ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 160 เกี่ยวอะไรกับเขา
บทที่ 160 เกี่ยวอะไรกับเขา
ซูชิงหยิงมองตามจิ้นเฟิงเฉิน ก่อนจะเผยสีหน้าอึ้งตะลึงเล็กน้อย พลันกำหมัดแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
คิดไม่ถึงเลยว่าจิ้นเฟิงเฉินจะมาหาเจียงสื้อสื้อทันทีที่ลงจากเครื่องฯแบบนี้ เขาแคร์ผู้หญิงคนนั้นมากขนาดนั้นเลยเหรอ?
พอได้สติอีกทีจิ้นเฟิงเฉินก็ก้าวขาเดินไปก่อนแล้ว ซูชิงหยิงรีบเดินตามไปทันที
ทั้งสี่คนเจอกันหน้าทางเข้าโรงแรม เจียงสื้อสื้อเบิกตามองจิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าตกใจระคนสงสัย เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? หรือว่าเธอกำลังฝันอยู่งั้นเหรอ? จิ้นเฟิงเฉินทำไมอยู่ๆถึงมาที่นี่?
เจียงสื้อสื้อรู้สึกเหลือเชื่อ ก่อนจะได้สติแล้วเริ่มทำตัวไม่ถูก
แต่พอเห็นเขาอยู่กับซูชิงหยิง เธอก็เอ่ยถามออกไปโดยไม่ทันได้คิดว่า:”คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”
“มาทำงาน” จิ้นเฟิงเฉินตอบเสียงเรียบ ไร้ความรู้สึกใดๆ แต่เจียงสื้อสื้อรับรู้ได้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังโกรธอยู่ และเดาได้ไม่ยากว่าเพราะอะไร
จิ้นเฟิงเฉินหันไปมองลู่เจิง ลู่เจิงพลันทักทายทั้งคู่อย่างสุภาพว่า:”ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ท่านประธานจิ้น คุณซู”
ทีแรกลู่เจิงเองก็รู้สึกตกตะลึงไม่น้อยเช่นกัน
ไม่คิดเลยว่าจะจิ้นเฟิงเฉินกับซูชิงหยิงจะมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ต่างจากซูชิงหยิงที่ทักทายตอบกลับมายิ้มๆว่า:”ท่านประธานลู่ก็มาทำงานเหมือนกันเหรอคะ? ไม่คิดเลยว่าคุณจะเจอกับเจียงสื้อสื้อที่นี่ด้วย บังเอิญจังเลยนะคะ”
“ผมก็รู้สึกแบบนั้น” ลู่เจิงเอ่ยตอบเสียงขำ
เขาก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะได้เจอกับเจียงสื้อสื้อบนเครื่องบิน เมื่อกี้ก็บังเอิญเจอเธอที่ไทม์สแควร์อีก นี่คงจะเป็นสิ่งที่เขาเรียกกันว่าโชคชะตาล่ะมั้ง
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินถมึงทึงลงกว่าเดิม เจียงสื้อสื้อก็พลันปริปากเอ่ยทันทีว่า:”รุ่นพี่ ฉันว่านี่ก็ดึกมากแล้ว รุ่นพี่รีบกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
ลู่เจิงกับเจียงสื้อไม่ได้พักอยู่ที่เดียวกันงั้นเหรอ? จิ้นเฟิงเฉินรู้แบบนั้นแล้วก็พลันสบายใจและรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น บรรยากาศขุ่นมัวรอบตัวเขาก็ยังคงไม่หายไป
ลู่เจิงเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เขากล่าวลา ก่อนจะหันมองจิ้นเฟิงเฉินเล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไม เขารู้สึกได้ลางๆ ว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้จิ้นเฟิงเฉินมาที่นิวยอร์กก็คือเจียงสื้อสื้อ
