ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 151 จะแต่งงานกันแล้ว
บทที่ 151 จะแต่งงานกันแล้ว
เจียงสื้อสื้อรู้สึกสลดใจเล็กน้อย เธอปริปากเอ่ยยิ้มๆว่า:”เสี่ยวเป่า ดึกมากแล้ว เดี๋ยวน้าเล่านิทานให้ฟัง เข้านอนกันเถอะ”
เสี่ยวเป่าพยักหน้า แม้ว่าในใจจะยังมีคำพูดอีกมากมายก็ตาม เเต่ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกง่วงเเล้ว สุดท้ายจึงไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
เสี่ยวเป่าฟังเจียงสื้อสื้อเล่านิทานอยู่ในอ้อมแขนเธอเงียบๆ ไม่นานเด็กน้อยก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
เจียงสื้อสื้อจดจ้องใบหน้ายามหลับใหลของเด็กชาย ก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมตัวร่างเล็กแล้วล้มตัวนอน
ราตรีนั้นผ่านพ้นไปอย่างเงียบสงัด
วันต่อมา หลังจากที่เจียงสื้อสื้อกับเสี่ยวเป่ากินอาหารเช้าเสร็จ พ่อบ้านก็มาเคาะประตูเรียกทันที
พอเปิดประตูก็ได้ยินลุงจางเอ่ยขึ้นว่า:”คุณเจียง ผมมารับคุณชายน้อยไปโรงเรียนครับ แวะไปส่งคุณที่บริษัทด้วย”
“ค่ะ ขอบคุณลุงจางนะคะ”
จากนั้นเจียงสื้อสื้อก็เก็บของ แล้วพาเสี่ยวเป่าออกไปจากบ้าน
ระหว่างทาง พ่อบ้านก็พลันเกริ่นขึ้นว่า:”คุณเจียง ช่วงนี้ที่บ้านค่อนข้างยุ่ง คุณชายท่านฝากบอกมาว่าคงต้องรบกวนให้คุณเจียงช่วยดูแลคุณชายน้อยให้หน่อยแล้ว”
ช่วงนี้ตระกูลจิ้นยุ่งมากจริงๆ จิ้นเฟิงเฉินก็ง่วนอยู่แต่กับงาน งานเลี้ยงฉลองครบรอบวันเกิดของคุณท่านตระกูลจิ้นก็จะมาถึงแล้ว ไหนจะงานแต่งของจิ้นเฟิงเฉินอีก
ที่เสี่ยวเป่างอแงก็เป็นเพราะว่าได้ยินฉินมู่หลันกับคุณยายฉินกันเรื่องแต่งงานของจิ้นเฟิงเฉิน คุณยายฉินให้ฉินมู่หลันอย่ามองแต่ซูชิงหยิง เพราะเห็นว่าหลายปีมานี้ก็ไม่เห็นแววจิ้นเฟิงเฉินจะชอบเธอเลย จึงคิดจะใช้โอกาสจากงานเลี้ยงวันเกิดของคุณท่านในครั้งนี้ เชิญชวนพวกคุณหนูต้นตระกูลผู้ดีมาร่วมงานกันเยอะๆ ไม่แน่เผื่อจิ้นเฟิงเฉินจะเจอคนที่ชอบหรือถูกใจ
แม้ว่าฉินมู่หลันจะชมชอบซูชิงหยิงจากใจจริง แต่พอคิดๆดูแล้วก็ใช่ว่าที่คุณยายฉินพูดจะไม่สมเหตุสมผลซะทีเดียว อย่างน้อยเธอก็หวังว่าคนที่จะมาเป็นลูกสะใภ้เธอจะไม่ใช่เจียงสื้อสื้อก็แล้วกัน ดังนั้นเธอจึงยอมตกปากรับคำโดยไม่คัดค้านอะไร
ด้วยความที่เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับเสี่ยวเป่า เมื่อได้ยินมาแบบนั้นเด็กน้อยก็เกิดเข้าใจผิด คิดไปต่างๆนานาว่าหากแด็ดดี้แต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นแล้วมีลูกอีกคน ตัวเองก็จะไม่เป็นที่รักของแด็ดดี้อีกต่อไป ที่สำคัญคือจะไม่ได้เจอกับคุณน้าสื้อสื้ออีกแล้วด้วย
แม้ว่าเจียงสื้อสื้อจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ถ้าต้องดูแลเสี่ยวเป่าเธอก็เต็มใจ ดังนั้นจึงไม่ได้ปฏิเสธอะไร
