ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 221 คุณต้องรับผิดชอบต่อผม
บทที่ 221 คุณต้องรับผิดชอบต่อผม
คืนนั้น ทั้งสองนัดกันที่ ไนท์บาร์ ในยามปกติที่ไม่มีใครไปแห่งหนึ่ง
บนเคาน์เตอร์บาร์ ซูชิงหยิงหน้าบูดมาก โมโหกล่าวว่า “หลี่อานคนนั้นช่างเป็นสวะไอ้ขยะจริงๆ แม้แต่เรื่องเล็กน้อยนี้ล้วนจัดการได้ไม่ดี! ตอนนี้ดีนะ แม้ไม่เพียงไม่ได้ทำให้เรื่องเปิดโปงออกมาแล้ว กลับทำให้ตนเองถูกจับได้ก่อน!”
พูดถึงตรงนี้ เธอแฝงไว้ด้วยความตำหนิเล็กน้อยถามมู่จิ่งเซินว่า “คุณไม่ใช่บอกว่า เรื่องนี้ไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอนหรือ?”
มู่จิ่งเซินค่อยๆดื่มเหล้าคำหนึ่ง ไม่เร่งรีบพูดว่า “ผมไม่เคยรับรองว่าเรื่องนี้ไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามหลี่อานคนนี้โผล่ออกมาอย่างกะทันหันเกินไป ล้วนมีพิรุธหลายๆอย่าง แม้ว่าจะหาข้ออ้างก็กลมกลืนไปไม่ได้ อย่างไรก็ตามซูกับหลานทั้งสองตระกูลทำลายหลักฐานตอนแรกจนหมดสิ้น ตอนแรกเจียงสื้อสื้อตกลงว่ามีลูกกับใคร ใครก็ไม่รู้ พวกเราไปหาหลี่อานมาปลอมตัว ก็คือไม่มีทางอื่นแล้ว”
ซูชิงหยิงได้ยินคำพูดนั้น แทบโมโหจนอยากจะหัวเราะแล้ว “ไม่มีทางอื่นหรือ? ตอนเวลานั้นคุณทำไมไม่พูดเช่นนี้ล่ะ? ตอนนี้แผนการล้มเหลวแล้ว คุณตั้งใจใช่หรือไม่?”
แค่นึกถึงโอกาสดีเช่นนี้ ล้วนไม่สามารถล้มเจียงสื้อสื้อได้ ซูชิงหยิงก็รู้สึกว่าไฟโกรธแค้นเต็มอกไม่มีที่ระบาย
เพราะฉะนั้นก็มีแต่เอามู่จิ่งเซินมาเป็นที่ระบายอารมณ์
มู่จิ่งเซินดูเหมือนคาดเดาได้ว่าต้องเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่แรกแล้วยินดีรับไฟโกรธแค้นของเธอเหมือนหวานดั่งน้ำเชื่อม ทั้งยังใช้คำพูดอ่อนโยนปลอบใจ “อย่ารีบร้อน พวกเราก็ไม่ใช่ไม่มีโอกาสแม้ว่าตอนนี้ไม่ได้เปิดโปงเจียงสื้อสื้อว่าเคยมีลูกแล้วเรื่องนี้แต่ว่า จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ได้เป็นคนโง่นะ หลี่อานพาลูก โผล่ออกมาต่อหน้า เจียงสื้อสื้ออย่างไม่รู้สาเหตุ เจียงสื้อสื้อไม่เพียงไม่ได้ปฏิเสธอีกทั้งยังมีความว้าวุ่นเล็กน้อย ความฉลาดเฉลียวของจิ้นเฟิงเฉิน เขาทำไมจะสังเกตไม่ออกเบื้องหลังในนั้นล่ะ? ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องไปตรวจสอบแน่”
“ดังนั้น ต่อจากนี้ไปคุณก็รอดูเรื่องสนุก อะไรก็ไม่ต้องทำ”
ฟังมู่จิ่งเซินอธิบายเช่นนี้ ซูชิงหยิงก็รู้สึกตัวกลับมาทันที
อย่างที่พูด จิ้นเฟิงเฉินไม่ใช่คนโง่ จิ้นเฟิงเหราที่ชอบหาเรื่องอยู่ข้างๆเขา ก็ไม่ใช่เล่นๆ
พวกเขาจะยินยอมให้คนคนหนึ่งที่มีลูกกับคนอื่นแล้ว เข้ามาในตระกูลจิ้นได้ยังไงล่ะ?
