ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 159 ข้ามน้ำข้ามทะเลไปหาเมีย
บทที่ 159 ข้ามน้ำข้ามทะเลไปหาเมีย
จิ้นเฟิงเหราสงสัยได้ยังไม่ทันไร จิ้นเฟิงเฉินก็เอ่ยขึ้นทันทีว่า:”นายไม่ต้องไป ฉันไปเอง”
สิ้นเสียง จิ้นเฟิงเหราก็ทำหน้างง
“พี่ ปัญหาเล็กน้อยแบบนั้นผมจัดการเองก็ได้น่า ไม่ถึงกับต้องให้พี่ออกโรงเองหรอก”
หรือว่าพี่เขาจะเริ่มเห็นใจเขาแล้วงั้นเหรอ เพราะไม่อยากให้เขาต้องเหนื่อยเดินทางไปไกลก็เลยอาสาจะไปเอง หารู้ไม่ว่าในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่แบบที่เขาคิดเลยสักนิด
ผู้ช่วยดึงเขามาแยกมาอีกทาง ก่อนจะกระซิบบอกว่า:”คุณชายรอง คุณเจียงเธออยู่ที่นิวยอร์กน่ะครับ”
สิ้นเสียง จิ้นเฟิงเหราก็เข้าใจแจ่มแจ้งขึ้นมาทันที พลันหันไปยิ้มแฉ่งกับพี่ชายตัวเอง
“ไม่เลวๆ เริ่มพัฒนาแล้วนี่! มาถึงขั้นข้ามน้ำข้ามทะเลไปหาเมียแล้ว ผมจะคอยเป็นกำลังใจให้พี่นะ!”
จิ้นเฟิงเฉินไม่สนใจน้องชายตัวแสบ กลับหันไปสั่งผู้ช่วยให้จองตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาให้เขา ซูชิงหยิงที่กำลังจะเข้ามาส่งเอกสารก็พลันได้ยินบทสนทนาของพวกเขาพอดี
เธอชะงักฝีเท้า จิ้นเฟิงเฉินจะไปต่างประเทศงั้นเหรอ? หรือจะไปหาเจียงสื้อสื้อกันแน่?
แววตาของซูชิงหยิงหม่นแสงลง เธอกัดฟันกรอด ความอิจฉาริษยาพลันก่อตัวขึ้นภายในใจ เธอในตอนนี้จะยอมปล่อยให้จิ้นเฟิงเฉินไปต่างประเทศได้ยังไง ทว่าถึงอยากจะห้ามก็คงห้ามไม่ได้ ไม่ ถึงห้ามจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ เธอก็ต้องตามไปจับตาดูอยู่ดี ซูชิงหยิงลอบวางแผนในใจ
จิ้นเฟิงเฉินมักจะพาผู้ช่วยออกเดินทางไปด้วยเสมอ แต่ถ้าคราวนี้ผู้ช่วยมีเรื่องด่วนต้องทำกะทันหัน งั้นเธอก็อาจจะได้ไปแทนเขา
คิดได้ดังนั้นซูชิงหยิงก็โทรหาผู้ช่วยของตระกูลซู ให้เธอช่วยหาทางสกัดผู้ช่วยของจิ้นเฟิงเฉินไว้ให้ได้
………
เย็นวันนั้น ตอนที่ซูชิงหยิงกำลังคุยงานกับจิ้นเฟิงเฉินภายในห้องทำงาน ผู้ช่วยก็ได้รับข้อความบางอย่าง ก่อนจะมารายงานกับจิ้นเฟิงเฉินว่า:”ท่านประธาน มีคนมาแจ้งผมว่าโปรเจกต์ที่เมือง B เกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อยครับ….”
จิ้นเฟิงเฉินฟังแล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลันเอ่ยปากว่า:”งั้นนายเป็นคนไปจัดการ”
“แต่…..นั่นก็แปลว่าท่านประธานต้องออกเดินทางไปเองคนเดียวน่ะสิครับ?” ผู้ช่วยเอ่ยด้วยท่าทีลังเลเล็กน้อย เพราะพวกเขาต้องออกเดินทางกันพรุ่งนี้เช้า ถ้าเขาไปเมือง B ก็คงไม่มีทางกลับมาทันแน่ๆ
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้อะไรอยู่แล้ว ทว่าซูชิงหยิงกลับเอ่ยขึ้นก่อนว่า:”งั้นให้ฉันไปแทนดีไหม? ฉันเองก็ไม่มีงานใหญ่อะไรอยู่ในมือพอดี”
ซูชิงหยิงกลัวว่าจิ้นเฟิงเฉินจะปฏิเสธ จึงรีบเอ่ยต่อทันทีว่า:”ถ้าเกิดเผื่อมีเรื่องอะไรที่ต้องใช้ฉันขึ้นมาคุณก็จะได้ไม่ต้องลำบากไง อีกอย่างฉันเองก็เป็นเลขาคุณนี่ ใช่ไหม?”
