ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 186 จะพาพี่สะใภ้ไปที่ไหน
บทที่ 186 จะพาพี่สะใภ้ไปที่ไหน
ณ ร้านอาหาร ผู้ช่วยเบิกตามองดูเจียงสื้อสื้อเดินจากไป พร้อมกับหันมามองดูสีหน้าของประธานที่นิ่งราวกับน้ำ เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนตลอดเวลา
ผู้ช่วยเองก็ไม่เข้าใจ ตั้งแต่แรกจนเจียงสื้อสื้อเดินออกไป จิ้นเฟิงเฉินก็ยังสนทนากับลูกค้าต่อไม่หยุด
ทุกขั้นทุกตอน ลูกค้ารู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอย่างมาก เพราะกลัวว่าตัวเองจะไปผิดใจให้กับจิ้นเฟิงเฉินอย่างไม่ระวังเอา
หลังจากแยกย้ายออกจากร้านอาหารไป จิ้นเฟิงเฉินก็สั่งกับผู้ช่วยของเขาว่า : “ไปตรวจสอบซะว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
ทำไมเจียงสื้อสื้อถึงได้มานัดดูตัวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้ หรือว่าเธอจะถูกบังคับหรือ? สุดท้ายจิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกถึงจุดบางจุดที่มันไม่ปกติ
ผู้ช่วยเองก็รับคำสั่งไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า : “ประธานไม่ไปหาคุณเจียงหน่อยหรือครับ?”
น่าจะลองไปถามเจียงสื้อสื้อตรงๆ เลยดีกว่า ไม่แน่ว่าอาจจะมีการเข้าใจผิดอะไรกันก็ได้!
“ตอนนี้ยังไม่ไปหรอก” จิ้นเฟิงเฉินเม้มปากพูด
ผู้ช่วยยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ ทั้งๆ ที่ประธานแสดงออกว่าสนใจแบบนี้ แต่ทำไมถึงไม่ไปกันล่ะ? แต่พอเห็นสีหน้าของจิ้นเฟิงเฉิน เขาก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรให้มากความ ก่อนจะรีบมุ่งไปตรวจสอบเรื่องให้เขาทันที
หลังจากที่ผู้ช่วยเดินออกไป จิ้นเฟิงเฉินก็ขับรถไปที่ใต้ตึกที่เจียงสื้อสื้ออยู่ทันที เขาจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบมวนหนึ่ง เขาลังเลอยู่แบบนั้นไม่ยอมลงจากรถเสียที
หลังจากที่ไปเจอกับเจียงสื้อสื้อแล้ว จิ้นเฟิงเฉินเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี ถามเธอเลยว่าทำไมถึงไปดูตัวงั้นหรือ? แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไม จิ้นเฟิงเฉินกลัวว่ามันจะเหมือนอย่างที่ตัวเองคิดอยู่ในใจเข้าจริง
เจียงสื้อสื้ออยากที่จะอยู่ให้ห่างเขาอีกครั้ง……
หลังจากบุหรี่มวนแรกหมดไป ในที่สุดจิ้นเฟิงเฉินก็ขับรถออกไปทันที โดยไม่ได้เข้าไปหาเจียงสื้อสื้อแต่อย่างใด
……
หลังจากที่เจียงสื้อสื้อกลับมาถึงบ้าน อารมณ์และจิตใจของเธอยังคงรู้สึกสับสน เธอมองดูมือถือของตัวเอง แต่ก็ไม่มีข่าวคราวอะไรจากเสี่ยวเป่าและจิ้นเฟิงเฉินเลย พร้อมกับในใจที่รู้สึกทั้งหดหู่ทั้งยินดีระคนกัน
เธอไม่รู้เลยว่า ถ้าหากตอนนี้จิ้นเฟิงเฉินกำลังตามหาตัวเองอยู่ เธอควรจะไปพบหน้าเขาดีไหม?
