ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 382 ฉันคิดถึงเธอ
บทที่ 382 ฉันคิดถึงเธอ
พอตื่นนอนในเช้าวันถัดมา จิ้นเฟิงเฉินก็เข้าไปดูข่าวเศรษฐกิจแต่เช้า เมื่อเห็นรายงานข่าว เขาก็รู้สึกมีความสุข
พอดูเสร็จก็ยังรู้สึกไม่พอ จึงคลิกเข้าไปดูตลาดหุ้นต่อ พอเห็นหุ้นของสตีเฟนดิ่ง เขาก็โล่งใจ
ในขณะเดียวกันนั้นเองจี้เฉินที่รอฟังข่าวที่โรงแรมระดับห้าดาวก็ตกใจ เขาคิดไม่ถึงเลยว่า จิ้นเฟิงเฉินจะมีฝีมือที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้
เดิมที่คิดเขาว่าจะมีอำนาจสั่งทุกอย่างได้ในประเทศ แต่ไม่คิดเลยว่าอำนาจจะมากมายขนาดนี้ นี่แค่คืนเดียวเอง ตัวเขาจี้เฉินเองก็ไม่มีฝีมือขนาดนั้น
จี้เฉินนั่งคิดอยู่ในห้องเขาอยู่นานก็คิดไม่ตก ผู้บริหารระดับสูงของสตีเฟนอดกลั้นอารมณ์ไม่ไหวแล้ว ไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือมีคนตั้งใจทำให้มันเป็นแบบนี้ พอจี้เฉินออกไป สตีเฟนก็เกิดเหตุร้ายทีละคนๆ แน่นอนว่าพวกเขานั่งไม่ติดแล้ว
อย่างแรก เพราะการที่เป็นแบบนี้ทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขาไร้ความสามารถส่วนอย่างที่สองน่ะหรอ มันเป็นโอกาสที่ดีที่จะผลักจี้เฉินลงจากตำแหน่งไป
พอพวกเขารู้ข่าว พวกเขาก็รีบติดต่อจี้เฉินกันทุกคน
สายและข้อความทั้งหมดต้องการสื่อข้อความเดียวกันว่า : รีบกลับไปจัดการเรื่องนี้
ตอนนี้สภาพจิตใจของจี้เฉินแย่มาก แค่การปะทะกันรอบแรกเขาก็แพ้ซะแล้ว แน่นอนว่าใจของเขารู้สึกไม่ดีสักเท่าไร
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจะไม่กลับไปก็ไม่ได้ เพราะหากเป็นเช่นนี้ต่อไปอาจสั่นคลอนถึงตำแหน่งของเขาได้ พวกน้องชายต่างแม่เหล่านั้นจะฉวยโอกาสนี้เข้ามากัดเขาซ้ำ
ถ้าเกิดเจอหลักฐานขึ้นมา ถึงตอนนั้นเขาคงจะจบเห่พอดี
เกรงว่าถ้าตอนนั้นเขายังอยากกลับไป เขาจะกลายเป็นหนูที่โดนทุกคนไล่ตะโกนตีบนถนน ต่อให้กลับไปสตีเฟนก็เกรงว่าตำแหน่งนี้จะไม่ใช่ของเขาอีกต่อไปแล้ว
ไม่มีวิธีอื่น ต่อให้ตอนนี้เขาอยากจะอยู่ที่นี่ต่อ แต่มันก็ไม่สามารถทำได้ต่อ ดังนั้นเที่ยงวันนี้เขาจะขึ้นเครื่องกลับ
แน่นอนว่าข่าวที่เขากำลังจะกลับไปก็ลอยไปถึงจิ้นเฟิงเฉิน
ตอนนี้จิ้นเฟิงเฉินอยู่กับพวกป๋ายหลี่ เห้อซูหาน ในห้องประชุมเพื่อพูดคุยถึงเรื่องนี้
พวกป๋ายหลี่และเห้อซูหานเห็นข่าวมืดฟ้ามัวดินตรงหน้า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน
วิธีการที่เฉียบขาดของจิ้นเฟิงเฉินทำให้คนมองไม่ออกจริงๆ
ไม่ต้องเสียแรงมากก็สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเฉียบขาด แล้วที่สำคัญคือไม่ปล่อยให้สตีเฟนมีโอกาสหายใจเลย ซึ่งมันน่าทึ่งมาก
ป๋ายหลี่ยังคงพูดออกมาอย่างไม่เชื่อในสายตาว่า “ทำไมฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในฝันเลย?”