“จริงเหรอ? งั้นก็แสดงว่าเสี่ยวเป่าจะได้อยู่กับคุณน้าสื้อสื้อทุกวันเลยใช่ไหมครับ?” เสี่ยวเป่าเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น อย่าให้ได้พูดเลยว่าทำสีหน้าดีใจขนาดไหน
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า พลันอดหยิกแก้มนุ่มของเจ้าเด็กน้อยไม่ได้
เมื่อถึงโรงเรียนแล้ว เจ้าเด็กน้อยก็เอ่ยลากับเจียงสื้อสื้อด้วยท่าทางดีใจลิงโลด
………
หลังจากนั้นพ่อบ้านก็พาเจียงสื้อสื้อมาส่งถึงที่บริษัท วันนี้เป็นวันเงินเดือนออก เธอรับโปรเจกต์ติดต่อกันมาหลายงาน แถมเดือนนี้เธอก็ได้รับโบนัสไม่น้อยด้วย
ในงานประชุมช่วงเช้า ซูซานเอ่ยปากชมเจียงสื้อสื้อต่อหน้าพนักงาน
แม้ว่าทุกคนต่างก็รู้ดีและนับถือในความสามารถของเจียงสื้อสื้อ ทว่าก็มีไม่น้อยที่รู้สึกอิจฉาตาร้อน เพราะตอนนี้เจียงสื้อสื้อได้กลายเป็นคนดังในบริษัทไปแล้ว แถมยังได้ทำงานใกล้ชิดสนิทกับซูซานอีก จึงไม่แปลกนักที่พวกชอบสุบสิดนินทาเเต่ไม่มีผลงานอะไรจะอิจฉาริษยา
หนึ่งในนั้นยังมีคนบอกว่าที่เจียงสื้อสื้อทำได้ก็เพราะเธอแอบใช้วิธีสกปรก สำหรับคำด่าทอเหล่านั้นเจียงสื้อสื้อก็ทำเพียงนิ่งเฉยและไม่เก็บมาใส่ใจ
หนึ่งวันที่ยุ่งเหยิงในที่สุดก็จบลง หลังเลิกงานเจียงสื้อสื้อก็ไปจ่ายค่าพยาบาลที่โรงพยาบาล
เธอนั่งคุยกับแม่ในห้องพักผู้ป่วยอยู่สักพัก อาการของฟางเสว่มั่นก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีวี่แววจะฟื้นขึ้นเลย
แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็เชื่อว่าสักวันแม่ของเธอจะตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน
“แม่ ตอนนี้หนูหาเงินเลี้ยงชีพเราได้แล้วนะ เพราะฉะนั้นแม่ต้องรีบฟื้นนะ”
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เมื่อเจียงสื้อสื้อนึกได้ว่าเสี่ยวเป่าน่าจะถึงเวลาเลิกเรียนแล้วก็จึงจะจากไป
เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่ลงมาถึงชั้นล่างก็จะเจอกับเงาร่างที่แสนคุ้นตาสองคน ซูชิงหยิงกับจิ้นเฟิงเฉินเดินเข้าไปในห้องทำงานพร้อมกับหมอ ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่ได้เห็นเธอ
เจียงสื้อสื้อชะงักเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอพวกเขาที่นี่ ซ้ำที่ที่ทั้งสองคนไปก็เป็นแผนกสูตินรีเวช ทันใดนั้นจู่ๆเธอก็เกิดรู้สึกสงสัยขึ้นมา ก่อนจะก้าวขาแอบตามไป
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็พลันได้ยินเสียงของหมอเล็ดรอดออกมาจากข้างใน
“เคสแบบนี้ถ้าอยากจะมีลูกอีกก็ไม่ยาก ขอแค่หมั่นดูแลรักษาร่างกายดีๆอย่างสม่ำเสมอก็เพียงพอแล้ว”
จากนั้นซูชิงหยิงก็ถามคำถามเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ต่ออีก ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูจะตื่นเต้นและจริงจังอยู่ไม่น้อย
จิ้นเฟิงเฉินเองก็ปริปากเอ่ยถามว่า:”มีอะไรที่ต้องระวังเป็นพิเศษอีกไหมครับ?”
