ้มเย็นออกมา”ไม่เป็นไร ก็ให้มันเจ็บปวดเร็วขึ้นหน่อย”
“เพราะเรื่องเมื่อก่อนหน้านี้ จิ้นเฟิงเฉินจึงปกป้องเจียงสื้อสื้อกับลูกทั้งสองคนอย่างดี ถ้าพวกเราจะลงมือ คงจะมีระดับความยากขึ้นแน่นอน”
ซูชิงหยิงพอได้ยินแล้ว ก็ร้อนใจขึ้นมา”ฉันไม่สน ฉันจะต้องทำให้เจียงสื้อสื้อเจ็บปวดไปชั่วชีวิตให้ได้!”
ขอเพียงแค่นึกถึงภาพแสนอบอุ่นของเจียงสื้อสื้อกับลูกขึ้นมาแล้ว เธอก็รู้สึกไม่ดีไปหมดทั้งร่าง
เธออยากจะเห็นสภาพที่เจียงสื้อสื้อเจ็บปวดเสียจนใจจะขาด
“อันที่จริงมีเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เคยบอกคุณเลย” คริสมินพูด
ซูชิงหยิงย่นคิ้วออกมา”เรื่องอะไร?”
“ช่วงนี้ผมค้นพบว่ายังมีคนอื่นกำลังลอบพุ่งเป้าไปที่เจียงสื้อสื้ออยู่ลับๆ”
“ใคร?”
“ตอนนี้ตัวตนของอีกฝ่ายยังไม่ชัดเจน”
“ฮ่าๆๆ…” จู่ๆซูชิงหยิงก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา”ในที่สุดก็มีคนที่เหมือนกับฉัน ไม่อาจทนเห็นเจียงสื้อสื้อนังแพศยาคนนั้นมันได้ใจขึ้นมาได้”
“ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่พวกเราก็สามารถใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้” มุมปากของคริสมินแสยะยิ้มมืดครึ้มออกมา
“ได้” ซูชิงหยิงยิ้มเย็นออกมา”เพื่อผู้หญิงคนเดียว ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ของจิ้นเฟิงเฉินคงต้องปวดหัวไปหมดแหละมั้ง”
“ยังโกรธอยู่หรือเปล่า?” คริสมินถาม
ซูชิงหยิงส่ายหน้าออกมา”ไม่โกรธแล้ว ขอเพียงแค่ฉันได้คิดว่าบนโลกนี้ยังมีคนที่มีเป้าหมายเหมือนกับฉัน ในใจมันก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว”
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ วันเวลาต่อจากนี้ไปของเจียงสื้อสื้ออย่าได้คิดจะผ่านไปได้ด้วยดีเลย
……
ตั้งแต่หลังจากที่งานเลี้ยงวันนั้นได้สิ้นสุดลง JRกรุ๊ปก็ไม่ได้เสนอที่จะร่วมงานมากับจิ้นกรุ๊ปอีกเลย ไม่มีความเคลื่อนไหวราวกับแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้กันมาก่อน
“พี่ชาย หลี่ซีคนนั้นหมายความว่าอะไรกันแน่?
ช่วงที่ไม่มีความเคลื่อนไหวหลายวันมานี้ ทำให้ภายในใจของจิ้นเฟิงเหราได้รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
ถ้าเป็นอย่างที่อิ้งเทียนว่ามาจริงๆ JRมีเจตนาที่จะแข่งขันกันด้วยวิธีที่ชั่วร้ายจริงๆ อย่างนั้นแล้วบางทีการไม่มีการเคลื่อนไหวในตอนนี้คงกำลังเก็บอุบายใหญ่ๆอะไรเอาไว้
“เธอหมายความว่าอะไร สำคัญมากเหรอ?” หนังตาของจิ้นเฟิงเฉินเลิกขึ้นมาเบาๆ สายตาเยือกเย็นมองไปยังเขา
ในความคิดของจิ้นเฟิงเฉิน JRกับหลี่ซีไม่ได้สำคัญอะไรเลยสักนิด
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือทำโครงการในมือให้ดี
“แน่นอนว่าต้องสำคัญอยู่แล้ว” จิ้นเฟิงเหราเห็นพี่ชายของเขาสงบนิ่งออกมาอย่างนี้ อดที่จะร้อนใจขึ้นมาไม่ได้”อิ้งเทียนเขาก็บอกไปหมดแล้วว่าJRเหมือนกับบริษัทต่างประเทศพวกนั้นมาก คือคิดที่จะใช้การยกผลประโยชน์จำนวนมากจากโครงการมาให้ กินรวบบริษัทอื่น และพวกเราจิ้นกรุ๊ปก็เป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของมัน”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มเย็นออกมา”มันกินรวบจิ้นกรุ๊ปไม่ได้หรอก”
ที่ในประเทศจะต้องทำตามระเบียบข้อบังคับของตลาดของในประเทศ ถ้าเกิดJRพยายามที่จะทำลายระเบียบข้อบังคับ ก็รังแต่จะต้องได้รับบทลงโทษเอาก็เท่านั้น
“ฉันรู้ว่ามันกินไปไม่ได้ แต่ถ้าอีกฝ่ายเข้ามาหาปัญหาเอง พวกเราก็จะต้องมีวิธีการรับมือด้วยมั้ยล่ะ”
เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า ถึงจะสามารถได้รับชัยชนะมาได้
จิ้นเฟิงเฉินนิ่งเงียบไปหลายวิ กว่าจะเอ่ยถามออกมาช้าๆ”นายอยากรู้วิธีการรับมือเหรอ?”