จิ้นเฟิงเฉินครุ่นคิด ไปเมืองนอกครั้งนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือไปหาเจียงสื้อสื้อ แต่ยังไงก็ต้องจัดการปัญหาที่นิวยอร์กด้วยเหมือนกัน พาคนไปด้วยสักคนก็ดูจะสะดวกกว่าจริงๆ สุดท้ายเขาจึงไม่ได้ปฏิเสธซูชิงหยิง
ซูชิงหยิงเผยสีหน้าดีใจ ที่จริงการเดินทางไปต่างประเทศในครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ดีซะทีเดียว เธอต้องหาโอกาสอยู่กับจิ้นเฟิงเฉินให้ได้มากที่สุด ที่สำคัญคือ จะปล่อยให้ยัยเจียงสื้อสื้อนั่นมาอ่อยผู้ชายของเธอไม่ได้เด็ดขาด
วันต่อมา หลังจากเก็บสัมภาระแล้ว จิ้นเฟิงเฉินกับซูชิงหยิงก็ขึ้นเครื่องฯไปยังนิวยอร์ก
จิ้นเฟิงเฉินยกยิ้มมุมปาก อยากรู้เสียจริงว่าถ้าเจียงสื้อสื้อเห็นเขาแล้วเธอจะทำหน้ายังไง?
ซูชิงหยิงที่นั่งอยู่ข้างๆดูออกว่าจิ้นเฟิงเฉินตอนนี้กำลังอารมณ์ดีขนาดไหน เป็นเพราะจะได้เห็นเจียงสื้อสื้อแล้วงั้นเหรอ?
ซูชิงหยิงเผยแววตาเยือกเย็นอำมหิต ทว่าเพียงชั่วครู่เธอก็เก็บซ่อนมันไว้ทันที
เธอชวนจิ้นเฟิงเฉินคุยไปเรื่อยเปื่อย แต่ผู้ชายข้างๆกลับไม่ค่อยจะสนใจในสิ่งที่พูดเธอเลยสุดท้ายซูชิงหยิงจึงทำได้เพียงเงียบปากและอยู่ของใครของมัน
ทางด้านเจียงสื้อสื้อ คืนวันนั้นหลังจากที่กินข้าวกับลู่เจิงเสร็จเธอก็กลับมาที่โรงแรม
ถึงปากจะบอกว่าให้เจียงสื้อสื้อเป็นคนเลี้ยง แต่สุดท้ายก็เป็นลู่เจิงอยู่ดีที่ควักเงินออกมาแย่งเธอจ่าย ทำเอาเธอรู้สึกเกรงใจและละอายไปด้วย
หลังกลับมาถึงที่ห้อง สวีหน้าก็พุ่งตัวเข้ามารัวคำถามใส่เธอทันที
“เป็นไงบ้างๆ ราบรื่นดีไหม? สนุกหรือเปล่า? ระหว่างพี่สองคนมีอะไรเกิดขึ้นปะ? แล้วทำไมถึงกลับมาเร็วขนาดนี้?”
เจียงสื้อสื้อกลอกตาบนใส่สวีหน้า:”ก็แค่กินข้าวด้วยกันเอง คิดอะไรอยู่น่ะ?”
สวีหน้าเบะปาก สีหน้าเผยแววผิดหวังเล็กน้อย
เจียงสื้อสื้อวางกระเป๋าไว้ตรงข้างๆ พลางเปลี่ยนรองเท้าแล้วเอ่ยถามว่า:”แล้วทาง SR ว่ายังไงมาบ้าง?”
สวีหน้านั่งบนโซฟา น้ำเสียงเจือความจนปัญญาเล็กน้อย
“พวกเขาบอกว่าเจอกันที่เดิมเวลาตอนเย็น แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเขาจะเทเราเหมือนวันนี้อีกหรือเปล่า”
“คงไม่หรอกมั้ง”
เจียงสื้อสื้อกับสวีหน้าพูดคุยกันต่ออีกนิดหน่อย ก่อนที่ทั้งคู่จะเข้านอนพร้อมกัน
…….
