ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 236 คืนนี้ฉันจะนอนกับคุณ
บทที่ 236 คืนนี้ฉันจะนอนกับคุณ
ออกมาจากห้างแล้ว ระหว่างทางมุ่งกลับไปยังคอนโด หัวของเสี่ยวเป่าง่วงๆ มึนๆ มุดอยู่ในอ้อมแขนของเธอ แล้วค่อยๆ หลับไปช้าๆ
“วันนี้เสี่ยวเป่ามีความสุขมาก” จิ้นเฟิงเฉินพูดเสียงเบา
เจียงสื้อสื้อพยักหน้ายิ้มกล่าว: “ใช่แล้ว ประธานจิ้น ถ้าหากคุณไม่ได้งานยุ่งเป็นหมื่นๆ ขนาดนั้น ก็พาเสี่ยวเป่าออกไปเล่นบ่อยๆ เขาจะมีความสุขอย่างนี้ทุกวันเลย”
ระหว่างพูด รถก็มาถึงล่างคอนโดแล้วเรียบร้อย
เจียงสื้อสื้อไม่ใจแข็งพอจะเรียกปลุกเสี่ยวเป่า ก็อุ้มเขาลงจากรถไปทั้งอย่างนั้นเลย
จิ้นเฟิงเฉินจะไปรับมาอุ้มต่อกี่ครั้ง เธอก็ปฏิเสธทุกครั้ง กลัวว่าถ้าส่งเปลี่ยนกันไปมา จะทำให้เสี่ยวเป่าตื่นเอา
เพิ่งจะถึงหน้าประตู พลันจิ้นเฟิงเฉินก็ได้รับสายจากกู้เนี่ยน บอกว่าที่บริษัทเกิดเรื่องนิดหน่อย
“ถ้าคุณมีธุระก็ไปทำก่อนเถอะ ฉันจะดูแลเสี่ยวเป่าดีๆ เอง” เจียงสื้อสื้อเพิ่งจะเอ่ยปากพูด เสี่ยวเป่าก็ลืมตาขึ้นอย่างง่วงงุน
“น้าสื้อสื้อ พวกเราถึงบ้านแล้วเหรอ?”
เจียงสื้อสื้อเอ่ยตอบเสียงเบา: “ใช่แล้วครับ เสี่ยวเป่าเหนื่อยมากเลยใช่ไหม?”
เสี่ยวเป่าได้ยินก็รีบลงจากอ้อมแขนเธอทันที พอเห็นว่าจิ้นเฟิงเฉินจะไป สีหน้าก็พลันเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย “แด๊ดดี้จะต้องไปทำธุระอีกแล้วเหรอครับ?”
จิ้นเฟิงเฉินหยุดฝีเท้า ทำหน้าอ่อนโยนเล็กน้อยกล่าว: “แด๊ดดี้ยุ่งเสร็จก็จะมาอยู่กับเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าต้องเชื่อฟังนะ”
พูดจบ เขาก็เปิดประตูออกไป
เจียงสื้อสื้อพาเสี่ยวเป่าไปอาบน้ำ วันนี้เล่นกันเต็มที่ไปหน่อย เสี่ยวเป่าเหนื่อยเกินไป พอถึงเตียงก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
เธออยู่ด้วยอีกสักพัก ถึงวางใจแล้วเดินไปห้องข้างๆ
เธอมองสมุดบันทึก พลันก็นึกอะไรได้ แต่ก่อน พวกเขารู้แค่เครื่องสำอางของบริษัทEisleyเท่านั้น แต่รู้ไม่ได้รู้อะไรมากเกี่ยวกับทั้งหมดในบริษัทของพวกเขา
เจียงสื้อสื้อรีบเปิดเว็บทันที แล้วตั้งอกตั้งใจค้นหาข้อมูล
เมื่อเธอเห็นข้อมูลมากมายบนเว็บไซต์แทบล้นทะลักออกมา เธอก็ยังจดข้อมูลที่มีประโยชน์ไม่น้อยไว้ต่างหากด้วย
อย่างไรก็ตาม ถึงข้อมูลจำนวนมากไม่ค่อยมีความสำคัญเท่าไหร่ และถึงเธอจะเริ่มง่วงเล็กน้อย แต่เธอก็ยังยืนหยัดพลิกอ่านอยู่
พลันก็มีหัวข้อหนึ่งปรากฏแก่สายตาของเธอ ก่อนหน้านี้ที่ยังง่วงเหงาหาวนอนอยู่ พลันความง่วงก็วิ่งหายเข้ากลีบเมฆ
เธอกดเข้าไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันอีกครั้ง แล้วเรียบเรียงทุกอย่างในหัวด้วยความรวดเร็ว จนกระทั่งมีแบบแผนการขั้นต้นออกมาแล้ว
ตอนจิ้นเฟิงเฉินเข้ามา ก็เป็นเวลาตีสองแล้ว พอเห็นเธอยังมุ่งมั่นอยู่กับงาน ก็พูดกดเสียงต่ำขึ้นทันที: “ดึกขนาดนี้แล้ว มีเรื่องอะไรกันถึงค่อยเปลี่ยนไปทำพรุ่งนี้แทนไม่ได้?”