ภายนอกลือกันว่อนว่าจิ้นเฟิงเฉินกำลังจะแต่งงานกับซูชิงหยิง แต่หลังจากที่ได้ติดต่อกันมาหลายครั้ง ลู่เจิงก็รับรู้ได้ว่าระหว่างเขากับเจียงสื้อสื้อต้องมีอะไรคลุมเครือเกี่ยวข้องกันแน่ๆ ความสัมพันธ์ของพวกเขาคืออะไร? ลู่เจิงสตาร์ทรถออกจากโรงแรม พร้อมกับความสงสัยที่คับคั่งอยู่ในใจ
หลังจากที่ลู่เจิงกลับไป บรรยากาศระหว่างทั้งสามคนก็เริ่มมาคุ จิ้นเฟิงเฉินพลันหันไปเอ่ยกับซูชิงหยิงว่า:”เธอไปเช็คอินก่อนเถอะ”
สิ้นเสียง ซูชิงหยิงก็ชะงักกึก นี่จิ้นเฟิงเฉินกำลังไล่เธอเพื่อจะได้อยู่กับเจียงสื้อสื้อเพียงลำพังอยู่งั้นเหรอ ซูชิงหยิงลังเลเล็กน้อย แต่ครั้งนี้เธอมาในฐานะเลขา เรื่องเช็คอินอะไรแบบนี้ก็ต้องเธอเป็นคนทำอยู่แล้ว
ท้ายที่สุดซูชิงหยิงจึงต้องพยักหน้าตอบอย่างไร้ทางเลือก เธอเหลือบมองเจียงสื้อสื้อครูหนึ่ง ก่อนจะก้าวขาเดินเข้าไปข้างใน
ตอนนี้เหลือแค่จิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้ออยู่สองคน จู่ๆเจียงสื้อสื้อก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี แต่ถ้าเอาแต่เงียบก็ดูจะไม่เข้าท่า จึงเอ่ยปากถามว่า:”คุณจะมาทำงานที่นี่กี่วันงั้นเหรอ? บังเอิญจังเลยนะพักอยู่ที่เดียวกับฉันเลย”
ที่สำคัญคือ ทำไมเขาถึงไม่บอกเธอล่วงหน้าสักคำ?
“เป็นเพราะเธอพักอยู่ที่นี่ต่างหาก” จิ้นเฟิงเฉินตอบ ถ้าไม่ใช่เพราะเจียงสื้อสื้ออยู่ที่นี่ แล้วเขาจะถ่อมาทำไม ส่วนจะอยู่กี่วันนั้น ก็ต้องรอดูว่าเธอจะกลับตอนไหน เธอกลับเมื่อไหร่เขาก็กลับเมื่อนั้นแหละ
“อ้อ” เจียงสื้อสื้อตอบ ก็ไม่รู้ว่าทำไม เธอรู้สึกว่าเหตุผลที่จิ้นเฟิงเฉินมาที่นี่เป็นเพราะเธอมากกว่าเรื่องงาน
ไม่ใช่สิ เขามากับซูชิงหยิงนี่ จะเกี่ยวอะไรกับเธอได้ยังไง เจียงสื้อสื้อ อย่าได้คิดเข้าข้างตัวเองอีกเด็ดขาด ทุกอย่างมันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น
ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินจิ้นเฟิงเฉินพูดขึ้นมาว่า:”เธอกินข้าวแล้วเหรอ?”
“อืม กินแล้ว” เจียงสื้อสื้อพยักหน้าตอบ ก่อนที่คนตรงหน้าจะถามต่อว่า:”กินกับลู่เจิงเหรอ?”
เสียงทุ้มเจือความเยือกเย็นเล็กน้อย เจียงสื้อสื้อส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน:”ไม่ใช่หรอก….” สักพักก็เอ่ยต่อว่า:”วันนั้นตอนออกไปคุยงานบังเอิญเจอกับรุ่นพี่พอดีน่ะ เมื่อกี้หลังกินข้าวกับผู้ช่วยเสร็จก็บังเอิญเจอกันด้านนอกอีกแล้ว รุ่นพี่ก็เลยอาสามาส่งเราที่โรงแรมน่ะ…..”
พอพูดเสร็จเจียงสื้อสื้อก็ถึงเพิ่งจะรู้ตัว แล้วตัวเองจะมายืนอธิบายยาวเหยียดกับเขาทำไมกัน? จิ้นเฟิงเฉินจะเข้าใจผิดหรือไม่ก็ปล่อยเขาไปสิ เกี่ยวอะไรกับเธอล่ะ
สิ้นเสียง ชายหนุ่มก็ยกยิ้มมุมปาก อารมณ์สีหน้าพลันดีขึ้นถนัดตา ก่อนจะจูงมือเจียงสื้อสื้อเดินออกไป
“คุณจะทำอะไร?” เจียงสื้อสื้อถามเสียงประหลาดใจ ดึกขนาดนี้แล้วยังจะออกไปอยู่อีกเหรอ?
