ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 283 สูญเสียเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
บทที่ 283 สูญเสียเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
ทันทีที่จิ้นเฟิงเฉินกับตำรวจมาถึงนั้น ก็เป็นช่วงที่เจียงสื้อสื้อถูกยิงล้มลงไปพอดี
พอเห็นว่าคนๆ นั้นคือเจียงสื้อสื้อ แววตาของจิ้นเฟิงเฉินหดเล็กลง พร้อมกับส่งเสียงร้องตะโกนออกไป : “สื้อสื้อ!”
หลังจากนั้นเขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที
พอโจรคนนั้นเห็นว่าตำรวจมาถึง เขาก็รีบสาวเท้าวิ่ง โดยไม่สนใจเด็กและเจียงสื้อสื้ออีกต่อไป
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ตำรวจเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งตามไปทันที
“สื้อสื้อ!” จิ้นเฟิงเฉินรีบอุ้มเธอขึ้นมาได้ทันเวลา เพื่อเลี่ยงไม่ให้เธอกับเสี่ยวเป่าต้องตกลงพื้น
“เฟิงเฉิน……” เป็นเพราะถูกยิงไปสองนัด ทำให้เจียงสื้อสื้อเจ็บปวดจนใบหน้าซีดเผือด อีกทั้งยังมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาจากหน้าผากจนไหลนองเต็มไปหมด
เธอรีบส่งเสี่ยวเป่าเข้าสู่อ้อมกอดของเขา พร้อมทั้งยิ้มมุมปาก “เฟิงเฉิน ฉันช่วยเสี่ยวเป่าออกมาแล้วนะ”
“คนโง่!” ถึงแม้จิ้นเฟิงเฉินจะเป็นคนใจแข็งมาตลอดก็ตาม แต่พอได้มาเห็นท่าทีที่ฝืนอดกลั้นความเจ็บปวดของเธอแบบนี้ ทำให้ลำคอของเขารู้สึกฝืดขึ้นมาทันที
เสี่ยวเป่าที่เห็นเลือดตรงไหล่ของเธอก็ส่งเสียง “แง้” ร้องไห้ออกมาทันที “ผมไม่อยากให้หม่ามี๊ต้องตาย”
พอได้ยินแบบนั้น เจียงสื้อสื้อก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เขาเบาๆ ก่อนจะฝืนยิ้มพูดปลอบใจขึ้นมา : “อย่าร้องไห้นะเสี่ยวเป่า หม่ามี๊ไม่เป็นอะไรหรอก…อุ๊บ…”
การที่เธอยกมือแบบนั้น ทำให้บาดแผลที่ไหล่ของเธอฉีก เธอจึงก้มหน้าลงกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด
ปวดเหลือเกิน!
พอเห็นแบบนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็รีบอุ้มเธอขึ้นมาทันที
จิ้นเฟิงเหราเองก็รีบวิ่งเข้ามาหา พอเห็นว่าเจียงสื้อสื้ออยู่ในอ้อมกอดของเขาเท่านั้น ดวงตาของเขาก็เบิกโพลงด้วยความประหลาดใจ
คนที่พวกเขาอุตส่าห์ตามหากันอย่างยากลำบาก ทำไมจู่ๆ ถึงมาโผล่ที่นี่กันได้ล่ะ?
“เฟิงเหรา ดูแลเสี่ยวเป่าให้ดีด้วย เดี๋ยวพี่จะพาสื้อสื้อไปโรงพยาบาล” จิ้นเฟิงเฉินส่งเสี่ยวเป่าไปให้น้องชายของตัวเอง พร้อมทั้งอุ้มเจียงสื้อสื้อสาวเท้ายาวจากไปทันที
“เสี่ยวเป่า ทำไมหม่ามี๊ของเสี่ยวเป่าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?” จิ้นเฟิงเหราที่ได้สติกลับมาแล้ว ก้มหน้าถามเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่ายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาพลางตอบ : “หม่ามี๊มาช่วยผมไว้ครับ”
จิ้นเฟิงเหราขมวดคิ้ว หรือว่าพี่สะใภ้จะรู้เรื่องที่เสี่ยวเป่าถูกลักพาตัว ก็เลยตั้งใจกลับมาช่วยยังงั้นหรือ?
ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงล่ะก็ ก็รู้ได้ทันทีว่าเสี่ยวเป่ามีความสำคัญต่อเธอมากแค่ไหน
พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็คุกเข่าลง จ้องตาของเสี่ยวเป่าพร้อมถามขึ้น : “อยากไปหาหม่ามี๊ที่โรงพยาบาลไหม?”
เสี่ยวเป่าผงกหัวหงึกๆ “อยากครับ!”
“ถ้างั้นก็ดี พวกเราจะไปที่โรงพยาบาลกัน” จิ้นเฟิงเหราจูงมือของเขา เดินไปทางที่ๆ จิ้นเฟิงเฉินเดินไปทันที
……
ณ บ้านตระกูลจิ้น
คุณพ่อคุณแม่จิ้นที่รู้ว่าเสี่ยวเป่าถูกช่วยออกมาสำเร็จแล้ว ใจของพวกเขาที่เหมือนถูกแขวนไว้บนเส้นด้าย ก็กลับมาอยู่ที่เดิมในที่สุด
“ขอบคุณสวรรค์ที่คุ้มครอง! ขอบคุณสวรรค์ที่คุ้มครอง!” คุณแม่จิ้นพนมมือทั้งสองข้าง พร้อมทั้งบ่นพึมพำกับตัวเอง
คุณพ่อจิ้นที่ได้ยินแบบนั้น ก็เลิกคิ้วเล็กน้อย “เรื่องครั้งนี้ต้องขอบคุณเจียงสื้อสื้อที่เข้ามาช่วยไว้ ไม่อย่างนั้นคงจะช่วยเสี่ยวเป่าออกมาไม่ได้ง่ายแบบนั้นแน่”
คุณแม่จิ้นคลายมือลง พร้อมกับทำท่าเหม่อลอย ราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด
“คุณคิดอะไรอยู่หรือ?” พอเห็นว่าเธอไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา คุณพ่อจิ้นก็ผลักเธอเบาๆ
“ไม่ได้คิดอะไรหรอก” คุณแม่จิ้นจ้องเขาเขม็งอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะพูดขึ้นต่อว่า : “อย่าคิดว่าการที่เธอทำแบบนี้ แล้วฉันจะยอมรับเธอนะ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรอก”
คุณพ่อจิ้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขัน “ทำไมคุณถึงถือทิฐิแบบนี้กันนะ?”
“ฉันไม่ได้ถือทิฐิเสียหน่อย ฉันแค่มีหลักการที่ยึดถือเท่านั้นเอง!”
“นี่คุณ!” คุณพ่อจิ้นเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี จึงทำได้เพียงส่ายหัวพร้อมถอนหายใจ “หวังว่าคุณจะยึดถือหลักการอะไรของคุณไปได้ตลอดล่ะนะ แล้วก็อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน”
“ไม่ใช่สิตาเฒ่า ทำไมคำพูดของคุณมันฟังดูแปลกๆ? นี่คุณไม่ได้คิดจะย้ายข้างหรอกใช่ไหม?” คุณแม่ขมวดคิ้วแน่น
“จะย้ายข้างหรือเปล่าผมก็ไม่รู้เหมือนกันล่ะนะ ที่ผมรู้ก็แค่เจียงสื้อสื้อได้รับบาดเจ็บง เพราะช่วยเสี่ยวเป่าเอาไว้เท่านั้น แถมตอนนี้เธอก็อยู่ที่โรงพยาบาลด้วย”
คำพูดดังกล่าวทำให้คุณแม่จิ้น ข่มอารมณ์สีหน้าไว้ไม่อยู่ ก่อนจะบ่นอุบอิบ พร้อมทำหน้าเหยเก : “ไม่มีใครขอร้องให้เธอไปช่วยนี่นา”
“เฮ้อ” คุณพ่อจิ้นถอนหายใจหนักๆ และพูดอย่างทอดถอนใจ : “นอกจากเบื้องหลังตระกูลของเด็กคนนั้นจะซับซ้อนไปหน่อย ก็มีแต่เรื่องที่ผ่านไปแล้วทั้งนั้น จริงๆ แล้วเธอเองก็เป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งเลยนะ”