เจียงสื้อสื้อที่ตั้งใจทำงาน ก็ตกใจเพราะได้ยินเสียงเขาที่จู่ๆ พูดขึ้นมา
เธอหันกลับไปมอง ก็เห็นสีหน้าเย็นยะเยือกของเขา แล้วหันไปดูเวลาอีกที ที่แท้ก็ดึกขนาดนี้แล้ว
“ฉันเพิ่งค้นเจอเมื่อกี้ว่าบริษัทEisleyแต่ก่อนทำน้ำหอม” เจียงสื้อสื้อพูด พลางก็หยิบแบบร่างแผนการที่ตัวเองเขียน แล้วส่งไปตรงหน้าจิ้นเฟิงเฉิน
“เพียงแต่ตอนหลังแบรนด์เครื่องสำอางของพวกเขามาทับน้ำหอม คนเลยเข้าใจผิดคิดว่าแบรนด์น้ำหอมเป็นแบรนด์เสริมของพวกเขา”
และตอนนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็อ่านแบบแผนที่เธอเขียนเสร็จแบบคร่าวๆ
“คุณอยากรวมเครื่องสำอางกับน้ำหอม มาทำโปรโมชั่นร่วมกันหรือ?” เขาเลิกคิ้วถาม
“ฉันยังตรวจสอบเจอว่าน้ำหอมของพวกเขาค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม แต่กลิ่นโดดเด่นอย่างมาก” ใจจดใจจ่อกล่าว “แล้วผู้ใช้ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 25-40 ปีด้วย”
ถึงจะบอกว่าเป็นแบรนด์เล็กๆ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพนักงานออฟฟิศในเมืองใหญ่หรือไม่ก็คนชนชั้นสูงจากทั่วโลก
“แบรนด์น้ำหอมของพวกเขาก็ถือว่าเป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์”
ถ้าเกิดเริ่มลงมือจากตรงนี้ บางทีอาจจะมีเรื่องเซอร์ไพรส์ที่คาดไม่ถึง
“คุณพูดมาก็ถูกหมด แต่ว่า ตอนนี้คุณควรไปนอนได้แล้ว” จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วอย่างจนปัญญา เขาคิดไม่ถึงเลยว่าโลกนี้จะมีดื้อดึงทำงานหนักแบบเธออยู่ด้วย
เจียงสื้อสื้อเก็บของ เตรียมลุกขึ้น
ทันใดนั้น เธอก็จะล้ม แต่ตกไปอยู่ในอ้อมกอดของจิ้นเฟิงเฉินอย่างพอดิบพอดี
“รีบร้อนอยากให้ฉันกอดขนาดนั้นเลยหรือ?” จิ้นเฟิงเฉินยักคิ้วเบาๆ แขนทั้งสองข้างรวบรัดเอวของเธอแน่น
เจียงสื้อสื้อหน้าแดงแจ๋ พูดพึมพำเสียงเบา: “ฉันแค่นั่งนานไปหน่อย ขาเลยชา….”
จิ้นเฟิงเฉินได้ยิน ก็ประคองเธอนั่งลง ยื่นแขนออกไปนวดขาทั้งสองข้างให้เธอ “ตอนนี้ดีขึ้นหรือยัง?”
เธอส่งเสียง “อื้ม” อย่างเก้อเขิน ตาไม่กล้ามองขึ้นไป
แวบหนึ่งแววตาของจิ้นเฟิงเฉินส่อประกายขี้แกล้ง เขาอุ้มเธอขึ้นมาแล้วตรงไปวางเธอลงบนเตียง
“คุณ….”
เจียงสื้อสื้อเห็นเขายืนถอดเสื้อตัวนอกอยู่ข้างๆ พูดถามเขาด้วยความเครียด
“คืนนี้ฉันจะนอนกับคุณ” จิ้นเฟิงเฉินจงใจให้เธอดูเวลา “ดึกขนาดนี้แล้ว คุณยังจะไล่ผมได้ลงคอเหรอ?”
เจียงสื้อสื้อไม่สนแล้วว่าขาตัวเองจะยังชาอยู่หรือเปล่า เธอรีบลุกขึ้นนั่งทันที ลองลงจากเตียงแล้วพูด “ฉันไปนอนกับเสี่ยวเป่า….”
