ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 208 อยากได้เธอจนทนไม่ไหวแล้ว
บทที่ 208 อยากได้เธอจนทนไม่ไหวแล้ว
พอรถจอดสนิท เจียงสื้อสื้อก็รีบถามไปว่า “ไหนคุณบอกว่าจะส่งฉันกลับบ้างไม่ใช่เหรอคะ? แล้วพาฉันมาที่บ้านคุณทำไม?”
จิ้นเฟิงเฉินยังไม่ทันได้พูดอะไรเสี่ยวเป่าก็รีบตอบกลับมาว่า “น้าสื้อสื้อครับ บ้านของพ่อมันก็คือบ้านของน้าสื้อสื้อไม่ใช่เหรอครับ?”
“เสี่ยวเป่าพูดถูกแล้ว” จิ้นเฟิงเฉินรีบพูดสนับสนุน
เจียงสื้อสื้อหน้าแดงขึ้นมาทันที คำพูดนี้มันไม่ได้กำลังสื่อว่าพวกเธอเธอครอบครัวเดียวกันแล้วเหรอ?
ไม่ใช่สักหน่อย นี่มันบ้ากันไปใหญ่แล้ว!
เจียงสื้อสื้อกะแอ้มออกมา แล้วรีบพูดไปว่า “ไม่ใช่นะ ยังไงคุณก็ไปส่งฉันที่บ้านเถอะนะ!”
การที่ต้องพักอยู่ในบ้านของจิ้นเฟิงเฉินไม่ว่ายังไงเจียงสื้อสื้อก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ค่อยดี ถึงแม้ว่าช่วงนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะพัฒนาขึ้นมามากก็ตาม แต่ว่า……
“ไม่ได้ การที่คุณได้รับบาดเจ็บยังไงผมก็ต้องมีส่วนต้องรับผิดชอบ แล้วแผลตามตัวคุณก็ยังไม่หายดี การที่คุณกลับไปอยู่คนเดียวนั้นจะให้ผมกับเสี่ยวเป่าสบายใจได้ยังไงกัน” จิ้นเฟิงเฉินปฏิเสธในทันที
“ใช่ครับใช่ครับ! น้าสื้อสื้อพักอยู่ที่นี่เถอะครับ! ผมกับพ่อจะได้ดูแลน้าสื้อสื้ออย่างเต็มที่ได้ครับ พักที่แค่ชั่วคราวพอน้าหายดีแล้วค่อยกลับไปอยู่บ้านก็ได้ครับ”
“แต่ว่า……”
“ไม่มีแต่ว่าแล้ว ต่อให้คุณไม่พักที่นี่ผมกับเสี่ยวเป่าก็จะตามไปอยู่กับคุณที่นู่นเหมือนกัน”
ตอนนี้เจียงสื้อสื้อมีแผลเต็มตัวไปหมด จิ้นเฟิงเฉินไม่มีทางปล่อยให้เธออยู่คนเดียวอย่างแน่นอน
ตอนนี้เจียงสื้อสื้อเริ่มลังเลแล้ว ถ้าไปอยู่ที่บ้านเธอ ตัวเองก็ไม่สามารถลุกมาทำอาหารให้สองพ่อลูกกินได้ อีกอย่างเธอจะทำใจให้จิ้นเฟิงเฉินยังต้องนอนโซฟาทุกวันเลยเหรอ? แบบนี้ยิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่ สุดท้ายก็เถียงสองพ่อลูกนี้ไม่ไหวเจียงสื้อสื้อจึงต้องยอมพักอยู่ที่นี่แต่โดยดี
พอเห็นอย่งนั้น เสี่ยวเป่าก็ได้แอบยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา ตอนนี้น้าสื้อสื้อยอมพักอยู่ที่นี่แล้ว พอหายสนิทแล้วค่อยหาข้ออ้างเธออยู่ต่อก็คงไม่ยากแล้ว
……
เจียงสื้อสื้อเองก็ไม่ได้มาที่วิลล่านี้นานแล้วเหมือนกัน เหล่าคนใช้ก็ให้เกียรติเธอมากเหมือนกัน ในวิลล่านี้มีพร้อมทุกอย่าง ข้าวของเครื่องใช้ที่เจียงสื้อสื้อจำเป็นต้องใช้ไม่มีขาดเลยสักชิ้น
ในเย็นวันนั้น จิ้นเฟฺงเฉินได้สั่งให้คนรับใช้ไปทำอาหารที่น่ากินมาตั้งหลายอย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นของโปรดของเจียงสื้อสื้อทั้งนั้น และยังมีบางส่วนที่เป็นอาหารบำรุงร่างกายกับบำรุงกระเพาะ
พอเห็นอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ เจียงสื้อสื้อก็ถึงกับอึ้งไปเลย
“นี่เรากินกันแค่สามคนเองนะ ไม่ต้องเวอร์ขนาดนี้ก็ได้มั้งคะ?”
“มันต้องอย่างนี้แหละครับ ในเมื่อน้าสื้อสื้อไม่ได้มากินข้าวที่นี่ตั้งนานแล้ว อีกอย่างน้าก็เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมา จะต้องให้น้าสื้อสื้อได้กินอย่างเต็มที่อยู่แล้วครับ” เสี่ยวเป่าพูดขึ้น
พอได้ยินอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะขำออกมา เธอสามารถจินตนาการได้เลยว่าชีวิตต่อจากนี้ของเธอจะเป็นยังไงต่อไป หลังจากที่พักฟื้นเสร็จแล้วเธอจะต้องอ้วนขึ้นมากแน่ๆ!
เสียงหัวเราะที่ดังลั่นดังมาจากในห้องอาหาร ทั้งสามคนก็ไม่ต่างอะไรจากคนในครอบครัวเดียวกัน คนรับใช้ในวิลล่าเองก็ไม่ค่อยได้เห็นภาพแบบนี้บ่อยนัก ที่คุณหนูเล็กกับคุณชายจะรู้สึกดีกับผู้หญิงคนหนึ่งได้พร้อมกันอย่างนี้
ทุกคนต่างก็ปรนนิบัติกับเจียงสื้อสื้อราวกับว่าเธอเป็นคุณหญิงของที่นี่ไปแล้ว ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะยังไม่เคยย้ายเข้ามาอยู่เลย แต่ที่นี่ก็มีคนมาคอยทำความสะอาดอยู่ทุกวัน
หลังกินอาหารเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็นั่งเล่นกับเสี่ยวเป่าที่โซฟาอยู่พักหนึ่งก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำในห้อง
แผลถลอกตามร่างกายของเจียงสื้อสื้อยังไม่สมานกันดีเลย หลังจากอาบน้ำเสร็จมันก็รู้สึกเจ็บๆ เจียงสื้อสื้อจึงได้ไปเอายาที่หมอจ่ายให้มาทาตรงแผล
แผลตามแขนเธอทาไปเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าแผลตรงกลางหลังเธอก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับมันดี เจียงสื้อสื้อพยายามส่องกระจกช่วยแล้วแต่ก็ยังทาไม่ถึง
แล้วในตอนที่เธอกำลังจะยอมแพ้อยู่นั่นเอง จิ้นเฟิงเฉินก็ได้เดินเข้ามา
เขามองมาที่เจียงสื้อสื้อ หยิบยาทากับสำลีจากมือเธอไป แล้วพูดด้วยเสียงที่ทุ้มลึกและมาดดีว่า “มาผมช่วยครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เจียงสื้อสื้อตอบกลับ
เพราะว่าแผลนั้นมันอยู่ใต้คอลงไป ชุดนอนของเจียงสื้อสื้อจึงถูกดึงลงมาต่ำกว่าหัวไหล่ ผิวพรรณเหนือหน้าอกอันขาวนวลที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ ไม่รู้ทำไมบรรยากาศรอบๆ ห้องอยู่ๆ ก็เปลี่ยนไป
มีความรู้สึกที่เย็นเฉียบเกิดขึ้นบริเวณหลังคอ ทั้งๆ ที่การทายามันใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่สิบวิเอง แต่ไม่รู้ทำไมเจียงสื้อสื้อกลับรู้สึกว่าช่วงเวลานี้มันช่างยาวนานเหลือเกิน
พอหลังจากที่ทายาเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็รีบลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แต่เพราะว่ารีบเกินไปจนเธอเกือบจะสะดุดล้ม
พอจิ้นเฟิงเฉินเห็นเข้าจึงรีบไปประคองเธอไว้
กลิ่นอ่อนๆของครีมอาบน้ำที่เธอเพิ่งจะใช้มาลอยเข้ามาในจมูก ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก จิ้นเฟิงเฉินที่เสียการควบคุมไปช่วงขณะจึงไปจูบไปที่เจียงสื้อสื้อ
ทั้งๆ ที่เคยผ่านการจูบมาแล้วตั้งหลายรอบ แต่ว่าเจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา หัวใจดวงน้อยกำลังเต้นรัวเธอทำได้เพียงน้อมรับการจูบของเขาแบบนี้อย่างเงียบๆ
ไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว เจียงสื้อสื้อแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว จิ้นเฟิงเฉินถึงได้ค่อยๆ ปล่อยเธอเป็นอิสระ
“ผ่านมากี่ครั้งแล้วยังกลั้นหายใจอยู่อีก?”
น้ำเสียงของเขาค่อนข้างแหบร้าน ถ้าไม่ใช่เพราะบนตัวของเจียงสื้อสื้อมีแผลละก็ จิ้นเฟิงเฉินคงจะทนไม่ไหวต้องจัดการเธอไปแล้วแน่ๆ
เดิมทีเจียงสื้อสื้อก็หน้าแดงอยู่แล้ว พอได้ยินอย่างนี้เข้าก็ยิ่งแดงขึ้นไปอีก
มีรอยยิ้มเล็กผุดขึ้นมาในแววตาของจิ้นเฟิงเฉิน เขาไม่ได้ทำอะไรเธอต่อ
เขาพยุงตัวขึ้นมา เอามือลูบไปบนหัวของเจียงสื้อสื้อ จากนั้นก็จูบลงบนหน้าผากของเธอเบาๆ
“พักผ่อนให้มากๆ ฝันดีครับ”
“ฝัน…ดีค่ะ” เจียงสื้อสื้อพูดอย่างติดๆ ขัดๆ
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
จนจิ้นเฟิงเฉินออกไปตั้งนานแล้ว เจียงสื้อสื้อที่กำลังนอนอยู่บนเตียงกับหัวใจดวงน้อยที่กำลังเต้นรัว จนป่านนี้แล้วมันยังไม่สามารถสงบลงเลย
เจียงสื้อสื้อรู้ตัวเลยว่า การที่ตัวเองจะต่อต้านผู้ชายคนนี้นับวันยิ่งยากเย็นมากเข้าไปทุกทีแล้ว เธอควรจะทำอย่างไรดี……
ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้กำลังวนเวียนอยู่ในหัวเธอ แล้วเจียงสื้อสื้อก็รู้สึกทำใจยอมรับมันยากขึ้นเรื่อยๆ เธอจินตนาการไม่ออกเลยว่า ถ้าวันหนึ่งพวกเธอจำเป็นต้องแยกจากกันจริงๆ ตัวเองยังจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือเปล่ากันนะ……
ในหัวยังคงสับสนวุ่นวาย เจียงสื้อสื้อที่นอนอยู่บนเตียงก็ค่อยๆ นอนหลับไป
……
เช้าวันต่อมา เสี่ยวเป่าเข้ามาปลุกเจียงสื้อสื้อให้ไปกินมื้อเช้า
หลังอาบน้ำเสร็จ ตอนที่เธอเดินลงบันไดมา จิ้นเฟิงเฉินได้นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อก็แดงขึ้นมาอย่างไร้ยางอาย
ส่วนจิ้นเฟิงเฉินนั้นกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กินข้าวเช้าไปแล้วก็พูดออกมาอย่างใจเย็นว่า “ช่วงนี้เสี่ยวเป่าจะไม่ไปโรงเรียนนะครับ ถ้าหากคุณเกิดเบื่อขึ้นมาคุณก็พาเขาออกไปเดินเล่นหรือจะพาไปหาผมก็ได้นะครับ”
“ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว” เจียงสื้อสื้อพยักหน้าตอบ
การไปที่จิ้นกรุ๊ปไม่ได้อยู่ในหัวเธอเลย เพราะมันเป็นที่ทำงานของจิ้นเฟิงเฉิน ถ้าเธอไปรบกวนคงดูไม่ดีเท่าไหร่
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้เข้าบริษัทตั้งสองวันแล้ว ดังนั้นหลังจากที่กินข้าวเช้าเสร็จเขาก็มอบหมายให้คนรับใช้ดูแลเจียงสื้อสื้อดีๆ ก่อนจะเดินทางไปที่บริษัท
ในช่วงเช้าเจียงสื้อสื้อก็วาดรูป ดูทีวีเป็นเพื่อนเสี่ยวเป่าอยู่ในบ้าน พอถึงช่วงบ่าย ทั้งสองคนต่างก็รู้สึกว่าเบื่อๆ สุดท้ายเสี่ยวเป่าก็เสนอให้ออกไปช็อปปิ้งกัน
เป็นเพราะว่ามันไม่มีอะไรทำเลยจริงๆ เจียงสื้อสื้อจึงเห็นด้วยกับความคิดของเสี่ยวเป่า