จริงๆ แล้วคุณแม่จิ้นรู้ดีว่าเจียงสื้อสื้อไม่ได้บกพร่องขนาดนั้น เพียงแค่คนที่เคยมีลูกมาก่อนแล้ว เพียงแค่จุดนี้เท่านั้น ที่มันเป็นเรื่องที่ไม่ว่ายังไงก็ขุดจากในใจไม่ออกสักที
พอเห็นว่าเธอไม่พูดอะไร คุณพ่อจิ้นก็ตบบ่าเธอเบาๆ “เอาเถอะ อย่าคิดอะไรให้มากความเลย ให้พ่อครัวเตรียมซุปบำรุงเลือดไว้ดีกว่า เดี๋ยวพวกเราจะไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลสักหน่อย”
ไม่ว่าจะพูดยังไง เรื่องที่เจียงสื้อสื้อช่วยเสี่ยวเป่าเอาไว้ก็เป็นเรื่องจริง
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ เธอควรที่จะรู้สึกขอบคุณเธอด้วยซ้ำ
คุณแม่จิ้นได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้ารับ “ได้ ฉันจะไป”
……
เจียงสื้อสื้อถูกส่งมาที่โรงพยาบาล เป็นเพราะสูญเสียเลือดไปมาก ทำให้เธอหมดสติไปทันที
“มาเร็วเข้า! คุณหมอ! คุณหมอ!” จิ้นเฟิงเฉินอุ้มเธอวิ่งเข้าไปในตึกฉุกเฉินอย่างร้อนรนใจ ท่าทางของเขาดูลุกลี้ลุกลน แทบจะแตกต่างจากท่าทีอันมั่นคง อย่างตอนที่เขาอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าตามปกติโดยสิ้นเชิง
พลันเจียงสื้อสื้อก็ถูกส่งเข้าห้องผ่าตัดไปทันที
จิ้นเฟิงเฉินจ้องประตูห้องผ่าตัดนั้นไว้เขม็ง ในหูของเขาเองก็มีเสียงของเธอดังขึ้น ในตอนที่กำลังนั่งรถมาที่นี่
“เฟิงเฉิน……” ตอนที่กำลังเดินทางมาที่นี่นั้น เจียงสื้อสื้อกำมือของเขาไว้แน่น พร้อมพูดพลางสูดหายใจลึก : “ขอโทษด้วยนะคะ ทุกอย่างเป็นความผิดของฉันเอง ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉันล่ะก็……”
เป็นเพราะความเจ็บปวดจากบาดแผล ทำให้เธอรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาทุกขณะ เธอจึงหยุดพักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นต่อ : “ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉันล่ะก็ เสี่ยวเป่าก็คงไม่ถูกลักพาตัว…ทุกอย่างเป็นความผิดของฉันเอง”
“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกนะ” จิ้นเฟิงเฉินวางมือของเธอ ประกบเข้ากันปากของเขาเองอย่างแผ่วเบา “มันก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณเลย”
เจียงสื้อสื้อเผยรอยยิ้มอย่างหมดกำลัง “งะ…งั้นคุณโทษฉันหรือเปล่า?”
“โทษสิ โทษที่คุณทิ้งผมกับเสี่ยวเป่าเอาไว้ แล้วก็จากไปแบบไม่ลา”
“ขอโทษนะคะ ฉัน……” เจียงสื้อสื้อเหมือนอยากจะพูดอะไรอีก แต่เธอทนไม่ไหวจริงๆ จึงทำให้หมดสติไป
“สื้อสื้อ! สื้อสื้อ!” สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินเปลี่ยนอย่างฉับพลัน เขากอดเธอไว้แน่น พร้อมทั้งเงยหน้าตะโกนบอกคนขับรถข้างหน้าทันทีว่า : “รีบขับเร็วๆ หน่อยสิ!”