นึกถึงตรงนี้ ซูชิงหยิงก็คิดออกมาได้ทันที
มู่จิ่งเซินเห็นสีหน้าที่โล่งใจของเธอ นัยน์ตากวาดความโลภผ่านไป ทั้งให้บาร์เทนเดอร์ผสมเหล้ามาสองแก้ว ผลักไปอยู่ต่อหน้าเธอ เสนอว่า “ดื่มเสร็จ ลงไปเต้นสนุกสักรอบเป็นยังไงล่ะ? คุณควรผ่อนคลายอารมณ์ ไม่ควรรับผลกระทบเรื่องของจิ้นเฟิงเฉินตลอดไป”
ซูชิงหยิงอารมณ์ดี ก็ไม่ปฏิเสธใดๆ
เธอเงยหน้าดื่มเหล้าลงไป ดื่มลงท้องหลายแก้ว ต่อหน้าเมามัวเล็กน้อย
ในเวลานี้ ก็เป็นยามที่บาร์คึกคักที่สุด มู่จิ่งเซินยิ้มอย่างสวยงาม จับมือของเธอ เข้าไปในฟลอร์เต้นรำ
เพลงเฮฟวี่เมทัลที่เฟื่องฟูและดุเดือด ระเบิดดังอยู่ในกลางอากาศ ตื่นเต้นจนทำให้อารมณ์คนก็ร้อนวูบวาบขึ้นมา
ซูชิงหยิงกับมู่จิ่งเซินใบหน้าติดกันเต้นรำ กายที่สะบัด บ่อยครั้งใช้มุมที่ยั่วยวนมุมหนึ่ง เสียดสีซึ่งกันและกัน
คืนมืดยาวนานไร้ขอบเขต……
ในเวลานี้ ในคอนโดที่เจียงสื้อสื้ออยู่
ในห้องนอนที่มืดมิด ไม่ได้เปิดไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงทีวีจอ LCD ยี่สิบนิ้ว กำลังเล่นหนังซอมบี้ ของประเทศเกาหลีอยู่
ข้างในส่งเสียงกรีดร้องน่ากลัวออกมาตลอดเวลา ฟังอยู่ในเวลากลางคืน รู้สึกสยดสยองเล็กน้อย เจียงสื้อสื้อหดตัวอยู่บนโซฟา กลับดั่งเหมือนไม่มีความรู้สึกอะไรแม้แต่นิด สายตาจ้องมองข้างหน้า เลือนรางเล็กน้อย
จนถึงมีเสียงกริ่งดังขึ้นมาสักพัก จึงดึงความคิดของเธอกลับมา
ประสาทสมองของเธอตึงเครียดเล็กน้อย โดยสัญชาตญาณรู้สึกถึงว่าหลี่อานมาอีกแล้ว
เธออยากแกล้งทำไม่อยู่ ตั้งใจปิดเสียงทีวี
แต่ว่าเสียงกริ่งดังขึ้นรอบแล้วรอบเล่า เหมือนดั่งไม่รู้จักเหนื่อย
เจียงสื้อสื้อรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ลุกขึ้นไปเปิดประตูทันที “คุณจะจบหรือไม่จบ……..” คำพูดเพิ่งพูดจบ คนก็อึ้งไปทั้งตัวแล้ว
นอกประตู ผู้ชายที่สวมเสื้อเชิ้ตสีดำตัวหนึ่ง แทบจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับความมืดบนทางเดิน รูปร่างที่งดงาม ปรากฏอยู่ต่อหน้าเธอยิ่งสูงตรงเป็นพิเศษ บนใบหน้าที่เย็นชาเล็กน้อย ดูไม่ออกว่ามีสีหน้ามากเท่าไหร่ แต่ตาเช่นดั่งคืนมืดคู่นั้น กลับแฝงไว้ซึ่งความอบอุ่นที่คุ้นเคยอยู่
“คุณ……..มาได้ยังไงล่ะ?”
เจียงสื้อสื้อถามอย่างเฉื่อยชา น้ำเสียงมีความเกร็งที่บอกไม่ถูก
จิ้นเฟิงเฉินดูเหมือนคาดเดาได้ว่าเธอจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้มาตั้งแต่แรก ก็ไม่ได้โมโห กลับพูดเบาๆว่า “มาดูคุณบ้าง สะดวกให้ผมเข้าไปไหม ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ”
เจียงสื้อสื้อลังเลสักพัก พยักหน้า
เธอหลีกทาง ให้เขาก้าวไปข้างใน
ในห้องมืดไปหมด ภาพในทีวี ยังหยุดชะงักในภาพที่ซอมบี้กำลังฆ่าคนอยู่ จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกแปลกใจมากพูดว่า “ความกล้าของคุณมากขนาดนี้เลยหรือ?”
