ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 370 ฉันก็รู้ว่าไม่ตนเองไม่คู่ควรกับเขา
- Home
- ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!
- บทที่ 370 ฉันก็รู้ว่าไม่ตนเองไม่คู่ควรกับเขา
บทที่ 370 ฉันก็รู้ว่าไม่ตนเองไม่คู่ควรกับเขา
คืนนี้ส้งหวั่นชีงทำงานกะดึก เธอกำลังง่วงซึม จู่ๆก็ได้รับเหตุฉุกเฉินเข้ามา ถูกทำให้ตกใจตื่น
เมื่อเธอมาที่ห้องฉุกเฉิน เห็นใบหน้าที่เธอคุ้นเคย เป็นจิ้นเฟิงเหรานี่เอง
เห็นเขาอีกครั้ง ส้งหวั่นชีงจนปัญญาเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าวันนี้เขาเพิ่งจะตัดเฝือกไป กลับมาอีกได้อย่างไร ชีวิตเป็นเรื่องล้อเล่นหรอ?
ดูแลเขาไปด้วยถามเขาไปด้วย : “คุณ……ทำไมคุณกลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะ?”
จิ้นเฟิงเหราได้ยินก็ส่ายหัว ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ฉันก็นึกไม่ถึง ใครบอกฉันเป็นฮีโร่ช่วยสาวสวยนะ เลยจำใจต้องมาอีกครั้ง”
ได้ฟังคำพูดจากปากเขา อีกทั้งยังมองไปที่จื่อเฟิงที่ยืนข้างๆ ในใจของส้งหวั่นชีงรู้สึกไม่ดีอย่างมาก
คาดเดาว่าเป็นเพราะเขาช่วยชีวิตเธอ ฉะนั้นจึงได้รับบาด
ในใจมีความเป็นห่วง ฝีมือของส้งหวั่นชีงก็เริ่มไม่แม่นยำ เมื่อฉีดยาให้จิ้นเฟิงเหรา อีกทั้งเริ่มลงมือหาตำแหน่งไม่เจอ
จิ้นเฟิงเหราทนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงร้องออกมา จื่อเฟิงขมวดคิ้ว ตรงไปฉุดแขนของส้งหวั่นชีง ถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “ท้ายที่สุดแล้วคุณทำเป็นไหม? ! ไม่เห็นหรอว่าเขาเจ็บมาก!”
เดิมทีจื่อเฟิงก็เป็นคนที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นพิเศษ นิสัยเฉพาะตัวค่อนข้างน่ากลัว อีกทั้งน้ำเสียงในเวลานี้โหดเหี้ยมมาก ทำให้ส้งหวั่นชีงตกใจกลัวจริงๆ
ชั่วขณะหนึ่งส้งหวั่นชีงไม่รู้ควรจะทำอะไร ตกตะลึงอยู่กับที่
แต่ไหนแต่ไรมาส้งหวั่นชีงยังไม่เคยเห็นคนดุร้ายเช่นนี้ แม้ว่าเธอจะสะสวย แต่มีพลานุภาพทำให้ตกใจกลัวเช่นนี้
เห็นว่าส้งหวั่นชีงถูกทำให้ตกใจกลัว จิ้นเฟิงเหราก็เจ็บปวดใจเล็กน้อย อดทนต่อความเจ็บปวดบนร่างกาย พูดปลอบโยนว่า “จื่อเฟิง คุณทำให้เธอตกใจแล้ว ฉันไม่เป็นไร คุณให้เธอทำต่อก็พอ”
จื่อเฟิงได้ยินก็ปล่อยส้งหวั่นชีง ยืนอยู่ข้างๆไม่พูดอะไร
“คุณทำต่อเถอะ” จิ้นเฟิงเหราพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลมองไปที่ส้งหวั่นชีง
หลังจากได้ยินน้ำเสียงของจิ้นเฟิงเหรา สติส้งหวั่นชีงก็กลับมา ทำงานในมือตนเองต่อ
เวลานี้หมอได้เข้ามา ตรวจดูอาการบาดเจ็บของจิ้นเฟิงเหรา หลังจากนั้นก็ออกไป พิจารณาเล็กน้อยว่าควรจะตรวจรักษาเขาอย่างไร ทิ้งพวกเขาสามคนไว้ในห้อง
อยู่ภายใต้แรงกดดันของจื่อเฟิง ส้งหวั่นชีงอึดอัดเล็กน้อย เธอไม่กล้ามองจื่อเฟิง เกรงว่าถ้าไม่ระวังอาจทำให้บันดาลโทสะขึ้นมา
จิ้นเฟิงเหราง่วงนอนเล็กน้อยจากการฉีดยาลดอักเสบไปเมื่อกี้ เมื่อเคลิ้มหลับไป ประตูห้องผู้ป่วยก็เปิดออก จิ้นเฟิงเฉินก็เข้ามา
หลังจากที่จื่อเฟิงมองไปที่จิ้นเฟิงเฉิน สายตาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นทันที พลังอำนาจก็จางหายไป
“คุณชาย มีเหตุการณ์อะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มี อีกสักครู่คุณออกไปกับฉัน”
จิ้นเฟิงเฉินท่าทีเย็นชาเล็กน้อย นี่ทำให้จื่อเฟิงไม่สบายใจนิดหน่อย
หลังจากเข้าไปในห้องผู้ป่วย จิ้นเฟิงเฉินมองจิ้นเฟิงเหราที่อยู่บนเตียงก่อน แล้วจึงหันกลับมาถามว่า “อาการของจิ้นเฟิงเหราเป็นอย่างไรบ้าง?”