คนขับรถเองก็สะดุ้งตกใจ ก่อนจะเหยียบคันเร่งเต็มแรง
ทางด้านจิ้นเฟิงเหราที่พาเสี่ยวเป่ามาถึงโรงพยาบาล ก็เห็นว่าพี่ชายของเขา ยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัดตัวตรงแหน่ว ราวกับรูปปั้นแกะสลักไม่ปาน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“พี่ครับ” จิ้นเฟิงเหราเดินเข้าไปหาเขา
พอได้ยินเสียงดังกล่าว จิ้นเฟิงเฉินก็ค่อยๆ ได้สติกลับคืนมา ทันทีที่เห็นเขามาถึง แววตาก็ส่องประกายระยิบ “นายมาทำไมกัน?”
“ผมกับเสี่ยวเป่าเป็นห่วงน่ะครับ ก็เลยมาเยี่ยม”
จิ้นเฟิงเฉินก้มหัว มองดูดวงตาที่ใสสะอาดของเสี่ยวเป่า ก็คิดได้ว่าเขาเอาแต่เป็นห่วงเจียงสื้อสื้อ จนลืมเขาไปสนิท
“เสี่ยวเป่า” เขาคุกเข่าลง พร้อมกับยกมือลูบใบหน้าของเสี่ยวเป่า และเผยรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก “บาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าลูก?”
“ไม่ครับ” เสี่ยวเป่าส่ายหัว “หม่ามี๊กอดผมไว้แน่นเลย ผมเลยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยครับ”
พอได้ยินแบบนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็หวนกลับไปคิดตอนที่เจียงสื้อสื้อโดนยิง ทำให้ในใจของเขาเหมือนกับถูกกำปั้นทุบอย่างหนักหน่วง จนเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน
“พี่สะใภ้นี่กล้าหาญจริงๆ เลยนะครับ” จิ้นเฟิงเหราพูดอย่างทอดถอนใจ
สำหรับผู้ชายคนหนึ่งอย่างเขา เขาเองก็ยกย่องการกระทำอันยิ่งใหญ่ของพี่สะใภ้อย่างสุดหัวใจ
จิ้นเฟิงเฉินลุกขึ้นยืน พร้อมกับหันหน้าไปทางห้องผ่าตัด พลางพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ : “พี่ยอมให้เธอไม่กล้าหาญแบบนี้จะดีกว่าด้วยซ้ำ”
เขาแค่อยากให้เธอกับลูกของเขาใช้ชีวิตอยู่อย่างดี ไม่ว่าจะเรื่องร้ายอะไรก็ตามแต่ สมควรให้เขาเป็นคนปกป้องสิถึงจะถูก
แต่ครั้งนี้ เขากลับให้เธอต้องมาเสี่ยงอันตราย ไม่ว่าจะพูดยังไงเขาก็ยังทำได้ไม่ดีพอด้วยซ้ำ
“พี่ครับ ถึงแม้ว่าพี่สะใภ้จะบาดเจ็บ แต่ก็กลับมาอยู่ที่นี่แล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะครับ” จิ้นเฟิงเหราคิดว่ามุมมองของเรื่องนี้มันจะค่อนข้างไม่เหมือนกันเสียอีก
พอเขาพูดแบบนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็พบว่าจริงๆ แล้วก็เป็นแบบนี้ เดิมทีพวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าเธอไปอยู่ที่ไหน แต่ตอนนี้เธอกลับมาด้วยตัวเองแล้ว
นี่อาจจะเป็นคำอย่างที่มีคนเคยบอกเอาไว้ก็ได้ว่า ยอมสูญเสียอะไรไปบางอย่าง เพื่อให้ได้ของที่ล้ำค่ากลับมา สินะ