หมอตอบว่า:”เรื่องการกินก็ให้ระวังพวกอาหารรสชาติเผ็ดจัดหรืออาหารดิบคาว ช่วงนี้ก็ต้องคอยดูแลรักษาร่างกายอย่างดีเลยครับ”
เจียงสื้อสื้อคิดว่าจิ้นเฟิงเฉินน่าจะพาซูชิงหยิงมาตรวจร่างกายไม่ผิดแน่
จู่ๆเธอก็พลันรู้สึกตะหงิดใจ อารมณ์ความรู้สึกมากมายเริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจ ทั้งผิดหวัง เสียใจ สลด โศกเศร้า…..
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงคำพูดของเสี่ยวเป่า ที่บอกว่าถ้าจิ้นเฟิงเฉินแต่งงานมีลูกกับคนอื่นแล้วจะไม่รักเขา
ที่เเท้คำพูดเหล่านั้นก็ไม่ใช่คิดเองเออเอง จิ้นเฟิงเฉินกำลังจะมีลูกกับซูชิงหยิงจริงๆงั้นเหรอ? งั้นก็แปลว่าพวกเขาจะแต่งงานกันแล้วสินะ?
เจียงสื้อสื้อยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ หัวสมองพลันขาวโพลนไปหมด
บทสนทนาด้านในดูท่าจะจบลงแล้ว เพราะกลัวว่าจะถูกเจอตัว เจียงสื้อสื้อจึงต้องรีบก้าวขาเดินหนีออกไป
………
ณ อีกด้านหนึ่ง ซูชิงหยิงกับจิ้นเฟิงเฉินเดินออกมาจากห้อง บนทางเดิน จู่ๆซูชิงหยิงก็เอ่ยปากขึ้นว่า:”ขอบคุณนะเฟิงเฉิน รบกวนคุณแย่เลยที่ต้องมาส่งฉันถึงที่นี่ ยังดีนะที่พี่ฉันไม่เป็นอะไรมาก ไม่งั้นก็ไม่รู้เลยจริงๆว่าต้องทำยังไง”
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงทีแล้ว หลังจากที่ซูชิงหยิงกับจิ้นเฟิงเฉินคุยงานกับลูกค้าที่ด้านนอกเสร็จ โรงพยาบาลก็โทรมาบอกเธอทันทีว่าพี่สาวเธอแท้ง
“ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร” จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยตอบ ตอนนั้นเขาก็อยู่ด้วย พอเห็นท่าทางซูชิงหยิงดูร้อนรนก็เลยอาสามาส่งเธอเอง
ซูชิงหยิงยิ้ม ก่อนจะหันไปเอ่ยกับจิ้นเฟิงเฉินต่อว่า:”งั้นคุณกลับไปก่อนเถอะ! ฉันอยู่เป็นเพื่อนพี่ฉันก่อน ตอนนี้เธอคงจะต้องเสียใจมากแน่ๆ”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า ก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่เอ่ยตอบอะไร
ซูชิงหยิงทอดมองแผ่นหลังของเขาด้วยแววตาเซื่องซึมเล็กน้อย ถ้าเปลี่ยนเป็นเจียงสื้อสื้อ
เขาจะอยู่ที่นี่กับเธอต่อไหมนะ จะปลอบเธอ และซื้อของกินให้เธออยู่หรือเปล่า………
แต่พอเป็นเธอ แม้แต่คำพูดห่วงใยก็ไม่มีให้กันสักคำ
ซูชิงหยิงกำหมัดแน่น เรื่องที่คุณยายฉินฉินจะแนะนำคุณหนูต้นตระกูลผู้ดีคนอื่นให้จิ้นเฟิงเฉินก็ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ ไม่ได้ เธอจะอยู่เฉยๆแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด จิ้นเฟิงเฉินต้องเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะเจียงสื้อสื้อหรือใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แย่งเขาไปจากเธอ
เธอต้องจัดการเจียงสื้อสื้อทิ้งไปซะ
จังหวะเดียวกันก็มีข้อความเข้าจากหลานซือเฉินมาพอดี ถามว่าซูชิงหยิงมีเวลาออกมาคุยงานกับเขาหรือเปล่า
หลังจากกลับมาถึงบ้าน หลานซือเฉินก็รอให้ซูชิงหยิงติดต่อมาหาเขา เเต่ผ่านไปสองวันแล้วก็ยังไม่มีวี่แวว เขาจึงต้องเป็นฝ่ายส่งข้อความหาเธอเอง
ซูชิงหยิงอ่านข้อความแล้วยกยิ้มมุมปาก ตอบกลับไปว่าจะนัดเจอกับเขาวันพรุ่งนี้
เธอเก็บมือถือพลางนึกถึงเจียงสื้อสื้อ ซูชิงหยิงเผยแววเล่ห์ร้าย ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย