ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 155 มีดีแค่เบ้าหน้า
บทที่ 155 มีดีแค่เบ้าหน้า
เมื่อได้ยินคนบอกว่าเจียงสื้อสื้อเป็นหม่ามี๊ตัวเอง เสี่ยวเป่าก็แต้มยิ้ม เด็กน้อยไม่ได้เอ่ยปฏิเสธ ซ้ำยังตอบด้วยท่าทางที่แสนจะภูมิใจว่า:”ใช่! นี่หม่ามี๊ฉันเอง”
เจียงสื้อสื้อยิ้มขบขัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เสี่ยวเป่าโบกมือลาเจียงสื้อสื้อ จากนั้นก็เดินเข้าห้องพร้อมกับคุณครู
เจียงสื้อสื้อเหม่อมองแผ่นหลังน้อย ถ้าเสี่ยวเป่าเป็นลูกที่เธอคลอดเมื่อหลายปีก่อนก็คงจะดี
ทันใดนั้นเธอก็อึ้งชะงักกับความคิดนี้ของตัวเอง เธอยกยิ้มอย่างหน่ายใจ เสี่ยวเป่าจะเป็นลูกที่เธอคลอดได้ยังไง ตระกูลจิ้นร่ำรวยขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้หรอกที่จ้างคนมาอุ้มบุญให้
ทันใดนั้น จู่ๆเจียงสื้อสื้อก็เริ่มสงสัยว่าแม่ของเสี่ยวเป่าเป็นใคร?
ทว่าเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากก่อนจะไปที่ทำงานต่อ
……..
การประชุมช่วงเช้า ซูซานตำหนิพนักงานในแผนกต่อหน้าทุกคน
“หันจิ้ง เธอก็ไม่คิดเลยว่าโปรเจกต์อยู่ในความรับผิดชอบของเธอมานานเท่าไหร่แล้ว
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นเธอทำโปรเจกต์แพลนที่น่าพึงพอใจออกมาได้เลย ทาง SR ก็จะยุติร่วมงานกับเราแล้ว”
ซูซานเอ่ยเสียงหงุดหงุดระคนเคร่งเครียด นี่เป็นโปรเจกต์ร่วมกับทางอเมริกา แต่เดือนหนึ่งจะผ่านไปแล้วก็ยังไม่เห็นว่าจะคืบหน้าไปไหน เช้าวันนี้ยังได้รับข้อความมาอีกว่าอีกฝ่ายอยากจะยุติร่วมงานด้วย เจอแบบนี้มีหรือที่ซูซานจะไม่โกรธ!
“เธอรู้ไหมว่าถ้าโปรเจกต์นี้ถูกยุติลง ทรัพยากรต่างๆและเงินที่เราเคยลงทุนไปจะขาดทุนตั้งเท่าไหร่?”
พนักงานที่ถูกตำหนิหันจิ้งผุดลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอ่ยขอโทษว่า:”ขอโทษนะคะผู้จัดการ ฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนั้น ฉันพยายามหาวิธีและทำทุกวิถีทางมาโดยตลอด แต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่จงใจหาเรื่องทำให้เราลำบากใจ ฉันทำเต็มที่แล้วจริงๆ”
“แล้วเขาจะทำแบบนั้นกับเธอทำไม ปัญหามันอยู่ที่เธอเองซะมากกว่า ทำไมเธอไม่ลองโทษตัวเองบ้าง? ฉันได้ยินอีกฝ่ายบอกมาว่าแพลนของเธอถูกตีส่งกลับมาแก้หลายรอบแล้ว”
หันจิ้งหลุบตาลง พลันเอ่ยตอบทันควันว่า:”ฉันรู้ดีค่ะว่าตัวเองผิด ผู้จัดการ ขอร้องล่ะนะคะ ให้โอกาสฉันอีกสักครั้ง ฉันจะหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้ให้โดยเร็วที่สุดเลยค่ะ”
หันจิ้งรู้ ว่าที่ซูซานตำหนิเธอต่อหน้าทุกคนแบบนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่าอยากให้คนอื่นมารับไม้ต่อแทน ไม่ ไม่ได้เด็ดขาด โปรเจกต์ดีๆแบบนี้จะยอมให้คนอื่นแย่งไปได้ยังไง เธอไม่อยากเป็นหมาหัวเน่าหรอกนะ
คิดได้ดังนั้นเธอก็เอ่ยต่อว่า:”ผู้จัดการ ให้โอกาสฉันอีกครั้งสุดท้ายเถอะนะคะ! ไม่ว่ายังไงฉันก็จะทำให้สำเร็จแน่นอน”
หันจิ้งร้องขอด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน แต่ซูซานไม่อนุญาตแล้ว เธอป่าวประกาศต่อหน้าทุกคนว่า:”ต่อจากนี้ไปโปรเจกต์นี้จะอยู่ในความรับผิดชอบของเจียงสื้อสื้อ ไม่ว่าต้องทำสำเร็จให้ได้”
ไม่ใช่ว่าซูซานลำเอียงหรืออะไรหรอก แต่งานนี้จะถูกยืดเยื้อต่อไปอีกไม่ได้อีกแล้ว ถ้าให้หันจิ้งรับผิดชอบต่อก็มีแต่จะทำให้บริษัทขาดทุน เพราะฉะนั้นจึงต้องเปลี่ยนคน และเจียงสื้อสื้อก็ไม่มีงานใหญ่อะไรอยู่ในมือพอดี
เจียงสื้อสื้อชะงัก รู้สึกได้เพียงสายตาอาฆาตของหันจิ้งที่มองมา แต่นี่เป็นคำสั่งของซูซาน เธอเองก็ปฏิเสธไม่ได้ จึงทำได้เพียงพยักหน้าตกลง
“ค่ะผู้จัดการ ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด”
“อืม” ซูซานตอบรับ ก่อนจะเอ่ยต่อว่า:”ช่วงนี้ลูกค้าอยู่ที่นิวยอร์ก คงต้องให้เธอเดินทางไปหาด้วยตัวเองแล้ว”
“เข้าใจแล้วค่ะ” เจียงสื้อสื้อไม่คัดค้าน
จากนั้นซูซานก็ประกาศแยกย้าย หันจิ้งยังไม่ตายใจ อยู่ขอร้องซูซานต่อว่า:”ผู้จัดการ ได้โปรดให้โอกาสฉันอีกสักครั้งเถอะนะ! ฉันทำได้จริงๆนะคะ”
หันจิ้งกัดฟันพูด เธอเป็นพนักงานอาวุโสของบริษัท ตอนที่จิ่นซื่อถูกก่อตั้งขึ้น เป็นซูซานเองที่ย้ายเธอมาจากสำนักงานใหญ่
ตำแหน่งของเธอในบริษัทไม่ว่ายังไงก็น่าจะสูงกว่าคนอื่นๆ แต่ตอนนี้โปรเจกต์ที่อยู่ในมือดีๆกลับต้องหลุดไปให้คนอื่น แถมใครคนนั้นยังเป็นเจียงสื้อสื้อที่เพิ่งมาทำงานได้ไม่นาน จะให้เธอทำใจยอมรับได้ยังไงกัน
เมื่อเห็นซูซานไม่ตอบ หันจิ้งจึงปริปากเอ่ยร้องขอต่อว่า:”ผู้จัดการคิดจริงๆเหรอคะว่าเจียงสื้อสื้อจะสามารถทำได้ ขนาดฉันยังทำไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับเธอ อีกอย่างฉันเป็นคนที่เข้าใจในโปรเจกต์ครั้งนี้ดีกว่าใคร ฉันจะทำได้ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน”
สิ้นเสียง ซูซานก็เงยหน้าจ้องมองหันจิ้ง
“หันจิ้ง เธอเอาอะไรมาคิดว่าเจียงสื้อสื้อจะทำไม่ได้? ลองคิดดูนะ ว่าเธอทำงานที่บริษัทนี้นานเท่าไหร่แล้ว? เธอทำได้เท่าไหร่แล้วเจียงสื้อสื้อทำได้เท่าไหร่? ไม่ว่าจะงานเลี้ยงวันเกิดคุณชายน้อยตระกูลจิ้น ลู่ซื่อกรุ๊ป หรือได้ร่วมงานกับเย่เจี่ยนหยาง มีอันไหนบ้างที่ไม่ใช่โปรเจกต์หรือโครงการใหญ่? ที่สำคัญคือลูกค้าเหล่านี้ ไกล่เกลี่ยยากกว่าลูกค้าของโปรเจกต์ที่เธอรับผิดชอบอยู่ซะอีก แล้วทำไมเจียงสื้อสื้อถึงยังทำได้?”
หันจิ้งสะอึก พลันเอ่ยอย่างไม่ยอมรับว่า:”นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอโชคดียังไงล่ะ…….”
เพราะโปรเจกต์กับทางอเมริกานี่ถูกยืดเยื้อกินเวลาไปนาน จะให้เธอเอาเวลาที่ไหนไปยุ่งกับงานอื่นอีกกัน!
หันจิ้งยังอยากจะพูดอะไรต่อ ทว่าซูซานกลับเริ่มหงุดหงิดรำคาญแล้ว
“พอได้แล้ว กลับไปคิดดูดีๆเถอะ เรื่องนี้ตกลงตามนี้ไม่เปลี่ยนแปลงอีก”
ซูซานเอ่ยเสียงเย็น หันจิ้งเห็นท่าแล้วจึงได้แต่ปิดปากเงียบและเดินออกไปอย่างจำใจ
……….
นอกห้องทำงาน เจียงสื้อสื้อรอหันจิ้งเอาเอกสารข้อมูลที่เกี่ยวกับโปรเจกต์ในครั้งนี้ให้เธออยู่ก่อนแล้ว
หันจิ้งเห็นเจียงสื้อสื้อ ใบหน้าที่เดิมเจือด้วยความเซื่องซึมพลันเผยแววหม่นทันที ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า:”เจียงสื้อสื้อ ตอนนี้เธอคงจะได้ใจมากสินะ”
หันจิ้งคิดมาโดยตลอดว่าตัวเองคือเป็นพนักงานที่เก่งและมีความสามารถที่สุดในบริษัทนี้ แต่พอเจียงสื้อสื้อมา ทุกอย่างมันก็กลับตาลปัตรไปหมด ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแค่ได้หน้าและแย่งซีนไปจากเธอ แม้แต่โปรเจกต์ในมือเธอก็ไม่เว้น เจอแบบนี้จะให้เธออยู่เฉยต่ออีกได้ยังไง
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วเล็กน้อย พลันเอ่ยเสียงเรียบว่า:”ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น”
ทว่าท่าทางแบบนั้นกลับทำให้หันจิ้งหงุดหงิดกว่าเดิม
“เธอมันก็เป็นแค่เด็กเส้น แถมโปรเจกต์ครั้งก่อนๆก็ไม่รู้ว่าใช้วิธีอะไรบ้าง ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆว่ามีอะไรให้น่าภูมิใจและได้ใจ”
จะมีใครเล่าที่ไม่เข้าใจความหมายแฝงในคำพูดนี้ อีกนัยหนึ่งก็คือที่ผ่านมาเจียงสื้อสื้อใช้วิธีสกปรก เช่นโดยการให้ท่าหรืออ่อยลูกค้า…….
เจียงสื้อสื้อเข้ากันได้ดีกับเพื่อนร่วมงานอยู่แล้ว หนึ่งในนั้นจึงมีคนช่วยพูดทันทีว่า:”หันจิ้ง จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ! รู้ไหมว่าสื้อสื้อตั้งใจทำงานหนักมากเลยนะ ทุกครั้งที่ต้องทำแพลนก็อยู่ทำโอทีจนถึงดึกตลอด อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ไปแย่งงานเธอสักหน่อย! ก็ผู้จัดการเป็นคนให้สื้อสื้อมารับไม้ต่อเอง”
“นั่นสิ! ทุกคนก็รู้ดีกันนี่ว่าสื้อสื้อเก่งขนาดไหน เห็นแก่ที่เป็นเพื่อนร่วมงานกันเธอก็เพลาๆลงหน่อยเถอะ!”
คนที่เหลือก็เอ่ยตามกัน แววตาของหันจิ้งพลันหม่นลงทันที
“แล้วฉันพูดผิดตรงไหน? เมื่อวันก่อนฉันยังเห็นเจียงสื้อสื้อนั่งกินข้าวกับลูกค้าของลู่ซื่อกรุ๊ปอยู่เลย ทั้งที่ตอนนั้นโปรเจกต์ก็จบลงพอดีแล้ว เจียงสื้อสื้อ บอกฉันมาสิว่าทำไมเธอถึงยังไปไหนมาไหนกับเขา? ถ้าไม่ใช่เพราะจะอ่อยน่ะ! ฉันไม่เห็นว่ายัยนี่จะเก่งที่เหมือนที่พูดเลยสักนิด นอกเสียจากมีดีแค่ตรงเบ้าหน้า”