เจียงสื้อสื้อไม่อยากผลักเขาให้อยู่ห่าง ไม่อยากเห็นเขากับเสี่ยวเป่าทุกข์ใจ แต่ว่า……
เธอนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับเปิดไวน์แดงขึ้นขวดหนึ่ง ในมือของเจียงสื้อสื้อถือภาพวาดที่เสี่ยวเป่าเป็นคนวาดไว้ก่อนหน้านี้ พอเห็นคนในอยู่ในภาพ ดวงตาของเธอก็แดงก่ำขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
หลังจากดื่มไวน์แดงไปแก้วหนึ่ง เจียงสื้อสื้อก็ค่อยๆ รู้สึกดีขึ้นตามลำดับ หลังจากที่ไม่รู้ว่าดื่มไปเท่าไหร่แล้ว เธอก็ค่อยๆ สะลึมสะลือแล้วหลับไป
……
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ บริษัทจิ้นกรุ๊ป
ผู้ช่วยทำการหาและตรวจสอบว่าทำไมเจียงสื้อสื้อถึงได้ไปนัดดูตัวอย่างรวดเร็ว เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังรายงานจิ้นเฟิงเฉินไปตามความจริง : “ประธานครับ เมื่อวานคุณเจียงเป็นคนใส่ข้อมูลส่วนตัว เพื่อลงทะเบียนในเว็บหาคู่ด้วยตัวเองครับ”
หลังจากสืบหาผลลัพธ์ออกมา ผู้ช่วยก็ยังคงรู้สึกว่ามันเกินความคาดหมายมาก เขาเองก็ไม่รู้เลยว่า ทำไมเจียงสื้อสื้อถึงได้ยอมไปดูตัวแบบนั้นได้ โดยไม่มีใครบังคับ และไม่ได้มีการเข้าใจผิดแต่อย่างใด
ขณะนั้นเอง จิ้นเฟิงเหราก็เข้ามาพอดี พอได้ยินแบบนั้น เขาก็นิ่งตะลึงไปทันที
“พี่สะใภ้ไปดูตัวงั้นหรือครับ? นี่นายกำลังพูดอะไรน่ะ? ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม!”
“ใช่ครับ คุณชายสอง” ผู้ช่วยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้จิ้นเฟิงเหราฟังโดยสังเขป
หลังจากที่ฟังจบ จิ้นเฟิงเหราก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นล่ะเนี่ย?
“พี่ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ครับเนี่ย?”
คิดไม่ถึงเลยว่าพี่สะใภ้จะไปดูตัว แถมยังถูกพี่ชายเห็นเข้าอีก นี่มันนิยายน้ำเน่าอะไรล่ะเนี่ย จิ้นเฟิงเหรายังคิดอยู่เลยว่าจะแก้ไขยังไงดี ตอนนี้ทั้งสองคนเองก็กำลังพัฒนาไปในทางที่ดี แค่อีกไม่นานก็จะได้แต่งงานกันแล้ว หลังจากนั้นก็จะได้มีน้องชายไม่ก็น้องสาวให้กับเสี่ยวเป่า แต่ทำไมตอนนี้…ดูเหมือนจะต่างจากที่ตัวเขาเองคิดไปอยู่โขเลยนะ!
จิ้นเฟิงเฉินเองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ช่วงนี้เขารู้สึกได้เลยว่า เจียงสื้อสื้อเริ่มเปิดใจให้ตัวเขาบ้างแล้ว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันยังดีๆ อยู่เลย แต่ทำไมวันนี้ถึงได้เปลี่ยนไปอีกแล้วล่ะ? แถมยังถือวิสาสะไปดูตัวแบบนั้นอีก
“แล้วตอนนี้จะทำยังไงดีล่ะพี่?”
จิ้นเฟิงเฉินเม้มปากแน่น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “ตลอดมาก็เป็นพี่ที่พยายามเข้าใกล้เธอ ถ้าหากเธอไม่อยากให้พี่เข้าใกล้ล่ะก็ ต่อให้พี่พยายามใกล้ชิดเธอแค่ไหน ก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ”
จริงๆ แล้วมันก็ไม่ผิดจากที่พูดไว้ ตั้งแต่รู้จักจนมาถึงตอนนี้ เจียงสื้อสื้อก็พยายามหลบหลีกตัวเขาเองอยู่หลายต่อหลายครั้ง จิ้นเฟิงเฉินเองก็เดาออก การที่เธอไปดูตัวนั้น คงจะเป็นข้ออ้างของเธอแน่ๆ
แต่เขาไม่เข้าใจว่า เหตุผลที่เจียงสื้อสื้อพยายามหนีเขาไปอีกครั้งนั้นเป็นเพราะอะไรกันแน่…แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้ตัวเองจะทำยังไงดี ผ่านไปครู่หนึ่ง จิ้นเฟิงเฉินก็หันไปสั่งให้ผู้ช่วยไปตรวจสอบดูคู่ที่มาดูตัวเจียงสื้อสื้อ เพราะกังวลว่าเขาอาจจะมีความคิดไม่ดีกับเจียงสื้อสื้อก็เป็นได้
จิ้นเฟิงเหราเห็นสีหน้าที่จนปัญญาของพี่ชายตัวเองก็ถอนหายใจดังเฮือก ชั่วขณะนั้นเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี จึงทำได้เพียงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไป
“อ้อ ใช่แล้วครับ ใกล้จะวันเกิดคุณตาแล้วนะครับ พี่จะไม่ทำอะไรจริงๆ หรือครับ?”
“แล้วแต่เขาเถอะ พี่ขอไม่สอดมือเข้าไปยุ่งแล้วกัน”
“ไม่รู้จริงๆ นะครับว่าคุณตาคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้เอางานวันเกิดมาให้คนที่เพิ่งจะรู้จักได้ไม่กี่วันวางแผนให้ ก่อนหน้านี้ผมยังคิดอยู่เลย ว่าจะยกเรื่องนี้ให้พี่สะใภ้ทำ เพราะงานวันเกิดของเสี่ยวเป่าครั้งก่อน พี่สะใภ้จัดได้ดีมากเลยล่ะครับ!”
เดิมทีจิ้นเฟิงเหราก็อยากจะเปลี่ยนหัวข้อนั่นล่ะ แต่ไม่รู้ว่าทำไม พูดไปพูดมาก็กลับมาพูดถึงเจียงสื้อสื้ออีกแล้ว หลังจากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า : “พี่ครับ พอถึงงานวันเกิดของคุณตาแล้ว พี่จะพาพี่สะใภ้ไปไหมครับ?”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้พูดอะไร เขาเองก็อยากจะพาเจียงสื้อสื้อไปพบกับคุณตาแน่นอนอยู่แล้ว แต่สถานการณ์ในตอนนี้มัน…เรื่องที่เจียงสื้อสื้อจะไปหรือไม่ก็ค่อยว่ากันแล้วกัน
พอเห็นสีหน้าของพี่ชาย จิ้นเฟิงเหราก็เปลี่ยนหัวข้อไปเรื่องงานอีกครั้ง หลังจากที่คุยกันเรื่องโครงงานในห้องอยู่พักหนึ่ง จิ้นเฟิงเหราก็เดินจากไป
……
ส่วนงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ฉินนั้น เจียงสื้อสื้อก็วางแผนจัดงานให้เกือบจะเสร็จแล้ว พอตกเย็นเลิกงาน เธอก็มาถึงที่ร้านขายของโบราณทันที
“งานวันเกิดของคุณปู่ฉินหนูวางแผนจัดงานให้เรียบร้อยแล้วนะคะ คุณปู่ลองดูว่ามีตรงไหนไม่ชอบไหม หนูจะได้เอาไปแก้ค่ะ”
“เร็วขนาดนี้เลยหรือ? เธอตั้งใจดีนะ”
คุณปู่ฉินรับเอกสารนั้นมา หลังจากดูครู่หนึ่ง ก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ
“ไม่มีจุดไหนบกพร่องเลย ขอบคุณเธอมากนะแม่หนู ก่อนหน้านี้ที่ปู่บอกว่าจะยกเรื่องนี้ให้เธอทำ หลานของปู่ยังพูดอยู่เลยว่าเธอจะเชื่อใจได้หรือเปล่า”
เจียงสื้อสื้อพูดด้วยแววตาที่ส่องประกายยิ้มแย้ม “อย่าได้เกรงใจไปเลยค่ะคุณปู่”
หลังจากทำความรู้จักกันมานาน คุณปู่ฉินก็ยิ่งรักเจียงสื้อสื้อมากยิ่งขึ้น ก่อนจะยิ้มพูดขึ้นว่า : “งานวันเกิดของปู่วันนั้น เธอต้องมาร่วมให้ได้เลยนะ”
“แน่นอนค่ะ” เจียงสื้อสื้อตอบรับอย่างยินดี ต่อมาเธอก็ชงชาให้กับคุณปู่ฉินจากนั้นก็นั่งคุยกัน อาจเป็นเพราะช่วงหลายวันที่ผ่านมามีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ทำให้เจียงสื้อสื้อดูไม่มีชีวิตชีวา ขณะที่ชงชาจิตใจของเธอก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
พอคุณปู่ฉินมองออก เขาก็วางเครื่องชาในมือลง แล้วพูดถามขึ้น : “แม่หนูมีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่า? จะชงชาจะทำจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบนี้นะ”
“ต้องขอโทษด้วยค่ะคุณปู่!” เจียงสื้อสื้อพลันได้สติกลับมา
คุณปู่ฉินมองเธอแล้วยิ้ม “กำลังคิดถึงคนในใจอยู่หรือ?”
“ไม่หรอกค่ะ” เจียงสื้อสื้อพูด
“คิดจะหลอกปู่รึ!” คุณปู่ฉินแค่มองปราดเดียวก็มองออกแล้ว เขาถอนหายใจดังเฮือก ก่อนจะพูดขึ้นต่อ : “เดิมทีก็อยากจะให้เธอกับหลานฉันคบกันอยู่หรอก แต่คิดไม่ถึงว่าหลานของฉันมันมีคนที่ชอบแล้วนี่สิ เธอเองก็มีคนอยู่ในใจแล้ว เฮ้อ น่าเสียดายจริงๆ เลยนะ”
พอได้ยินแบบนั้น เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ คุณปู่ฉินคนนี้คิดจะแนะนำเธอให้กับหลานของเขาเลยหรือนี่!