เธอยังไม่ทันพูดจบ กลับถูกเขาจูบปิดปากเสียก่อน
ครู่ใหญ่ จิ้นเฟิงเฉินปล่อยเธอไปอย่างไม่อยากพอ “เสี่ยวเป่ากำลังหลับสนิท ไม่ต้องไปหรอก”
เจียงสื้อสื้อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วไปแต่ตอบตกลงไป เธอสวมเสื้อผ้ามิดชิด ล้มตัวนอนอยู่ในอ้อมแขนของจิ้นเฟิงเฉิน นอนหลับกันทั้งคืน
ยามเช้าวันต่อมา เจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นมาก็เห็นเสี่ยวเป่าปิดหน้าอยู่ตลอด แล้วแอบหัวเราะคิกคัก
“น้าสื้อสื้อ เมื่อคืนนอนกับแด๊ดดี้สบายไหมครับ?”
ไม่รอให้เธอตอบ เสี่ยวเป่าก็ถามอีกครั้ง: “พวกคุณมีจุ๊บมีกอดกันบ้างไหม?”
เจียงสื้อสื้อเขินหน้าแดงขึ้นทันที ถลึงตามองจิ้นเฟิงเฉินข้างๆ ที่ยังนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน “ไม่รู้จักสอนเสี่ยวเป่าให้ดีๆ”
จิ้นเฟิงเฉินทำเพียงหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไร ผ่านมื้อเช้าไป พวกเขาไปส่งคนหนึ่งที่โรงเรียนอนุบาล อีกคนหนึ่งไปบริษัท
เมื่อเจียงสื้อสื้อถึงบริษัท ก็รีบไปหาซูซานอย่างทนรอไม่ไหว แล้วพูดเรื่องข้อมูลที่เธอเจอคร่าวๆ รวมทั้งแนวคิดปัจจุบัน
“เริ่มลงมือจากน้ำหอมก็เป็นความคิดที่ไม่เลว”
ซูซานได้ฟัง ก็เห็นด้วยในทันที ทั้งยังกล่าวเตือนด้วย: “ใช่แล้ว ภายในบริษัทนี้ ตอนนี้แบ่งพวกเป็นสองฝั่ง พวกแรกคือผู้อาวุโสในช่วงเริ่มแรกของบริษัท พวกเขาหวังจะทุ่มเททรัพยากรไปกับการโปรโมทน้ำหอมมาโดยตลอด แต่เสียงคัดค้านของอีกฝ่ายมากกว่า”
เจียงสื้อสื้อฟังอย่างตั้งใจ ซูซานตบบ่าเธอ พูดกล่าว: “ฉันเชื่อว่าคุณจะคิดแผนแก้ปัญหาทั้งสองนี้ได้ เธอวางมือทำเถอะ ต้องการอะไรก็มาขอฉันได้เลย”
เธอพยักหน้าเบาๆ “ได้ค่ะ ฉันจะตั้งใจทำ”
ได้รับการยอมรับจากซูซาน เจียงสื้อสื้อก็เริ่มขัดเกลาแบบแผนการ ยุ่งจีนปลีกตัวออกมาไม่ได้
พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วสองวัน
สถานการณ์ในบริษัทOwenกลับโหดร้าย
ซูชิงหยิงไม่พอใจกับแผนการที่ส่งมา เธอโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงทั้งวัน และเนื่องจากอยู่ดีเธอก็มารับตำแหน่งนี้ ไม่มีประสบการณ์เลยสักนิด พนักงานเบื้องล่างจึงพากันไม่ยอมรับเธอ
ถึงแม้Kevinรับปากส่วนตัวว่าจะเอาโฆษณาให้เธอแล้ว แต่ถ้าไม่มีแบบแผนที่เข้าท่า ก็ยากที่จะรักษาไม่ให้เขาเปลี่ยนใจในตอนท้าย
ชั่วขณะต่อมา ซูชิงหยิงก็ก่นด่าต่อหน้าผู้คน: “พวกคนไร้ประโยชน์พวกนี้ พรุ่งนี้ก็เป็นกำหนดวันสุดท้ายแล้ว ถ้าพวกคุณยังคิดแผนออกมาไม่ได้อีก ฉันไล่พวกคุณออกให้หมด”
คนในแผนกวางแผนเกือบทุกคนล้วนส่งเสียงประณามว่ากล่าว ว่าซูชิงหยิงไร้ความสามารถ แล้วก็ขยับมือชี้ด่าไปเรื่อยอีกครั้ง
“ถ้าเธอเก่งขนาดนั้นจริงๆ ทำไมไม่ทำเองซะละ?” มีคนอดพูดสาปแช่งไม่ได้