ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 273 ผู้ชายคนนั้นคือใคร
บทที่ 273 ผู้ชายคนนั้นคือใคร
เวลาผ่านไปทีละวันทีละวัน นอกจากวันอาทิตย์เจียงสื้อสื้อก็จะมาโรงพยาบาลอยู่เป็นเพื่อน วันอื่นๆอยู่บ้านบ้างอยู่บริษัทบ้าง บางทีก็ไปซุปเปอร์มาเก๊ตซื้อของ
เป็นวันที่ธรรมดามาก
ถึงแม้แรกๆจะไม่ชิน นอนไม่หลับเพราะคิดถึงพ่อลูกจิ้นเฟิงเฉินมากเกินไป แต่ค่อยๆชีวิตของเธอก็โดนงานมาเติบเต็ม ไม่มีเวลาเยอะขนาดนั้นที่จะไปคิดถึงพวกเขา
ตอนว่าง ก็จะคิดถึงพวกเขา รู้สึกเหมือนตัวเองฝัน
ตอนนี้ก็แค่ฝันมันตื่นขึ้นมาเท่านั้นเอง
เธอยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางที เร็วมากเธอก็จะลืมพวกเขาเอง พวกเขาก็จะลืมเธอ
แบบนี้ก็ดี
……
ตั้งแต่เจียงสื้อสื้อทำงานมา เธอแทบจะไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำของบริษัท ทำให้เพื่อนร่วมงานเริ่มบ่นกัน
“สื้อสื้อ เธอไม่เข้ากลุ่มจริงๆ งานเลี้ยงกินข้าวตอนกลางคืนไม่เข้าร่วมก็ไม่เป็นไร แม้แต่ข้าวเที่ยงก็ไม่ไปกินกับพวกเรา เธอทำแบบนี้ พวกเราเข้ากันดีดีได้ยังไง?”
ตอนเที่ยง เพื่อนร่วมงานไม่กี่คนอยู่ข้างๆเจียงสื้อสื้อ ความรู้สึกเหมือนทำผิดแล้วโดนซักถาม
เจียงสื้อสื้อรู้พวกเธอแค่ปากพูดเฉยๆ ไม่ได้บ่นเธอจริงๆ
ดังนั้น เธอยิ้มแล้วอธิบายว่า:“ ฉันเพิ่งเข้าบริษัท ฉันไม่รู้เกี่ยวกับงานธุรกิจของบริษัทมากนัก เลยอยากทำความเข้าใจกับข้อมูลเพิ่มเติม”
“ สื้อสื้อ พวกเราไม่กี่คนอยู่บริษัทมาหลายปีแล้ว เธออยากทำความเข้าใจบริษัท หาพวกฉันสิ สะดวกแค่ไหน”
“นั้นแหละ เราทั้งกินเป็นเพื่อน มีคำถามอะไรก็ตอบ สะดวกกว่าเธอไปทำความเข้าใจเองเยอะเลย”
“ขอบคุณพวกเธอนะ”
เจียงสื้อสื้อรู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อย นี่คือความอบอุ่นที่เธอรู้สึกได้ในเมืองที่ไม่คุ้นเคยนี้
“โอเค นัดกันอย่างนี้แหละ งานเลี้ยงกินข้าวครั้งต่อไปเธอต้องไป ”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “โอเค”
ตอนเย็นตอนใกล้จะเลิกงาน หัวหน้าแผนกเดินออกมาตบมือทั้งสอง
ทุกคนก็ต่างวางงานในมือลง เงยหน้ามองไป
“มีข่าวดีจะบอกทุกคน”ตาของหัวหน้าแผนกยิ้มจนใกล้เป็นตาเส้นเดียวแล้ว
ทุกคนเธอมองมองฉัน ฉันมองมองเธอ ทุกคนต่างสงสัยว่าข่าวดีอะไรที่ทำให้หัวหน้ามีความสุขขนาดนั้น
ได้ยินหัวหน้าแผนกพูดต่อไป:“ข้อเสนอการพัฒนาที่ดินทางตะวันออกของเมืองข้างบนให้ผ่านแล้ว”
พอประโยคนี้พูดออกมา ทุกคนก็อึ้งไม่กี่วิ จากนั้นก็มีเสียงเฮฮาไชโยดังขึ้น ทุกคนตื่นเต้นมาก
แม้แต่เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ไหวยิ้มขึ้นมา
แผนการนี้ทุกคนใช้ความพยายามอย่างมากต้องใช้เวลาและแรงมาก ตั้งแต่การเยี่ยมชมและตรวจสอบเพื่อหารือเกี่ยวกับแผน จากนั้นจึงจะกำหนดแผนได้ แค่แก้ไขปรับปรุงแผนการ ก็อดหลับอดนอนมาหลายคืน
