ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 226 การดูตัวแปรรูป
บทที่ 226 การดูตัวแปรรูป
จูบนี้ รักใคร่สุดซึ้งแยกจากกันไม่ได้ จนถึงเจียงสื้อสื้อหายใจไม่สะดวกเล็กน้อย จิ้นเฟิงเฉินจึงปล่อยเธอออกอย่างอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย
ดึกมากแล้ว ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อแสดงความเหนื่อยหล้าเล็กน้อย เขาจับมือเธอเข้าไปในห้องนอน
เจียงสื้อสื้อเข้าไป เสี่ยวเป่าที่อยู่บนเตียงกำลังนอนหลับฝันหวานอยู่ จิ้นเฟิงเฉินหาได้ยากมากที่ไม่ได้ตามเข้าไป กลับกลายเป็นเอาอกเอาใจมากช่วยพวกเขาปิดประตูไว้
เช้าวันรุ่งขึ้น เสี่ยวเป่ายืนอยู่ข้างเตียง ขยับแขนของเธออย่างระมัดระวัง
เจียงสื้อสื้อลืมตาปรือๆ ยิ้มอย่างเบิกบานต่อเขา “สวัสดีตอนเช้าลูกรัก”
เสี่ยวเป่าดึงเธอลุกขึ้นมา รอเธอเตรียมตัวเสร็จ มองเห็นอาหารเช้าที่อยู่บนโต๊ะ อดไม่ได้ที่จะยักคิ้ว
เป็นขนมปังปิ้ง นม เบคอน ไข่ดาวที่ง่ายๆ
“พวกนี้……..ล้วนคือคุณทำหรือ?” เจียงสื้อสื้อถามอย่างแปลกใจ
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “เป็นผมทำเอง ลองชิมดูสิ”
เจียงสื้อสื้อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ในใจอบอุ่นนิดๆ
เธอยังคิดว่า เขาอยากที่จะทำมาม่าสักครั้ง ก็ถือว่าดีมากแล้ว นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้ยังทำอาหารเช้าไว้
เจียงสื้อสื้อรีบอุ้มเสี่ยวเป่า ขึ้นไปนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร
เสี่ยวเป่ากวาดสายตาดูหนึ่งที สายตามีความสงสัยเล็กน้อยถึงสิ่งที่แด๊ดดี้ของเขาทำกินได้หรือไม่
แต่ว่า เจียงสื้อสื้อกลับลงมือตักไปแล้วชิ้นเล็กๆชิ้นหนึ่ง โยนเข้าไปในปาก
จิ้นเฟิงเฉินนั่งลงอยู่ตรงกันข้าม สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยการรอคอยจ้องมองเธอ
เจียงสื้อสื้อกลืนลงไปแล้ว พูดว่า “ไม่เลวนะ!”
ได้ยินคำชื่นชมของเธอ มุมปากของจิ้นเฟิงเฉินอดไม่ได้งอขึ้น อาหารเช้ามื้อหนึ่งที่ง่ายมาก กลับได้ความอบอุ่นมากมาย
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินส่งเสี่ยวเป่าไปที่โรงเรียนก่อน ค่อยส่งเธอไปที่บริษัท
ตอนที่เจียงสื้อสื้อกำลังจะลงรถ อยู่ดีๆเขาก็เรียกเธอไว้อีก “ตอนเที่ยงผมมารับคุณ ไปกินข้าวด้วยกัน”
น่าจะเต็มเปี่ยมด้วยการรอคอย เวลาช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองไปถึงโรงแรมแห่งหนึ่ง ก็ถูกนำไปที่ที่จองไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว
ใครจะรู้ว่า พวกเขาเพิ่งนั่งลงไปไม่นาน ฉินมู่หลัน อยู่ดีๆก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา
อีกทั้ง ข้างกายยังพาหญิงคนหนึ่งที่ไม่คุ้นเคยมา
ดูการแต่งตัว เห็นได้ชัดว่าเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของบ้านใดบ้านหนึ่ง ทั้งตัวมีเสน่ห์ที่สูงส่งงดงาม
เจียงสื้อสื้อรู้สึกได้ชัดว่า ฉินมู่หลัน มาโดยไม่หวังดี อึ้งไปแล้วนิดๆ
จิ้นเฟิงเฉินสีหน้าเข้มลงเล็กน้อย ถามไปหนึ่งประโยคว่า “แม่ ท่านอยู่นี่ได้อย่างไง?”
สายตาฉินมู่หลันราบเรียบตกอยู่บนกายของ เจียงสื้อสื้อ แม้ว่าพยักหน้าอย่างมีมารยาท ถือว่าเป็นการทักทาย แต่ว่าในสายตาแฝงไว้ด้วยความเย็นชาเล็กน้อย
จากนั้น เธอยิ้มและดึงผู้หญิงที่อยู่ข้างๆมา พูดว่า “ฉันพาหยวนหยวนออกมาเดินเล่น นึกไม่ถึงว่าได้เจอกับพวกคุณโดยบังเอิญเช่นนี้”
เธอก็มองไปยังเจียงสื้อสื้ออีก “ในเมื่อเจอกันโดยบังเอิญแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็กินข้าวด้วยกัน? คุณเจียงน่าจะไม่ถือสาล่ะ?”
