ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 414 รุม!
บทที่ 414 รุม!
แม้ว่าเขาจะเดาได้ว่าคนเหล่านี้เป็นใครมาจากไหน แต่ก็ยังถามออกไปว่า “พวกคุณเป็นใคร?”
“พวกเราจะเป็นใครไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือรีบมอบพินัยกรรมฉบับนั้นออกมาซะ ไม่อย่างนั้นอย่าหวังว่าจะรอดชีวิตออกไปจากที่นี่ได้!” ชายคนนั้นพูดประโยคนี้ออกมา บรรยากาศรอบๆตัวเขาช่างเยือกเย็น
ทนายความพูดออกไปว่า พวกคุณฝันไปเถอะ!”
ชายคนนั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะหัวแข็งขนาดนี้ แม้แต่ถูกหลายๆคนรุมล้อมไว้ก็ยังไม่รู้สึกกลัว
ในตอนนี้ชายคนนั้นไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปจึงตะโกนว่า “นี่ไอ้แก่!ฉันขอเตือนแกดีๆนะ เมื่อถึงเวลาแล้วฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแกจะมีสภาพอย่างไร!”
“จะฆ่าจะแกงก็เข้ามาเถอะ แต่เรื่องพินัยกรรมนั่นไม่มีทาง!” อย่างไรก็ดีตัวเขาเองก็อายุมากแล้ว เขาได้ใช้ชีวิตมาอย่างพอเพียง
ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น คนเหล่านี้ต้องเข้าไปอยู่ในคุกก็คงจะเป็นทางเลือกที่ไม่เลว
พวกเขามองหน้ากันแล้วพูดออกมาว่า “รุม!”
หลังจากพูดจบพวกเขาก็เดินเข้ามาเตรียมที่จะทำการต่อสู้
พวกเขาทั้งหมดเป็นชายหนุ่มที่มีร่างกายกำยำ ทนายความแก่ๆคนนี้เป็นเพียงนักวิชาการที่อ่อนแออีกทั้งอายุก็มาก หากจะลงไม้ลงมือกันจริงๆคาดว่าคงใช้เวลาไม่นานทนายความก็คงจะตายแล้ว
ทันใดนั้นเอง กู้เนี่ยนได้พาคนกลุ่มหนึ่งตรงเข้ามา ยังดีที่เขามาทันเวลาคนพวกนั้นเพิ่งจะเริ่มลงมือ
คนที่กู้เนี่ยนพามานั้น เข้าไปจัดการพวกชายที่รุมทำร้ายทนายความ ทั้งสองฝ่ายเริ่มลงมือต่อสู้กัน
ทนายความคนนั้นมองดูเหตุการณ์วุ่นวายต่อหน้า เขาไม่ได้วิ่งหนีไปอย่างใดแต่ยืนรอดู
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขามั่นใจในตัวกู้เนี่ยนอย่างอธิบายไม่ถูก แต่รู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้มีจิตใจที่งดงามและเขาก็มีความสามารถมากเช่นกัน
ความรู้สึกของเขาถูกต้องแล้ว กู้เนี่ยนมีความสามารถด้านการต่อสู้ ผ่านไปเพียงชั่วครู่คนเหล่านั้นก็ถูกกำราบสิ้น
ผลการต่อสู้แพ้ชนะออกมาในไม่ช้า
มีเพียงบางคนที่หลบหนีไป กู้เนี่ยนยืนยิ้มและมองจนพวกเขาลับตา
ทนายความรีบเดินหน้าขึ้นมากล่าวว่า “ขอบใจมากพ่อหนุ่ม!”