โชคดีที่แผนการได้รับการยอมรับจากหัวหน้าระดับเรียบร้อยแล้ว
ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนตื่นเต้นดีใจกันมาก
“เพื่อตอบแทนทุกคน คืนนี้ฉันเลี้ยง”
พอหัวหน้าแผนกพูดคำนี้ออกมา ทุกคนก็ยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่
“สื้อสื้อ เธอก็ต้องไปด้วยกัน ”หัวหน้าเรียกชื่อของเจียงสื้อสื้อเป็นพิเศษ
“ถูกต้อง สื้อสื้อ วันนี้เธอต้องไปด้วยกัน”
เพื่อนร่วมงานต่างมองมาที่เธอ
เจียงสื้อสื้อยิ้มแล้วพยักหน้า “โอเค ฉันไปด้วย”
นี่คือครั้งแรกที่เธอไปเข้าร่วมงานเลี้ยงตั้งแต่เข้ามาในบริษัทสองเดือน
เห็นเพื่อนร่วมงานมีความสุข เจียงสื้อสื้อก็โดนอารมณ์ดีกับพวกเขาเช่นกัน และส่วนโค้งของมุมปากลึกขึ้นเล็กน้อย
……
สถานที่งานเลี้ยงอยู่ที่คลับชื่อดังในเมืองหนาน
เจียงสื้อสื้อถูกเพื่อนร่วมงานลากเข้าไปในห้องโถงอันงดงามของคลับ
“ครั้งนี้หัวหน้าใจกว้างมาก เชิญพวกเรามากินข้าวที่แบบนี้”
เพื่อนร่วมงานที่อยู่รอบตัวยังคงแสดงอารมณ์ที่หลากหลาย เจียงสื้อสื้อได้แต่ยิ้ม ไม่พูดอะไร
เห็นได้ชัดว่าหัวหน้างานและผู้จัดการคลับรู้จักกัน พวกเขาทั้งสองยืนคุยกันอยู่ไม่ไกล
เจียงสื้อสื้อและเพื่อนร่วมงานหันหลังให้ประตูของคลับ ไม่เห็นคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาที่หน้าประตู
“แม่ ผมอยู่ต่างจังหวัด มีเรื่องอะไรกลับบ้านค่อยคุย”
จิ้นเฟิงเฉินวางสายไป สีหน้ามืดมน สายตามองไปข้างหน้าตรงๆไม่มองซ้ายมองขวา
“ประธานจิ้น เชิญทางนี่ครับ”
คนกลุ่มหนึ่งล้อมรอบเขาไว้ตรงกลางเหมือนดวงดาวที่โค้งเหนือดวงจันทร์ และเดินตามรอยเท้าของเขาไปที่ลิฟต์
“ผู้ชายคนนั้นคือใคร? หล่อจัง”
มีคนพูดด้วยความตกใจ เจียงสื้อสื้อหันไปมอง แต่กลับเห็นแต่ด้านหลังของกลุ่มคน
ในกลุ่มคน เธอแอบเห็นเงาที่คุ้นเคยเล็กน้อยคนหนึ่ง
เหมือนเป็นเฟิงเฉิน
วินาทีถัดไป เธอปฏิเสธความคิดนี่ของตัวเอง
เขาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
เจียงสื้อสื้อโค้งมุมริมฝีปากอย่างเยาะเย้ยตัวเอง สองเดือนแล้ว เธอก็ยังคงนึกถึงเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ไปกันเถอะ”
หัวหน้าเรียก เจียงสื้อสื้อรีบหันกลับมาสติ ตามกลุ่มคนไปที่ลิฟต์
……
ในเวลาเดียวกันเมืองจิ่น
จิ้นเฟิงเหราเห็นแม่หยิบโทรศัพท์ออกจากหูด้วยสีหน้าไม่ดี ยักคิ้ว“แม่พี่ชายผมไปที่เขตเมืองหนานคุยธุรกิจ แม่ก็หยุดสองสามวันเถอะ”
ตอนพูดคำนี้ เขาเหลือบตาไปมองหลี่หยวนหยวนที่อยู่ข้างๆ
ก้มหัว ดูแล้วน่าสงสารเล็กน้อย
แต่จิ้นเฟิงเหราไม่เห็นใจเธอ
นี่โดนพี่ชายเขาปฏิเสธมาหลายครั้งแล้ว ทำไมหน้าถึงด้านแบบนี้ ไม่รู้ตายใจละ?