เย็นวันต่อมา อีกฝ่ายไม่ได้ผิดนัดพวกเขาเหมือนเมื่อวานแล้ว แต่กลับส่งผู้ช่วยมาเอาโปรเจกต์แพลนไปแทน ส่วนผู้รับผิดชอบก็ไม่มาเจอเจียงสื้อสื้อเลยด้วยซ้ำ
สวีหน้าเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจว่า:”โห นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ! อย่างน้อยผู้รับผิดชอบของพวกเขาก็ควรจะมาคุยกันสักหน่อยสิ! เวลาแค่นี้ก็ไม่มีให้เลยหรือไง?’
เจียงสื้อสื้อเองก็เริ่มไม่พอใจแล้วเหมือนกัน แต่เรื่องนี้ก็ผิดที่พวกเขาก่อนจริง ก็ช่วยอะไรไม่ได้
“เห้อ ช่างเถอะ พี่สื้อสื้อก็อย่าเสียใจไปเลยนะ โปรเจกต์แพลนของพี่ออกจะดีขนาดนั้น ไม่แน่ถ้าอีกฝ่ายได้อ่านดูแล้วก็จะนัดเราตอนดึกๆอีกทีก็ได้ ที่ควรทำพี่ก็ทำไปหมดแล้ว อย่าคิดมากไปเลย เราไปเดินเที่ยวกันดีกว่า!”
สวีหน้ารู้สึกเห็นใจเจียงสื้อสื้อจากใจจริงเลย ทั้งที่เรื่องมันเป็นแบบนี้เพราะหันจิ้งเป็นคนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเสียเวลาเองแท้ๆ แต่เจียงสื้อสื้อกลับต้องมาทำรับเคราะห์กรรมเเทน ไม่พอยังต้องถูกหันจิ้งพูดจาเสียๆหายๆแบบนั้นใส่อีก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันก็ไม่รู้!
เจียงสื้อสื้อถอนหายใจ ก่อนจะโทรหาซูซานแล้วรายงานสถานการณ์ทั้งหมดให้ฟัง จากนั้นทั้งคู่ก็ไปเดินเที่ยวตามที่สวีหน้าเสนอ
ไทม์สแควร์คนเยอะพลุกพล่านมากจริงๆ ทั้งคู่เดินเที่ยวสักพักก็ไปหาอะไรกิน จากนั้นก็ไปถ่ายรูปบันทึกภาพ ไม่ทันไรเวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงตอนกลางคืนแล้ว
ในขณะที่กำลังจะกลับไป ลู่เจิงก็โทรมาหาเจียงสื้อสื้อพอดี
“ว่าไงคะรุ่นพี่” เจียงสื้อสื้อรับสาย
ลู่เจิงเอ่ยมาต่อว่า:”สื้อสื้อ ตอนนี้เธออยู่ไหนเหรอ? กินข้าวแล้วหรือยัง?”
“ฉันเพิ่งกินกับสวีหน้าไปเมื่อกี้นี้เอง นี่ก็กำลังจะกลับแล้ว”
“แล้วพวกเธออยู่ไหน? เดี๋ยวฉันไปรับ”
เจียงสื้อสื้อกำลังจะปฏิเสธ แต่สวีหน้าที่อยู่ข้างๆกลับดึงมือเธอเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นก่อนว่า:”ดูนั่นสิๆ ประธานลู่อยู่นั่นแหนะ”
เจียงสื้อสื้อมองตาม พลันเห็นลู่เจิงที่อยู่ในชุดสูทสีดำล้วนกำลังเดินเข้ามาหา ก่อนจะปริปากเอ่ยยิ้มๆว่า:”บังเอิญจังเลยนะ ฉันก็มาคุยงานกับลูกค้าแถวนี้พอดี”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม รู้สึกบังเอิญมากเช่นกัน
จนท้ายที่สุดเธอกับสวีหน้าก็ต้องนั่งรถให้ลู่เจิงไปส่ง
……..
เครื่องบินลงจอดที่นิวยอร์ก ก่อนมาจิ้นเฟิงเฉินสืบมาเรียบร้อยแล้วว่าเจียงสื้อสื้อพักอยู่ที่โรงแรมไหน หลังลงจากเครื่องฯเขาก็ไปยังที่นั่นทันที
ไม่นานรถก็ถูกขับมาถึงที่โรงแรม พอลงจากรถจิ้นเฟิงเฉินก็เห็นเงาร่างที่คุ้นตาจากที่ไม่ไกลนัก เจียงสื้อสื้อเดินลงจากรถคันสีดำ พร้อมกับชายคนหนึ่งที่เดินลงจากฝั่งคนขับ
จิ้นเฟิงเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย รับรู้ได้ในทันทีว่าคนๆนั้นก็คือลู่เจิง
ทั้งคู่ส่งยิ้มโบกมือลาให้กัน
จิ้นเฟิงเฉินที่เห็นภาพนี้พลันเผยแววตาหม่นทันที