ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 212 ทำให้เธอออกไปจากโลกของจิ้นเฟิงเฉิน
- Home
- ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!
- บทที่ 212 ทำให้เธอออกไปจากโลกของจิ้นเฟิงเฉิน
บทที่ 212 ทำให้เธอออกไปจากโลกของจิ้นเฟิงเฉิน
ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของซูชิงหยิงก็แข็งทื่อไปทันที เอกสารที่อยู่ในมือล้วนก็สั่นระริก ท้ายที่สุดเธอและจิ้นเฟิงเฉินก็มีเพียงเรื่องงานที่เกี่ยวข้องกัน ออกจากจิ้นกรุ๊ป หากเธอต้องการที่จะพบผู้ชายคนนี้ก็พูดได้เลยว่ายากมาก แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ถึงเวลานี้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสายเกินไปแล้ว
“ฉันจะกลับไปลองคุยๆกับคุณปู่” ซูชิงหยิงก็ฉีกยิ้มมุมปาก ในที่สุดก็เอ่ยปากอย่างจนปัญหา
ถึงแม้ว่าปากจะพูดไปแบบนี้ แต่ซูชิงหยิงจะยินยอมออกจากจิ้นกรุ๊ปไปง่ายๆได้ยังไง
“อืม” จิ้นเฟิงเฉินตอบรับอย่างเย็นชา
เขารู้ว่าซูชิงหยิงคิดอย่างไรกับตนเอง แต่ชั่วชีวิตของเขานี้รักได้เพียงเจียงสื้อสื้อแค่คนเดียว จิ้นเฟิงเฉินจนปัญญาที่จะตอบรับเจียงสื้อสื้อไม่ว่าอะไรก็ตาม อีกประการหนึ่ง เธอคือลูกสาวคนโตของตระกูลซู การที่ทำงานอยู่ที่จิ้นกรุ๊ปมาโดยตลอดก็คงจะเป็นการไม่ดีจริงๆ
หลังจากเดินออกจากห้องทำงาน สีหน้าของซูชิงหยิงแย่จนไม่สามารถบรรยายออกมาได้
เธอรู้ว่า เรื่องที่ตนเองต้องการที่จะอยู่กับจิ้นกรุ๊ปคงไม่สามารถอยู่ได้นานแล้ว ความสัมพันธ์ที่เสแสร้งของจิ้นเฟิงเฉินกับตนเองทำไมช่างรวดเร็วขนาดนี้นะ เป็นเพราะเจียงสื้อสื้อผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม?
ซูชิงหยิงกัดฟันแน่น ภายในใจริษยาอย่างบ้าคลั่ง แต่ทว่าก็จนปัญญา หลังจากที่เธอออกจากบริษัท ก็ได้เพียงแต่มาที่บาร์เหล้าเพื่อซื้อเหล้าอีกครั้ง
เหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าบางบนเคาเตอร์บาร์ ยิ่งดื่มก็ยิ่งทุกข์ ในสมองของซูชิงหยิงเต็มไปด้วยฉากที่จิ้นเฟิงเฉินและซูชิงหยิงอยู่ด้วยกัน เธอคาดหวังอย่างมากว่า คนที่อยู่เป็นเพื่อนข้างกายของจิ้นเฟิงเฉินจะต้องเป็นตนเองและไม่ใช่เจียงสื้อสื้อผู้หญิงคนนั้น
ซูชิงหยิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างยิ้มเยาะเย้ย คล้ายว่าเธอยิ้มเยาะตนเอง คาดไม่ถึงว่าลูกสาวคนโตของตระกูลซูจะต้องพ่ายแพ้ให้กับเจียงสื้อสื้อ นี่เป็นเรื่องตลกเรื่องนึงจริงๆ มันเป็นเรื่องตลกอย่างมาก!
เวลานี้ ก็มีผู้ชายคนนึงเดินเข้ามา
“คุณซู สวัสดีครับ ทำไมบังเอิญขนาดนี้ที่มาพบคุณที่นี่!”
ซูชิงหยิงหยุดเล็กน้อย เอียงตามองคนที่อยู่ข้างๆ ดูๆแล้วผู้ชายน่าจะอายุราวๆยี่สิบกว่าๆ สวมใส่ชุดสูทแบรนด์เนม รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ทั่วทั้งตัวดูมีกลิ่นอายของความเป็นแบดบอย ดูท่าน่าจะเป็นลูกท่านหลานเธอของตระกูลเศรษฐี
“คุณคือ?” ซูชิงหยิงเอ่ยปากกล่าวถาม
ได้ยินเช่นนี้ ในแววตาของผู้ชายหดหู่ลงไปเล็กน้อย แต่ก็ยังยิ้มแล้วเอ่ยปากกล่าวว่า: “ฉันคือมู่จิ่งเซินเป็นลูกชายคนโตของตระกูลมู่ คุณจำฉันไม่ได้หรอ? ก่อนหน้านี้ที่เราเคยพบกันที่งานเลี้ยงต้อนรับของคุณไง?”
ซูชิงหยิงหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ในสมองนึกถึงคนๆนี้ได้อย่างเลือนลาง
เธอรู้จักกับมู่จิ่งเซินในงานเลี้ยง เขายังต้องการที่จะติดต่อสัมพันธ์กับตนเอง หลังจากงานเลี้ยงจบลงสองสามวัน มู่จิ่งเซินก็ยังนัดตนเองทานข้าว เพียงแต่ซูชิงหยิงถูกปฏิเสธ
ดูเหมือนว่าคนๆนี้ก็คิดอะไรกับตนเอง แต่ใจของซูชิงหยิงล้วนอยู่กับจิ้นเฟิงเฉิน กับการจีบเหล่านี้พื้นฐานแล้วล้วนไม่เอามาใส่ใจเลยสักนิด
“คุณซูอารมณ์ไม่ดีหรอ? ทำไมถึงมาดื่มเหล้าแก้กลุ้มอยู่คนเดียวล่ะ?” มู่จิ่งเซินเอ่ยปากถาม เขามองไปยังซูชิงหยิง ด้วยสีหน้าที่แฝงไปด้วยความรักใคร่ชื่นชมเล็กน้อย
“อืม” ซูชิงหยิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เป็นเพราะคุณชายจิ้นหรอ? ได้ยินมาว่าเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว……
มู่จิ่งเซินชอบซูชิงหยิงอย่างแท้จริง เขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลมู่ ตั้งแต่เด็กจนโตเขาถูกเลี้ยงดูอย่างลูกกุญแจทองคำ ต้องการอะไรก็ได้อย่างนั้น ยิ่งความรักก็มีมาไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครทำให้ใจมู่จิ่งเซินเต้นแรงได้
จนกระทั่งได้พบกับซูชิงหยิงครั้งแรกที่งานเลี้ยงครั้งก่อน เป็นครั้งแรกที่มู่จิ่งเซินเข้าใจถึงความรู้สึกของหัวใจเต้นแรง เธอเปรียบดั่งเจ้าหญิงที่สูงส่งคนนึง ในเวลานั้นมู่จิ่งเซินก็คิดว่า จะต้องมอบสิ่งที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้ให้กับเธอ
หลังจากต้องการที่จะติดต่อสัมพันธ์ มู่จิ่งเซินก็นัดเธอทานข้าว แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างนุ่มนวล ต่อมาเขาจึงได้รู้ว่า ภายในใจของซูชิงหยิงมีคนที่ชอบอยู่แล้วตลอดมา และคนนี้ก็คือจิ้นเฟิงเฉิน
ภายในใจของมู่จิ่งเซินนั้นโศกเศร้า ไม่ได้ติดต่อกับซูชิงหยิงอีกเลย แต่เขาก็ให้ความสนใจกับเรื่องราวของเธอมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้สองสามวันเหมือนกับจะได้ยินมาว่าจิ้นเฟิงเฉินมีคนที่ชอบแล้ว ในใจของมู่จิ่งเซินก็มีความหวังขึ้นมา ไม่คาดคิดว่าวันนี้จะบังเอิญพบเจอกับซูชิงหยิงโดยตรง
“คุณซู คุณดีเลิศขนาดนี้ เพราะอะไรถึงต้องมากลัดกลุ้มใจกับผู้ชายคนนึงที่ไม่ได้รักคุณแบบนี้ บนโลกนี้ยังมีคนอีกมากที่ยังรักคุณ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเทียบไม่ได้กับจิ้นเฟิงเฉิน แต่พวกเขาก็รักคุณยิ่งกว่าเขา”
“คุณชายมู่พูดติดตลก ขอโทษนะ เรื่องของฉันคุณไม่มีสิทธิที่จะมาจู้จี้”
หลังจากพูดจบ ซูชิงหยิงก็หิ้วกระเป๋าถือออกจากบาร์เหล้าไป
เห็นสถานการณ์อย่างนี้ มู่จิ่งเซินก็รีบดึงมือของเธอเอาไว้
“คุณซู ฉันไม่ได้จู้จี้เรื่องของคุณ ฉันแค่อยากจะบอกคุณว่า……ฉัน ฉันก็ชอบคุณ ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณจะไม่ชอบฉัน แต่ก็หวังว่าคุณจะให้โอกาสฉันสักครั้ง”