กู้เนี่ยนรีบตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไรครับ นี่คือสิ่งที่ผมควรทำ พวกเราจะส่งคุณกลับไป”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ทนายความก็รู้สึกว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้เกี่ยวข้องกับเจียงสื้อสื้ออย่างแน่นอน และอาจจะเป็นคนที่เจียงสื้อสื้อส่งมาก็ได้
แต่ในใจเขาก็คิดว่า ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ ชายหนุ่มคนนี้ก็ได้ช่วยเขาไว้
เมื่อส่งทนายความกลับบ้านไปแล้ว พวกเขาจึงได้เดินทางแยกย้ายกัน
……
ในคืนนั้นเอง
ข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆอย่างจิ้นเฟิงเฉินและเจียงสื้อสื้อ ทั้งสองคนออกไปฮันนีมูนอย่างโรแมนติก
เขาพาเจียงสื้อสื้อออกจากบ้านไปก่อนมื้อค่ำ
เจียงสื้อสื้อถามขึ้นว่า “พวกเราจะไปไหนกันคะ?”
“ไปฉลองไงครับ ขอโทษด้วยงานแต่งงานจัดค่อนข้างเร่งรีบ ตอนนี้ผมไม่อาจให้คุณได้มากกว่านี้ พวกเรากินข้าวฉลองกันสักมื้อ หลังจากนั้นรอให้เรื่องเล็กๆน้อยๆจัดการจบลง แล้วพวกเราค่อยจัดงานแต่งให้สมเกียรตินะครับ เมื่อถึงเวลานั้นผมจะประกาศให้คนทั่วโลกรับรู้ว่าคุณคือผู้หญิงของจิ้นเฟิงเฉิน”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า ที่จริงงานแต่งงานใหญ่โตสำหรับเธอนั้นไม่จำเป็นเลย เพียงแค่เขาอยู่ข้างๆเธอก็เพียงพอแล้ว
จิ้นเฟิงเฉินลูบศีรษะเธอและดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถยนต์ก็ได้หยุดลง
จิ้นเฟิงเฉินพาเจียงสื้อสื้อเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
เป็นร้านอาหารติดชายทะเล ลมทะเลพัดมาเบาๆสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของทะเล ประกอบกับอาหารค่ำใต้แสงเทียนที่จิ้นเฟิงเฉินเตรียมไว้ให้กับเธอ ช่างให้โรแมนติกยิ่งนัก
เพียงแต่ว่าตอนนี้เจียงสื้อสื้อรู้สึกหิวมาก เธอไม่ได้ใส่ใจกับบรรยากาศรอบโต๊ะเท่าไหร่นัก เธอจับจ้องไปยังอาหารอันโอชะที่วางอยู่บนโต๊ะ
เมื่อเห็นว่าเธอรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย จิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็พาเจียงสื้อสื้อจูงมือเดินเล่นที่ชายทะเล เม็ดทรายที่ชายหาดยังคงเก็บความอบอุ่นของแสงอาทิตย์เอาไว้ ทำให้ไม่เย็นจนเกินไป
เจียงสื้อสื้อเดินเท้าเปล่าอยู่บนชายหาดนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็เช่นกัน ทั้งสองทิ้งรอยเท้าเอาไว้บนหาดทราย
ภายใต้แสงจันทร์ทำให้เจียงสื้อสื้อดูอ่อนโยนไม่น้อย……
ทั้งสองเดินไปสักพัก จิ้นเฟิงเฉินก็หยุดฝีเท้าลง เจียงสื้อสื้อมองไปทางเขาอย่างสงสัย
เธอเห็นจิ้นเฟิงเฉินหยิบกล่องไม้ออกมาจากกระเป๋าและเปิดออก ด้านในเป็นแหวนเพชรส่องประกาย
จิ้นเฟิงเฉินตกตะลึงเมื่อเห็นเขาทำท่าทางเช่นนั้น
“สื้อสื้อครับ แหวนวงนี้เดิมทีผมจะมอบให้คุณตอนขอคุณแต่งงาน แต่ตอนนั้นมันยังทำไม่เสร็จถึงทำให้ล่าช้า ผมคิดว่าคุณจะชอบมัน!”
