ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 420 สับสน
บทที่ 420 สับสน
เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นถูกจับกุมตัว จิ้นเฟิงเหราก็ตะโกนออกมาว่า “พวกคุณยืนทำบ้าอะไรกัน รีบเข้ามาช่วยเร็วเข้า!”
แพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงได้สติกลับคืนมาและรีบวิ่งเข้าไปดึงพวกเขาขึ้นไป
หากช้าไปกว่านี้เกรงว่าคนที่จะเป็นอันตรายคงไม่ใช่เจียงสื้อสื้อแค่คนเดียว
ตรงกลางมีส้งหวั่นชีงที่จับเจียงสื้อสื้อเอาไว้ และจิ้นเฟิงเหราได้ดึงตัวเธอเอาไว้ หน้าเขาขาวซีด
เมื่อเท้าของเจียงสื้อสื้อได้กลับมาเหยียบบนพื้นอีกครั้งหนึ่ง เธอก็หายใจอย่างโล่งอก ขาของเธออ่อนล้าและลงไปนั่งพับอยู่ที่พื้น
จิ้นเฟิงเฉินวิ่งเข้ามาทันและกอดเธอไว้ในอ้อมอก
แรงของจิ้นเฟิงเฉินคล้ายกับจะฝังเธอเข้ามาในร่างกายของเขา
มือของเขาสั่นเทา ไม่มีใครรู้หรอกว่าเมื่อสักครู่เขาตกใจกลัวมากเพียงใดที่เห็นเจียงสื้อสื้อลอยอยู่ท่ามกลางอากาศอย่างนั้น ใจของเขาตกลงไปที่ตาตุ่ม
แต่เบื้องบนก็ไม่ได้ใจร้ายกับเขามากนัก จึงไม่ได้พรากเจียงสื้อสื้อไปจากเขา
ร่างบอบบางในอ้อมแขนของเขาเหงื่อตกเต็มหน้าผาก ริมฝีปากของเธอเริ่มเป็นสีม่วง
จิ้นเฟิงเฉินถอดเสื้อคลุมของตนเองออกและคลุมให้เธอ มือทั้งสองยังจับมือเล็กๆของเธอเอาไว้หวังว่าจะลดความกลัวในใจของเธอได้บ้าง
เมื่อเจียงสื้อสื้อเริ่มอบอุ่นขึ้นมาบ้างแล้ว จิ้นเฟิงเฉินจึงได้อุ้มเธอลงไป
หลังจากตรวจสอบร่างกายคุณหมอรายงานว่า “คุณหนูเจียงไม่เป็นอะไรแล้วครับ เพียงแต่ได้รับความสะเทือนทางจิตใจจากเมื่อสักครู่ พักผ่อนสัก 2-3 วันก็หาย”
จิ้นเฟิงเฉินจึงได้วางใจ และสีหน้าเจียงสื้อสื้อก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว
หลังออกมาจากห้องทำงาน เขาก็ประคองเจียงสื้อสื้อมานั่งที่เก้าอี้และคุกเข่าลงไปช่วยเธอถอดถุงเท้ารองเท้า เขากุมเท้าเธอเอาไว้เพื่อให้ความอบอุ่น
จากนั้นหยิบถุงน้ำร้อนออกมาใส่ไว้ในมือเธอ
ไม่นานต่อมาเจียงสื้อสื้อก็รู้สึกว่าร่างกายของเธออบอุ่นมากขึ้น ขาของเธอก็เริ่มมีแรงและนึกถึงส้งหวั่นชีง
ตอนที่ตนกำลังจะตกลงไปนั้นส้งหวั่นชีงได้คว้าเธอเอาไว้อย่างไม่คิดชีวิต ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป
เธอมองดูจิ้นเฟิงเฉินแล้วพูดว่า “เฟิงเฉินคะ พวกเราไปดูส้งหวั่นชีงกันเถอะ เมื่อสักครู่ถ้าไม่มีเธอ ตอนนี้ฉันคงจะ……”
คำพูดต่อจากนั้นเธอไม่ได้พูดมันออกมา แต่จิ้นเฟิงเฉินก็เข้าใจความหมายของเธอดี จึงได้พยักหน้า
หลังจากสอบถามคุณหมอจึงได้รู้ว่าเธออยู่ห้องผู้ป่วยจิ้นเฟิงเหรา ทั้งสองจึงเดินไปด้วยกัน
เมื่อเปิดประตูออกก็พบว่าจิ้นเฟิงเหรานั่งหน้าเขียวอยู่บนเตียง โดยมีส้งหวั่นชีงทำงานอยู่ข้างๆเขา
เจียงสื้อสื้อเดินมาหยุดที่ตรงข้างๆส้งหวั่นชีง เธอเอื้อมมือออกไปและพูดว่า “ขอบคุณจริงๆที่ช่วยฉันไว้ ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี……”
“พี่สื้อสื้อคะ ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ฉันควรจะทำมันอยู่แล้ว เมื่อสักครู่ประมาทเกินไปไม่รู้จะทำอย่างไร โชคดีที่พี่ไม่เป็นอะไรไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ให้อภัยตัวเอง!”