ส้งหวั่นชีงได้ยินจึงพูดว่า “ตอนนี้เขาได้ฉีดยาลดอักเสบไปแล้ว น่าจะหลับไปสักพัก อาการบาดเจ็บที่ขาก็ไม่ร้ายแรงมาก รักษาโดยการระมัดระวังเองได้”
ได้ยินว่าอาการของจิ้นเฟิงเหราไม่รุนแรง จิ้นเฟิงเฉินจึงเบาใจลงมา มีพยาบาลตัวน้อยคนนี้อยู่ดูแลข้างๆเขา ตนเองก็ไม่ต้องกังวลอะไร
หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีเรื่องอะไร จิ้นเฟิงเฉินก็มองส้งหวั่นชีงแล้วพูดแนะนำด้วยความจริงใจว่า “พูดอย่างนั้น เฟิงเหราก็ต้องรบกวนคุณแล้ว คุณส้ง มีอะไรที่จำเป็น ก็บอกกับฉันได้เลย นี่เบอร์โทรของฉัน”
พูดจบ ก็นำนามบัตรหนึ่งใบส่งให้ส้งหวั่นชีง
ส้งหวั่นชีงได้รับความเมตตาจนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่เข้าใจนิดหน่อย ทำไมต้องให้บอกกับตัวเขาเอง? ตระกูลจิ้นไม่มีคนแล้วหรอ?
แต่มองความจริงใจบนใบหน้าของจิ้นเฟิงเฉิน เธอก็ไม่ปฏิเสธ ยินยอมที่จะรับมา
จื่อเฟิงเห็นท่าทีที่จิ้นเฟิงเฉินมีต่อพยาบาล นุ่มนวลอ่อนโยนกว่าตนเองมากๆ ก็โมโหขึ้นมาเล็กน้อย มองสายตาของส้งหวั่นชีงก็อดไม่ได้ที่จะเพิ่มความเป็นปรปักษ์มากขึ้น
เมื่อออกไป จื่อเฟิงจ้องมองส้งหวั่นชีงอย่างเย็นชา มองอยู่ครู่หนึ่งก็ออกไปด้วยกันกับจิ้นเฟิงเฉิน
เวลานี้ส้งหวั่นชีงกำลังวัดอุณหภูมิให้จิ้นเฟิงเหรา ด้านหลังรู้สึกหนาวๆเล็กน้อย เลยหันกลับไปดู พบว่าจื่อเฟิงก็ออกไปแล้ว
ไม่มีจื่อเฟิงกดดัน ส้งหวั่นชีงจึงกล้าผ่อนคลายลงมา
เหลือบมองจิ้นเฟิงเหราบนเตียงผู้ป่วย พูดอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “ต้องโทษคุณทั้งหมด มิเช่นนั้นผู้หญิงคนนั้นจะดุร้ายกับฉันได้อย่างไร ฉันไม่แย่งชิงกับคุณก็แล้วกัน ฉันก็รู้ว่าไม่ตนเองไม่คู่ควรกับเขา……”
ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงเบามาก มีแค่ส้งหวั่นชีงเท่านั้นที่สามารถได้ยิน
“ทะเลาะ? ทะเลาะอะไร?”