แต่ไหนแต่ไรมามู่จิ่งเซินก็ยังไม่เคยเอาใจใส่ผู้หญิงคนไหนขนาดนั้น สำหรับซูชิงหยิง เขาคือชอบมาจากในก้นบึ้งของหัวใจ
“ต้องขอโทษด้วย คุณชายมู่ ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว” ซูชิงหยิงเอ่ยปากปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
“ชิงหยิง ฉันรู้ว่าคุณชอบจิ้นเฟิงเฉิน แต่ว่าผู้ชายคนนั้นไม่คุ้มค่าที่คุณจะรักอีกแล้ว คุณรักเขามาตั้งหลายปีขนาดนั้น แต่ผลสุดท้ายเขาก็ไปชอบคนอื่น ชิงหยิง ตัดใจจากเขาเถอะ! และอยู่ด้วยกันกับฉัน ฉันจะดูแลคนอย่างดี มู่จิ่งเซินเอ่ยปากพูด
เวลานี้ซูชิงหยิงเมาแล้ว ได้ฟังคำพูดนี้ เธอก็โกรธเล็กน้อย สลัดมือจากมู่จิ่งเซิน เอ่ยปากกล่าวด้วยความโมโหว่า: “ตัดใจ? ไม่มีทาง ฉันซูชิงหยิงตลอดชั่วชีวิตนี้จะไม่มีทางตัดใจจากจิ้นเฟิงเฉิน”
เธอรักผู้ชายคนนี้อย่างจริงจังแล้ว จะให้ตัดใจไปง่ายๆได้ยังไง
“ฉันลูกสาวคนโตของตระกูลซูไม่มีทางที่จะพ่ายแพ้เจียงสื้อสื้อผู้หญิงคนนั้น เธอก็เป็นผู้หญิงคนนึงที่เคยตั้งท้อง จะไปเหมาะสมกับจิ้นเฟิงเฉินได้ยังไง ไม่ช้าก็เร็วฉันจะไล่เธอออกไปจากโลกของจิ้นเฟิงเฉิน”
ระหว่างที่พูด แววตาของซูชิงหยิงก็โหดเหี้ยมเล็กน้อย
จนถึงวินาทีสุดท้าย เธอก็จะไม่ยอมตัดใจ อย่างมากก็แค่ถึงให้เจียงสื้อสื้อให้ตายไปด้วยกัน ในที่สุดพวกเขาก็ไม่มีใครที่จะต้องคิดถึงจิ้นเฟิงเฉิน
ได้ยินเช่นนี้แล้ว สีหน้าของมู่จิ่งเซินก็ตกใจเล็กน้อย เพราะให้ความสนใจกับเรื่องเหล่านี้มาโดยตลอด เขาค่อนข้างที่จะรู้ว่าคนที่จิ้นเฟิงเฉินชอบเป็นใคร แต่ก็คาดไม่ถึงว่าเจียงสื้อสื้อจะเคยตั้งท้องมาก่อนหรือเนี่ย?
มองขอบตาที่แดงก่ำของซูชิงหยิง หยดน้ำตาในตาเกือบจะไหลลงมา สีหน้าของมู่จิ่งเซินก็เจ็บปวดเล็กน้อย เธอชอบผู้ชายคนนั้นขนาดนั้นเลยหรอ?
ในที่สุด ซูชิงหยิงก็เดินโงนเงนออกไป มู่จิ่งเซินมองดูเธอตลอดช่วยเหลือเธอหลังจากพยุงเธอขึ้นรถแล้วจึงออกไป
……
วันเวลาผ่านพ้นไปหลายต่อหลายวัน เจียงสื้อสื้ออยู่พักพื้นที่บ้านของจิ้นเฟิงเฉิน ได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ตอนนี้บาดแผลก็เกือบจะหายดีแล้ว เจียงสื้อสื้อกำลังไตร่ตรองดูว่าจะย้ายออกไปดีไหม? ถึงแม้จะพูดได้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของจิ้นเฟิงเฉินกับเธอดีอย่างมาก แต่ขืนอยู่แบบนี้ต่อไปก็คงจะไม่ดี……
เย็นวันนี้ เจียงสื้อสื้อลงทำครัวด้วยตนเอง ทำอาหารที่น่าทานหลายอย่าง เมื่อขณะทานอาหารเธอก็เอ่ยว่าจะย้ายออกไปในวันพรุ่งนี้
เพียงได้ฟังคำนี้ เสี่ยวเป่าก็ไม่เต็มใจทันที
“น้าสื้อสื้อ อย่าไปนะ! คุณอยู่ที่นี่ต่อไปเถอะ!”
จิ้นเฟิงเหราก็ด้วย ทานอาหารไปพลาง ก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า: “ใช่! พี่สะใภ้ คุณอยู่ที่นี่กับพี่ชายฉันและเสี่ยวเป่าดีกว่านะ! นี่ย้ายมาย้ายไปลำบากแย่เลย!”
ที่สำคัญคือ พี่สะใภ้เธอทำกับข้าวอร่อยมากจริงๆ ถ้าย้ายออกไปจริงๆ ตนเองจะทานของเหล่านี้อีกได้ยังไง…..