เจียงสื้อสื้อจ้องมองจิ้นเฟิงเฉินหนึ่งที ยิ้มพูดว่า “ย่อมไม่ถือสาอยู่แล้ว”
ตอนที่พูดอยู่ อีกทั้งเธอยังเรียกคนบริการมาเอง ให้ส่งถ้วยชามอีกสองชุดมา
เธอเคยวางแผนจัดงานวันเกิดของคุณท่านฉินกับเสี่ยวเป่ามา ย่อมชัดเจนรสชาติของ ฉินมู่หลัน อยู่ดี สั่งอาหารมาหลายอย่างทีเดียว ล้วนเป็นสิ่งที่ ฉินมู่หลัน ชอบกิน
ตอนที่อาหารส่งขึ้นมา ฉินมู่หลัน มีความแปลกใจหลายส่วน แต่ก็ถูกความไม่พอใจแทนที่อย่างรวดเร็ว รู้สึกว่าเจียงสื้อสื้อคือเอาใจมวลชน
เธอแค่คีบไปหนึ่งชิ้น ก็แนะนำต่อจิ้นเฟิงเฉินว่า “เฟิงเฉิน คนนี้คือคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของบ้าน ลุงหลี่ ”
หลี่หยวนหยวนยิ้มอย่างน่ารักหนึ่งที ยิ้มออกมาแล้วลักยิ้มคู่หนึ่งช่างน่ารักมาก
จิ้นเฟิงเฉินแม้แต่สบตาตรงๆก็กลับไม่ได้มองแม้แต่สักครั้ง
แต่เจียงสื้อสื้อกลับตั้งใจจ้องมอง หลี่หยวนหยวน เธอในเวลานี้ ล้วนไม่รู้สึกหึงแม้แต่นิด แท้จริงแล้ว ฉินมู่หลัน คือกำลังแนะนำ หลี่หยวนหยวน ให้แก่จิ้นเฟิงเฉิน
“เฟิงเฉิน แกจำ หยวนหยวน ไม่ได้แล้วหรือ? เธอเป็นลูกสาวของบ้านลุงหลี่พวกคุณแต่ก่อนยังเคยเจอกันมา”
ฉินมู่หลัน ตั้งใจชะงักสักพัก “แต่ว่า หลายปีก่อนเธอไปเรียนหนังสือที่ต่างประเทศ จนถึงหลายวันก่อนเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ก็อยากจะมาพบเจอแก”
จิ้นเฟิงเฉินเงียบไปสักพัก ขมวดคิ้วเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้ ฉินมู่หลัน อย่าพูดโน้นนั่นนี่อีกเลย แต่ว่า ฉินมู่หลัน จับมือของ หลี่หยวนหยวน อย่างสนิทสนมว่า “หยวนหยวน คือจบปริญาโทเอกการเงินเทคโนโลยีสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ วันหลังอยู่ในธุรกิจ ต้องกลายเป็นผู้ช่วยที่ดีคนหนึ่งอย่างแน่นอน”
ผู้ช่วยที่ดีหรือ?
คำพูดนี้ฟังแล้วทำไมรู้สึกแปลกๆล่ะ?
เจียงสื้อสื้อตอบสนองช้า จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่รู้สึกตัวกลับมา แท้ที่จริงแล้วนี่คือการดูตัวที่แปรรูปฉากหนึ่ง
ในใจเธอถึงขนาดยังทอดถอนใจ “ช่างร้ายกาจจริงๆ”
จิ้นเฟิงเฉินสมดั่งเป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่น่าภาคภูมิใจ คนที่รู้จัก ทุกๆคนล้วนเป็นคนที่ดีที่สุดในฝูงชน
เจียงสื้อสื้อเห็นจิ้นเฟิงเฉินจากต้นถึงปลายไม่เอ่ยสักคำ นี่จึงหันหน้ากลับไปมอง พบเห็นเขาหน้าบึ้งไปหมด
ผ่านไปสักพัก เธอก็ได้ยินเขาพูดประโยคหนึ่งอย่างเย็นชาอีกว่า “แม่ ผมจำไม่ได้ว่าผมได้รู้จักคุณหนูบ้านตระกูลหลี่อะไร”
รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้า หลี่หยวนหยวน ชะงักทันที ยิ้มอย่างอึดอัด “คนอย่างประธานจิ้นยุ่งขนาดนี้ จำฉันไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ”
ใบหน้า ฉินมู่หลัน เย็นชาลง นอกจากอึดอัด ก็ไม่ลืมที่จะรีบไกล่เกลี่ยให้สมบูรณ์ “เฟิงเฉินก็เป็นเช่นนี้ล่ะ ทั้งวันนอกจากทำงานก็ยังเป็นทำงาน”
เจียงสื้อสื้อยอมรับเงียบๆในใจ เงยหน้าขึ้นสบตากับสายตาที่ หลี่หยวนหยวน มองมา
“คุยกันไปนานแล้วเช่นนี้ ฉันก็ลืมถามว่า คุณคนนี้คือใครหรือ?”