จู่ๆน้ำเสียงของจิ้นเฟิงเหราก็ทอดออกมา ส้งหวั่นชีงตกใจจนอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้าของจิ้นเฟิงเหรา ส้งหวั่นชีงแทบอยากจะบีบเขาให้ตาย ถึงเวลานี้แล้ว ชายคนนี้ยังคิดจะทำให้ตนเองตกใจ
อันที่จริงเมื่อกี้ที่จิ้นเฟิงเฉินมา จิ้นเฟิงเหราก็ตื่นแล้ว เพียงแต่ว่าถ้าหากเขาลืมตาขึ้นมาในเวลานั้น จิ้นเฟิงเฉินก็จะตำหนิเขา ยังคงแกล้งหลับตาไว้น่าจะดีกว่า
เพียงแต่ได้ยินคำที่พยาบาลตัวน้อยพูด ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจความสัมพันธ์ของตนเองกับจื่อเฟิงผิด หรือว่าเธอจะหึง? นึกถึงตรงนี้จิ้นเฟิงเหราก็อดไม่ได้ที่ต้องการจะแทะโลมเธอเล็กน้อย
เห็นว่าส้งหวั่นชีงไม่ตอบกลับ จิ้นเฟิงเหราก็สอบถามอีกครั้ง “พูด คุณจะแย่งอะไรกับเธอ?”
“ไม่มีอะไร! คุณควรเปลี่ยนยาได้แล้ว ฉันจะไปเอายา” พูดจบก็วิ่งหนีออกไปเลย
จิ้นเฟิงเหราเห็นเธอวิ่งก็นอนยิ้มอยู่บนเตียง เธอทำท่าทางนี้ค่อนข้างน่ารัก
หลังจากที่จิ้นเฟิงเฉินกับจื่อเฟิงออกไป ตรงมาที่เขตชานเมือง เมื่อขับไปถึงบ้านร้างแห่งหนึ่ง รถก็หยุดลง คนด้านในที่เห็นจิ้นเฟิงเฉินมา เดินออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“คุณชาย สองคนนั้นตายแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น ขมวดคิ้วถามว่า “เกิดเรื่องได้อย่างไร? มัดไว้แล้วไม่ใช่หรอ?”
ผู้ช่วยตอบอย่างลำบากใจว่า “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นหน่วยกล้าตายขององค์กร เรานำพวกเขามามัดมือมัดเท้าไว้แล้ว แต่ว่าพวกเขาน่าจะมียาพิษซ่อนไว้ในปาก ไม่รอให้พวกเราไต่สวน เลือดก็ไหลออกทวารทั้งเจ็ดแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินได้ฟังแล้วจึงเดินเข้าไป จื่อเฟิงก็เดินตามเข้าไปด้วย
สองคนนั้นถูกมัดไว้บนเก้าอี้ สองตาเบิกโพลง ลักษณะหน้าตาน่ากลัวเล็กน้อย
จื่อเฟิงก้าวไปข้างหน้าแล้วมองทั้งสองคนเล็กน้อย แล้วกลับด้านหน้าของเฟิงเหรา พูดเบาๆว่า “คุณชาย ยาพิษของสองคนนี้เป็นยาพิษชนิดใหม่ เกรงว่าจะไม่ใช่คนขององค์กรทั่วไป”
จิ้นเฟิงเฉินแสดงท่าทีเคร่งขรึม ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้ยังไม่ยอมแพ้
เขามองจื่อเฟิงแล้วสั่งว่า “แจ้งป๋ายหลี่กับเห้อซูหานให้กลับมาทันที ต่างประเทศไม่ต้องไปควบคุมอีกแล้ว”
จื่อเฟิงได้รับคำสั่งก็ออกไป มองไปที่ศพทั้งสองคนบนพื้น จิ้นเฟิงเฉินโบกมือ ผู้ช่วยก็ไปจัดการทันที
“จับตาดูทางด้านฝั่งเหนือของเมืองไว้ในช่วงนี้ มีความเคลื่อนไหวให้รายงานทันที อีกอย่าส่งคนมาอารักขาคุณผู้หญิงกับคุณชายน้อยให้มากขึ้น”
จิ้นเฟิงเฉินสั่งด้วยความไม่สบายใจเล็กน้อย ผู้ช่วยรับคำสั่ง
ตอนนี้จ้องมองที่ชิป ไม่ใช่แค่คนของกลุ่มอิทธิพลมืด คาดว่ายังมีหลายองค์กรที่เรียกความยุติธรรม ก็เกรงว่าพวกเขาจะยื่นกรงเล็บปีศาจมาทางคนข้างกายของเขา