แม่ของเขาดื้อรั้น หรือว่าเธอก็ดื้อรั้นขนาดนี้เหรอ?
จะเอาแต่พี่ชายเขาเหรอ?
แม่จิ้นรู้สึกผิดปกติ เงยหน้าจ้องมองจิ้นเฟิงเหรา ถามด้วยความสงสัยว่า:“ลูกไม่ใช่ไปรวมหัวกับพี่ชายมาโกหกแม่นะ?”
จิ้นเฟิงเหราพูดด้วยความไม่ผิด“แม่ เราจะโกหกแม่ทำไม?พี่ชายเขาไปคุยงานที่เมืองหนานจริงๆ ถ้าแม่ไม่เชื่อไปถามคนอื่นในบริษัทได้ ”
แม่จิ้นค่อยเชื่อด้วยความฝืน เธอก็ไม่ได้ดีไปไหนหรอก เหลือบตาขาวใส่จิ้นเฟิงเหรา “พวกนายสองพี่น้องไม่มีใครไม่ทำให้ฉันเป็นห่วงเลย”
จิ้นเฟิงเหราเถียงไม่ได้ ได้แต่ยิ้มแห้ง
“หยวนหยวน ขอโทษนะ น้าประหม่าเอง เลยทำให้เธอมาเปล่าประโยชน์เลย”แม่จิ้นเดินมาหน้าหลี่หยวนหยวนสีหน้าขอโทษมองเธอ
หลี่หยวนหยวนส่ายหัว “คุณน้าไม่เป็นไร พี่จิ้นเขางานยุ่ง หนูเข้าใจได้”
“เธอนิรู้รู้เรื่องเด็กดีจริงๆ”แม่จิ้นพอใจมากกับหลี่หยวนหยวนจนไม่รู้จะพอใจยังไงอีก
จิ้นเฟิงเหราแทบจะเหลือบตาขาวไปถึงบนฟ้าละ นี่เรียกว่ารู้เรื่อง งั้นคนที่เข้าใจใจดีอย่างพี่สะใภ้ควรเป็นอะไร
อีกอย่าง ใครจะรู้ว่าอะไรหยวนหยวนแค่เสแสร้งทำเป็นรู้เรื่องละ ?
“เฟิงเหรา”แม่จิ้นเอียงหัว เหลือบมองเขาจากมุมหางตา“ถ้าพี่ชายลูกกลับมา ต้องบอกแม่เป็นเวลาแรก รู้หรือยัง?”
“รู้แล้ว”
“แม่เตือนลูก อย่ามาเล่นบ้าบอให้แม่นะ ไม่งั้นแม่จะจับลูกไปแต่งงาน”
เป็นแม่ที่แท้จริง รู้วิธีการตีงูต้องตีเจ็ดนิ้ว จับจุดอ่อนของจิ้นเฟิงเหราได้ทันที
เขายังเที่ยวไม่พอ ไม่อยากแต่งงาน!
จิ้นเฟิงเหราหรี่ตาแล้วยิ้ม :“แม่ แม่วางใจ ผมจะแจ้งให้แม่ทราบทันที”
“นี่ค่อยว่าไปอย่าง”
สีหน้าของแม่จิ้นค่อยๆผ่อนคลายลงมา เธอพูดกับหลี่หยวนหยวนว่า :“เรากลับไปกัน รอเฟิงเฉินกลับมาแล้วค่อยมาอีกที”
“โอเค”
หลี่หยวนหยวนตามข้างๆแม้จิ้นออกไปอย่างเป็นเด็กดี
มองพวกเธอออกไป จิ้นเฟิงเฉินถอนหายใจยาวๆ เขาเห็นใจพี่ชายเขาจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าแม่เขาจะตายใจไปเมื่อไหร่