จื่อเฟิงเหลือบมองเขาเรียบๆจากนั้นก็พูดว่า “ไม่เห็นแปลกอะไร คุณชายเป็นคนมีความสามารถเช่นนี้อยู่แล้ว”
เห้อซูหานกระแอมเบาๆ จื่อเฟิงที่พูดชมจิ้นเฟิงเฉิน “เรื่องนี้เกิดมาจากต่างประเทศใช่มั้ย?”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “อันที่จริง ฉันยังไม่กล้ารับความดีความชอบในเรื่องนี้เพราะมันเป็นความดีความชอบของอิ้งเทียน”
จริงๆแล้วแม้ว่าจื่อเฟิงจะชื่นชมจิ้นเฟิงเฉินมากๆ แต่ก็ไม่ถึงขั้นหน้ามืดตามัวไร้สมอง โดยเฉพาะเมื่อเธอนั้นเคารพอิ้งเทียนจริงๆ จึงพูดอย่างมั่นใจว่า “อิ้งเทียนคู่ควรที่จะเป็นอัจฉริยะในตลาดหุ้น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นป๋ายหลี่กลับส่ายหน้าแล้วยู่ปากพูดว่า “คงจะวิปริตไปแล้ว…”
ใครจะสามารถทำลายตลาดหุ้นของอีกฝ่ายได้แค่ชั่วข้ามคืน นอกจากอิ้งเทียนแล้วก็เกรงว่าจะหาคนที่ทำได้ต่อไปยาก คนแบบนี้เป็นอัจฉริยะในตลาดหุ้นคนแบบนี้เหมือนเป็นคนพิเศษ
แม้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะชนะ แต่จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่กล้าที่จะหละหลวม ยังไงซะสงครามครั้งใหญ่นี้เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น เรื่องของอนาคตนั้นยังไม่มีใครรู้ เราไม่ควรหลอกลวงคนอื่นด้วยชัยชนะชั่วคราว
ยิ่งไปกว่านี้น เขาทำให้สตีเฟนเสียหายหนักมาก เป็นเหมือนหมาจนตรอก หากอีกฝ่ายอยากจะเอากันให้ตายข้างนึงจริงๆ สุดท้ายคนที่เสียเปรียบก็คือตัวเอง
ยังไงซะไม่ว่าจะมองมุมไหนสตีเฟนกรุ๊ปก็ได้เปรียบในทุกด้าน
เขาปิดเอกสารในมือแล้วพูดว่า “เราจะประมาทไม่ได้ ยังมีทหารรับจ้างสองคนนั่นที่คอยจับตาดูอยู่ ฉันไม่ต้องการให้มีอะไรผิดพลาด”
เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนในบ้านของจิ้นเฟิงเหรา ความรู้สึกหวาดกลัวยังหลงเหลืออยู่ เมื่อคืนยังนับว่าเคราะห์ดีอยู่ หากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ต่อให้เขาใช้เงินไปมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถชดเชยความสูญเสียได้
ตอนนี้เจียงสื้อสื้อกำลังยุ่งอยู่กับโครงการในแผนก ทำจนเหนื่อยแล้วถึงจะได้เงยหน้าขึ้นมองโลกข้างนอกบ้าง
แสงแดดข้างนอกยังคงอบอุ่นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ช่วงนี้เวลาที่จิ้นเฟิงเฉินอยู่กับเธอนับวันก็ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เขาจะอยู่ในห้องทำงานหรือห้องประชุม เขากลับบ้านนับวันยิ่งดึกมากขึ้น ในบางครั้งดึกถึงขั้นเธอหลับไปแล้วเขาถึงจะกลับมา พอเช้าวันต่อมาก็ตื่นแต่เช้าตรู่ แม้ว่าจะตื่นแล้วแต่เขาก็เอาแต่จ้องหน้าคอมพิวเตอร์ไม่หยุด
เธอรู้ว่าช่วงนี้เขายุ่งมากยุ่งจนไม่มีเวลาอยู่กับเธอ แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรมากนัก เธอรู้ว่าเขากลัวว่าเธอจะกังวล ดังนั้นจึงไม่ถามไปเลย
ยังไงซะตัวเองก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าถามไปก็กังวลเสียเปล่า สู้ดูแลเอาใจใส่เขามากขึ้น พยายามไม่เป็นตัวถ่วงรั้งเขาไว้
“คิดอะไรอยู่? ถึงได้เหม่อขนาดนี้ ฉันอยู่ตรงนี้นานแล้วก็ไม่เห็น”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหลังเจียงสื้อสื้อ จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่จิ้นเฟิงเฉิน?