เจียงสื้อสื้อช้าไปครึ่งจังหวะ รู้สึกตัวกลับมา จึงตกใจจนสูดลมหายใจเข้าหนึ่งที
เมื่อกี้ตอนที่เหม่อลอยอยู่ ก็ไม่มีความรู้สึกอะไร
เธอรีบไปเปิดไฟ
ความสว่างในห้อง สาดส่องสีหน้าที่คับขันลำบากเล็กน้อย ขอบตาที่ดำมืด ตาที่แฝงไว้ด้วยเส้นเลือดแดงของเธอออกมา
เห็นได้ชัดมากว่า เธอไม่ได้นอนสบายๆมาหลายวันแล้ว
นัยน์ตาลึกๆของจิ้นเฟิงเฉินกวาดความเจ็บปวดใจผ่านไป ยื่นมือลูบตาของเธอ พูดอย่างราบเรียบพูดว่า “ไม่เป็นไรแล้ว”
เจียงสื้อสื้อรู้สึกชัดเจนถึงความอบอุ่นที่ส่งมาจากปลายนิ้วของเขา มึนงงไปทั้งตัว
“อะไร…….ไม่เป็นไรแล้วหรือ?”
จิ้นเฟิงเฉินพูดว่า “หลี่อาน! เขาไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับคุณแม้แต่นิด! เขามีภรรยา ภรรยาของเขาคือเพื่อนร่วมชั้นในมหาวิทยาลัยของเขา ได้หย่ากันมานานแล้วตั้งแต่หลายปีก่อน ลูกคือลูกเขากับภรรยาคนก่อนของเขา”
“อะไร!” เจียงสื้อสื้อได้ยินข่าวนี้ รู้สึกตกใจเหลือเกิน
จิ้นเฟิงเฉินพูดต่อไปว่า “หลี่อานคือรับเงินของคนอื่น ถูกซื้อตัวมาทำร้ายความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับผม ดังนั้น…….คุณอย่าได้มีความหนักใจอย่างเด็ดขาด ดีไหม? อยู่ข้างๆผมอย่างดีต่อไป ดีหรือไม่?”
เจียงสื้อสื้อพูดอะไรไม่ออกในเวลาสั้นๆ
ที่แท้……..ถึงขนาดเป็นแค่เรื่องกลั่นแกล้งเท่านั้นหรือ?
นี่นับว่าเป็นอะไรล่ะ?
เธอกระวนกระวาย อีกทั้งใจโหดร้ายทำร้ายผู้ชายคนนี้เช่นนั้น ผลสุดท้ายถูกคนหลอกแล้วตั้งแต่แรกหรือ?
เธออดไม่ได้มีความโมโหเล็กน้อย อารมณ์ก็ร้อนวูบขึ้นมา “คือใครหรือ?คือใครซื้อตัวเขา ทำไมต้องเจาะจงทำฉันเป็นถึงเช่นนี้ล่ะ?”
จิ้นเฟิงเฉินกลับจับใบหน้าของเธอ เสียงอ่อนโยนกล่าวว่า “สื้อสื้อ คือใครไม่ได้สำคัญมาก ที่สำคัญก็คือ คุณควรกลับมาอยู่ข้างผม ผมไม่ชอบคนอื่นทำอะไรทิ้งกลางทาง โดยเฉพาะเป็นเรื่องความรัก! คุณต้องรับผิดชอบต่อผม”
คำพูดทั้งหมดของเจียงสื้อสื้อล้วนติดอยู่ลำคอ คำพูดสุดท้าย คุณต้องรับผิดชอบต่อผมคำนั้นของเขา วนเวียนข้างหูไม่หยุด!
เธอทำได้หรือ?
เธอจะเอาอะไรมารับผิดชอบล่ะ?
เขาน่าจะรู้แล้วว่า ตัวเธอเองเคยมีลูกกับชายคนอื่นแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมยังจับเธอไว้ไม่ยอมปล่อยล่ะ?
เธอใช้แรงผลักเขาออก พูดว่า “จิ้นเฟิงเฉิน คุณไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้แม้แต่นิด ฉันไม่สามารถรับผิดชอบต่อคุณ! คุณไม่โง่ คุณน่าจะดูออกได้ว่า ฉันมีอดีตที่ไม่น่าดูช่วงหนึ่ง คนที่ถูกฉัน…..ทำร้ายมีมากมายแล้ว ฉันทำไม่ได้……ฉันทำไม่ได้……”
เธอดูเหมือนมีคำพูดมากมายที่ยากจะพูดออกมาได้ ทั้งยังดูเหมือนอยากจะเทหมดหน้าตัก เช่นดั่งจะพูดทั้งหมดออกมาให้หมด
แต่ว่าก็อยู่ในเวลานี้ จิ้นเฟิงเฉินอยู่ดีๆก้าวมาข้างหน้า ดึงเธอเข้าไปในอ้อมอก ปิดกั้นริมฝีปากของเธอไว้อย่างโหดร้าย ใช้จูบปิดปาก ทำให้คำพูดที่เหลือของเธอล้วนถูกปิดกั้นกลับเข้าไปหมด
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ลืมตาโต ไม่มีปฏิกิริยาเป็นเวลานาน
ยังมีความรู้สึกที่ร้อนรุ่มอยู่บนริมฝีปาก ส่งไปทั่วประสาทสัมผัสของเธอไปหมดอย่างชัดเจน………