หลี่หยวนหยวน ก็ไม่โง่เลย ดูออกตั้งแต่แรกแล้วว่าความสัมพันธ์ของเจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินไม่ธรรมดา
เจียงสื้อสื้อลังเลสงสัยชะงักไปเล็กน้อย เหล่ตามองจิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ข้างกายหนึ่งที เธอสูบลมหายใจเข้าลึกๆทีหนึ่ง
ในเมื่อตัดสินใจจะอยู่ด้วยกันแล้ว สู้ว่าเปิดเผยชัดเจนกับ ฉินมู่หลัน ดีกว่า
อย่างไรก็ตามนี่นับว่าเป็นก้าวหนึ่งที่สำคัญมาก
เธอเอ่ยปากพูดว่า “ฉันคือเจียงสื้อสื้อ ฉันเป็น……”
เธอเพิ่งอยากจะพูดว่าตนเองคือแฟนสาวของจิ้นเฟิงเฉิน นึกไม่ถึงว่าจะถูก ฉินมู่หลัน แย่งไปก้าวหนึ่ง
“โทษฉันโทษฉัน ตะกี้ล้วนลืมไปแล้วว่าต้องช่วยแนะนำให้พวกคุณ” ฉินมู่หลัน ดูเหมือนไม่ค่อยสนใจมองเจียงสื้อสื้อหนึ่งที แนะนำว่า “เธอนะ คือลูกค้าคนหนึ่งของเฟิงเฉิน”
หลี่หยวนหยวน แปลกใจ แค่ลูกค้าคนหนึ่งทำไมสามารถใกล้ชิดกับจิ้นเฟิงเฉินเช่นนี้ล่ะ?
และคำพูดของเจียงสื้อสื้อก็ชะงักไป นัยน์ตาดูเหมือนมีความจนใจหลายส่วน
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว อยากจะเปิดเผยอย่างจริงจังว่าเธอคือแฟนสาวของเขา กลับถูก ฉินมู่หลัน ตัดคำอีกครั้งหนึ่ง
“บริษัทของคุณเจียงได้ร่วมมือกับตระกูลจิ้นหลายครั้ง ร่วมมือหลายครั้ง และก็รู้จักกันแล้ว”
แท้ที่จริงแล้ว ฉินมู่หลัน ก็พูดไม่ผิด เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินความจริงก็เพราะว่าการร่วมมือกันในครั้งหนึ่งจึงรู้จักกัน
ถึงแม้เจียงสื้อสื้อยากจะเอ่ยปากอธิบายอะไรบ้าง แต่กลับไม่สะดวกที่จะแก้ตัวอะไรแล้ว
แต่ หลี่หยวนหยวน มักจะรู้สึกว่าไม่ได้ง่ายเช่นนั้น ดังนั้นก็ตามถามว่า “ฉันเห็นว่าคุณเจียงกับเฟิงเฉินสนิทสนมกันมาก พวกคุณ…….”
แม้กระทั่ง ฉินมู่หลัน เห็นสีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินไม่ค่อยดี ยังพูดเหมือนเดิมว่า “รู้สึกดีในการร่วมงานกัน ก็ได้คบกันเป็นเพื่อนสนิทบ้าง”
หลี่หยวนหยวน ถูก ฉินมู่หลัน ดึงไว้ เดิมทีก็คือจะมาพบหน้ากันกับจิ้นเฟิงเฉิน เห็นข้างกายเขามีผู้หญิงที่ใกล้ชิดมากคนหนึ่ง ย่อมต้องถามให้ชัดเจนอยู่ดี
เธอถามถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง สีหน้าของ ฉินมู่หลัน เข้มลง ตามใจพูดว่า “หยวนหยวน ล่ะ แท้ที่จริงแล้วน้าชอบคุณเจียง มีความเห็นแก่ตัวเล็กน้อย อยากจะรับเธอเป็นลูกบุญธรรม”
ฉินมู่หลัน ก็ดูเหมือน หลี่หยวนหยวน เป็นเช่นดังลูกสะใภ้ ลองถามดูว่า “คุณน่าจะไม่ถือสาล่ะ?”
ใบหน้าเจียงสื้อสื้อดูอึดอัด จนถึงตอนนี้เธอจึงรู้สึกตัวถึงการกระทำต่างๆของ ฉินมู่หลันเป็นเวลาหนึ่งถึงขนาดอึ้งไปเลย
เธอล้วนไม่รู้ว่าควรจัดการกับสถานการณ์ในเวลานี้ได้อย่างไร