เธอไม่คิดว่าในเวลาแบบนี้เขาจะมีเวลามาหาจึงอดที่จะพูดด้วยความดีใจไม่ได้ว่า “นายมาได้ยังไง? ไม่ยุ่งหรอ?”
เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกเศร้าในใจ เขารู้ว่าช่วงนี้เขายุ่งมาก จึงค่อนข้างมองข้ามเธอไป
แต่ตอนนี้เขาพูดความรู้สึกลึกๆของตัวเองออกมาเบาๆว่า “ฉันคิดถึงเธอเลยมาหา”
พอพูดจบก็ยื่นกาแฟที่เพิ่งชงมาให้วางไว้บนโต๊ะ
เมื่อเห็นการกระทำเล็กๆน้อยๆของเขา หัวใจของเจียงสื้อสื้อก็เต้น เธอซึ้งใจสุดๆ
เจียงสื้อสื้อจิบกาแฟ พบว่ามันไม่ใช่กาแฟสำเร็จรูป แต่เป็นกาแฟสดที่เพิ่งบด เธอรู้สึกประหลาดใจ “กาแฟสดจริงๆด้วย นายยุ่งมากขนาดนี้ยังมีเวลาชงกาแฟให้ฉันอีก”
รสชาติของกาแฟสดบดให้ความรู้สึกที่แตกต่าง ไม่ต้องพูดถึงที่จิ้นเฟิงเฉินปลีกเวลามาชงมันด้วยตัวเองอีก ดังนั้นเจียงสื้อสื้อจึงรู้ว่ากาแฟแก้วนี้รสชาติดีเป็นพิเศษ
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไรจึงพูดต่อว่า “ขอโทษนะสื้อสื้อ ช่วงนี้มีเรื่องมากมายเหลือเกิน ฉันเลยยุ่งมาก ไม่มีเวลาอยู่กับเธอเลย แต่เธอไม่ต้องกังวลไปนะ หลังจากจบเรื่องนี้ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอนานๆเลย”
สำหรับเรื่องนี้เจียงสื้อสื้อไม่รู้สึกแย่อะไรจึงพูดตามตรงว่า “ฉันรู้ว่าช่วงนี้นายยุ่ง นายเป็นประธานของจิ้นกรุ๊ป ยิ่งตำแหน่งสูงเท่าไหร่ความรับผิดชอบก็ยิ่งมากขึ้น ฉันเข้าใจ ตราบใดที่นายยังสบายดีไม่เป็นอะไร อย่าอื่นก็ไม่สำคัญแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินใจเต้นจึงหอมแก้มเธอทีนึง
ยัยไงซะตอนนี้ก็อยู่ในบริษัท เจียงสื้อสื้อเขินจนหน้าแดง
คนอื่นๆในแผนกมองพวกเขาหวานใส่กันเหมือนว่าฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น