จิ้นเฟิงเฉินพูดจบก็สวมแหวนไปที่นิ้วของเจียงสื้อสื้อ ขนาดพอดีมือ
“แหวนวงนี้จะมัดใจคุณไว้ตลอดไป” เจียงสื้อสื้อพูดด้วยท่าทางเขินอาย
“แน่นอนครับ” จิ้นเฟิงเฉินพูด
แววตาของทั้งคู่ประสานกัน จิ้นเฟิงเฉินมองเห็นริมฝีปากเรียวบางของเจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะจุมพิตลงไป
เจียงสื้อสื้อตอบสนองกับจูบของเขาอย่างเชื่องช้า ตอนนี้จูบเขาช่างแสนหวาน เธอไม่อาจถอนตัวจากชายคนนี้ได้เลยจริงๆ
ในขณะเดียวกันนี้ จื่อเฟิงกำลังนั่งดื่มอยู่ในบาร์ด้วยความรู้สึกแย่
เธอรู้ว่าในวันนี้เขาไปจดทะเบียนสมรสและก็รับรู้ว่านับจากนี้เป็นต้นไป ผู้หญิงที่จะเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของเขา ไม่ใช่เธออีกต่อไป
เมื่อเหล้าเข้าสู่ท้องทำให้ร้อนผ่าว แต่จื่อเฟิงไม่รู้สึกอะไรสักน้อย ความเจ็บปวดนี้เทียบไม่ได้กับความรู้สึกของเธอเลย
“พอแล้วจื่อเฟิง คุณดื่มเยอะไปแล้วนะ ร่างกายคุณจะรับไม่ไหว” เห้อซูหานแย่งแก้วเหล้าในมือของเธอไปแล้ววางไว้ข้างๆ
เขารู้ดีว่าตอนนี้จื่อเฟิงเจ็บปวดขนาดไหน แต่เขาก็ไม่อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้
เขาเป็นหัวหน้าของทุกคน เขาไม่ควรมีความรู้สึกส่วนตัวกับพนักงานคนใด
“เอาเหล้าฉันคืนมานะ!” จื่อเฟิงยื่นมือไปคว้าแก้วเหล้าแล้วกระดกดื่มหมดภายในอึกเดียว
ต่อให้เธอเป็นอย่างนี้แล้วทำไมล่ะ?เขาก็ไม่ได้เห็นใจเธอจริงๆสักหน่อย ในสายตาของเขามีเพียงเจียงสื้อสื้อเท่านั้น!
เมื่อเห็นสภาพเธอเป็นแบบนี้ เห้อซูหานก็ถอนหายใจออกมา
“อย่าไปยึดติดมากนัก ต่อจากนี้ก็พยายามทำใจ เขาไม่ใช่ของคุณ!”
คำพูดของเห้อซูหาน เธอไม่เข้าใจมากนัก จื่อเฟิงหันไปมองแล้วพูดกับเขาว่า “ทำไมเขาถึงชอบผู้หญิงแบบนั้นกัน! ผู้หญิงแบบนั้นนอกจากจะคอยสร้างปัญหาแล้วทำอะไรเป็นอีก!?”
“ไม่เข้าใจ!ไม่เข้าใจเลยจริงๆ……”
เห้อซูหานได้ยินดังนั้นก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “เรื่องของความรู้สึกน่ะ ไม่มีใครอธิบายได้ชัดเจนหรอก คุณควรละสายตาจากท่านประธานและมองไปรอบๆบ้าง อาจจะมีคนดีๆรอคุณอยู่ก็ได้!”
ป๋ายหลี่มองไปที่เธอ เขาแอบชอบจื่อเฟิงมานานแล้ว แต่ในสายตาของจื่อเฟิงมีเพียงจิ้นเฟิงเฉินคนเดียวเท่านั้น มักมองข้ามตัวตนของเขาไป
เขาสามารถละทิ้งทุกอย่างเพื่อเธอได้และยอมมอบให้แม้กระทั่งชีวิตของเขาเอง แต่ในสายตาเธอสิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ใดๆ
เมื่อคิดได้ดังนั้นป๋ายหลี่ก็ได้แต่ดื่มเหล้าเข้าไปเพื่อให้ความรู้สึกของตนเองเย็นชา