จิ้นเฟิงเหราพอได้ยินแล้ว ก็ได้พยักหน้าออกมาอย่างบ้าคลั่ง”อยากรู้”
มุมปากของจิ้นเฟิงเฉินแสยะขึ้นมาเหมือนกับมีและเหมือนกับว่าไม่มีออกมา”อย่างนั้นแล้วก็คือต้องทำโครงการทั้งสองในตอนนี้ให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการปัญญาประดิษฐ์ นี่เป็นโครงการที่ประเทศให้ความสำคัญที่สุดในตอนนี้”
“ยังนึกว่าจะมีวิธีดีๆอะไรเสียอีกน่ะ” จิ้นเฟิงเหราพูดพึมพำออกมาคำหนึ่งด้วยความผิดหวัง
“เฟิงเหรา ทุกเรื่องอย่ารีบร้อนไป ยังไม่รู้ชัดถึงเป้าหมายของอีกฝ่าย พวกเรายิ่งไม่สามารถรีบร้อนได้ ต้องเอาชนะภายใต้การรักษาสถานะที่มั่นคงเอาไว้ รู้หรือเปล่า?”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว จิ้นเฟิงเหราเองก็ต้องยอมรับด้วยเหมือนกัน แท้จริงแล้วตัวเองก็ร้อนใจอยู่บ้างเหมือนกัน
“พี่ชาย ฉันเข้าใจแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มออกมา”งั้นก็กลับห้องทำงานไป ทำงานไปอย่างสบายใจเถอะ”
“โอเคครับ คุณท่านจิ้น”
จิ้นเฟิงเหรายิ้มออกมา ผันร่างกลับออกไปอย่างเชื่อฟัง
หลังจากที่เขาออกไปแล้ว สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินหม่นลง ในดวงตาได้ปกคลุมไปด้วยความเยือกเย็น
ดูท่าแล้วก็คงต้องรีบสืบเจตนาของJRออกมาให้เร็วที่สุด ถึงจะกำหนดแผนการรับมือได้
……
ซ่างกวนเชียนได้รู้ว่าJRไม่ได้เสนอขอร่วมงานกับจิ้นกรุ๊ปอีก เขาคิดว่าโอกาสของตัวเองได้มาถึงแล้ว
วันนี้ เขาได้ขับรถมุ่งหน้ามายังJRกรุ๊ปด้วยตัวเอง
ครั้งนี้ เขาจะต้องชักชวนให้หลี่ซีมาร่วมงานกับซ่างกวนกรุ๊ปให้ได้!
หลี่ซีได้ทราบข่าวว่าซ่างกวนเชียนมาที่JR ตกใจจนลุกยืนขึ้นมา”เขามาได้ยังไง?”
เจี่ยงฉือไม่ตอบแต่ได้ย้อนถามออกมา”ไม่อยากเจอเขา?”
“แน่นอนว่าจะต้องไม่อยากเจออยู่แล้ว” หลี่ซีตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว”ฉันเคยบอกเอาไว้ก่อนแล้วว่าฉันไม่อยากเจอกับเขาตามลำพัง!”
“คุณลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเคยพูดอะไรไป?” เทียบกับความตื่นตัวของเธอแล้ว เจี่ยงฉือมองดูแล้วดูสงบนิ่งอย่างมาก
หลี่ซีสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ได้ผ่อนออกมาช้าๆ”ฉันจำได้ว่า คุณเคยบอกว่าต้องการจะแสดงให้จิ้นเฟิงเฉินดูสักหน่อยนี่”
“ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว ก็แค่ดูว่าคุณจะยอมหรือเปล่า” เจี่ยงฉือยังหวังว่าเธอจะยึดสถานการณ์โดยรวมเป็นหลัก
หลี่ซีครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง”ได้ ฉันจะเจอเขา”
ซ่างกวนเชียนมาถึงห้องรับรองแขกโดยการนำทางของเลขา
“ประธานซ่างกวน คุณรอก่อนแป๊บหนึ่งนะคะ อีกเดี๋ยวคุณหลี่ก็จะมาแล้ว”
เลขาออกไปได้ไม่นาน หลี่ซีก็มา
พอเห็นหลี่ซี ซ่างกวนเชียนก็ได้ลุกขึ้นมาทันที ดวงตาทั้งสองข้างได้จ้องมองเธอนิ่งไม่ขยับเคลื่อนไปไหน
หลี่ซีถูกเขามองจนในใจเกิดรู้สึกร้อนตัวขึ้นมา แต่ก็ยังยืนหยัดที่จะเดินเข้าไปอย่างสงบนิ่ง ริมฝีปากยิ้มออกมา”สวัสดีค่ะ ประธานซ่างกวน”
“หยวนหยวน…” ซ่างกวนเชียนหลุดปากพูดออกมา
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่ซีได้แข็งค้างไปทันที เขาจำได้แล้ว?