“ฉันยังไม่ได้กินข้าวเลย ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ” จิ้นเฟิงเฉินตอบ
เจียงสื้อสื้อถูกดึงมาขึ้นรถ เธออดขมวดคิ้วขึ้นไม่ได้ พลางรู้สึกว่าทำแบบนี้ดูจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
“งั้นคุณซูล่ะจะทำยังไง?”
จิ้นเฟิงเฉินสตาร์ทรถ ก่อนจะหันมองเจียงสื้อสื้อแล้วย้อนถามว่า:”เกี่ยวอะไรกับเขากันล่ะ?”
สิ้นเสียง แววตาเจียงสื้อสื้อก็พลันสั่นไหว พวกเขากำลังจะแต่งงานมีลูกกันแล้วแท้ๆ จิ้นเฟิงเฉินทำแบบนี้หมายความว่ายังไง?
เจียงสื้อสื้อเม้มปากอยากจะถามอะไรต่อ แต่สุดท้ายเธอก็ลังเล เธอกลัวว่าถ้าพูดเรื่องนี้ออกไปแล้ว ระหว่างเธอกับจิ้นเฟิงเฉินก็จะจบลง
เจียงสื้อสื้อยกยิ้มบางอย่างสมเพชตัวเอง สุดท้ายเธอก็ยังคงคาดหวังและตัดใจไม่ได้อยู่ดี เธอไม่พูดอะไรต่ออีก ก่อนที่รถจะถูกขับออกจากโรงแรมไปสู่ท้องถนน
……..
ด้านซูชิงหยิง หลังจากที่เช็คอินเสร็จออกมาข้างนอก จิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อก็ไม่อยู่ตรงที่เดิมแล้ว แม้กระทั่งรถที่พวกเขานั่งมาก็หายไปด้วยเช่นกัน
ซูชิงหยิงสีหน้าเปลี่ยนทันที
เธอหยิบมือถือออกมาโทรหาจิ้นเฟิงเฉิน ไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย ก่อนที่ซูชิงหยิงจะเอ่ยปากถามว่า:”เฟิงเฉิน คุณไปไหนเหรอ?”
“ฉันออกมาน่ะ เธอหาอะไรกินเองเลย ไม่ต้องรอฉัน”
“หา? แต่….”
“แค่นี้นะ ฉันวางล่ะ”
พูดเสร็จจิ้นเฟิงเฉินก็กดวางสายไปทันที
ซูชิงหยิงยืนกำมือถือไว้แน่นอยู่กับที่ ใบหน้าสวยพลันบิดเบี้ยวเพราะความแค้นเคืองและอิจฉาริษยา
คิดไม่ถึงเลยว่าจิ้นเฟิงเฉินจะปล่อยเธอทิ้งไว้เพียงลำพังแบบนี้ เดาได้ไม่ยากว่าเขาต้องออกไปกินข้าวกับเจียงสื้อสื้อแน่ๆ ทั้งที่คนๆนั้นมันควรจะเป็นเธอแท้ๆ
เจียงสื้อสื้อ นังแพศยา เพราะมันคนเดียว!
ถ้าไม่ใช่เพราะมัน เธอก็คงไม่ต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้เหมือนหมาหัวเน่า ซูชิงหยิงเผยแววตาอำมหิต ตอนนี้เธออยากจะฉีกร่างยัยเจียงสื้อสื้ออกเป็นชิ้นๆจนแทบคลั่ง
……
อีกด้านหนึ่ง จิ้นเฟิงเฉินพาเจียงสื้อสื้อมาจอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
บรรยากาศภายในร้านเงียบสงบและเรียบหรู จิ้นเฟิงเฉินสั่งอาหารไปไม่น้อย จนเจียงสื้อสื้ออดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า:”คุณกินหมดเหรอ?”
“เธอกินกับฉันด้วยไง”
“ก็บอกไปแล้วนี่ว่าฉันกินแล้ว” เจียงสื้อสื้อตอบ
แต่มีหรือที่จิ้นเฟิงเฉินจะสนใจ เขาสั่งเมนูที่เจียงสื้อสื้อชอบกินเพิ่มอีกไม่กี่อย่าง ก่อนจะปิดสมุดเมนู