“คุณส้งหวั่นชีงครับ ต่อไปนี้หากมีเรื่องอะไรให้บอกผมได้โดยตรงผม จะช่วยเหลือคุณเต็มที่ นี่คือนามบัตรส่วนตัวของผม”
เมื่อพูดจบจิ้นเฟิงเฉินก็หยิบนามบัตรใบหนึ่งส่งให้ส้งหวั่นชีง
ส้งหวั่นชีงรีบพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณจิ้น ไม่ต้องทำอย่างนี้หรอก การที่ฉันเข้าไปช่วยพี่สื้อสื้อไว้เป็นเรื่องที่ฉันเต็มใจและไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทน”
พูดจบแววตาของส้งหวั่นชีงก็สื่อออกมาถึงความจริงใจ ทำให้เจียงสื้อสื้อรู้สึกซาบซึ้งมาก
ปัจจุบันหญิงสาวที่มีหัวใจบริสุทธิ์อย่างนี้น้อยลงไปเต็มที……
เมื่อเห็นท่าทีของเธอ จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แม้ว่าเธอจะไม่ต้องการอะไร แต่เขาก็จะจดจำไว้ในใจ
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าจิ้นเฟิงเหราก็อยู่ในที่นี้ด้วย จิ้นเฟิงเฉินจึงหันไปถามว่า “เป็นอะไรไหม?”
“ไม่เป็นไรครับ!” จิ้นเฟิงเหราตอบกลับด้วยสีหน้าไม่ดีนัก
ทุกคนมองไปที่เขาด้วยความไม่เข้าใจ ในเมื่อทุกคนปลอดภัยดี ทำไมเขาถึงยังทำท่าทางแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถาม
“อย่างนั้นก็รีบพักผ่อนซะเถอะ ฉันกับพี่สะใภ้จะกลับแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินพาเจียงสื้อสื้อเดินออกไปจากห้อง
เมื่อเดินออกมา เจียงสื้อสื้อก็คว้าข้อมือส้งหวั่นชีงไว้แล้วพูดว่า “ฝากดูแลจิ้นเฟิงเหราด้วยนะ นิสัยเขาก็เป็นแบบนั้นแหละอย่าไปถือสามาก เดี๋ยวพรุ่งนี้ถ้ามีเวลาไปกินข้าวกัน”
“วางใจได้ค่ะพี่สื้อสื้อ ฉันไม่ถือสาคนป่วยหรอก” ส้งหวั่นชีงหัวเราะออกมา
เมื่อส่งพวกเขาจนลับตาแล้วส้งหวั่นชีงก็กลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง
เมื่อเห็นเขายังทำหน้าบูดหน้าบึ้งก็พูดว่า “นี่คุณ ได้เวลาใส่ยาแล้ว!”
คิดไม่ถึงว่าคำพูดของเธอประโยคนี้จะทำให้จิ้นเฟิงเหราโมโหและพูดออกมาว่า “คุณรู้ด้วยเหรอว่าต้องใส่ยาให้ผมน่ะ! แม่งเอ๊ย!ในตอนนั้นคุณไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไงถึงได้กระโดดเข้าไปแบบนั้น? ถ้าผมไม่เข้าไปคว้าคุณไว้คุณรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น!”
เมื่อถูกเขาดุด่าเช่นนี้ ส้งหวั่นชีงก็รู้สึกเสียใจอธิบายไม่ถูก
“ตอนนั้นสถานการณ์คับขันนี่คะ จะให้ฉันเห็นพี่สื้อสื้อตกลงไปต่อหน้าต่อตาหรือไง?ฉันทำไม่ได้หรอก!แล้วคุณมาโมโหใส่ฉันทำไมเนี่ย!”
เดิมทีส้งหวั่นชีงยังรู้สึกว่าตัวเธอทำในเรื่องที่สมควรทำ จิ้นเฟิงเหราควรจะชมเธอถึงจะถูก!
คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาดุด่าต่อว่าเธออย่างนี้ ทำให้เธอรู้สึกอารมณ์เสีย
เรื่องนี้เธอถึงกลายเป็นคนผิดไปได้ยังไงล่ะ? เธอกับเจียงสื้อสื้อมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และเธอเองก็เป็นผู้ดูแลคนไข้
ไม่ว่าใครจะเกิดเหตุการณ์อันตรายใดๆขึ้น เธอก็ต้องเข้ายื่นมือช่วยเหลือโดยไม่ลังเล
เธอหันหลังให้เขาและไม่พูดกับเขาอีก
เมื่อถูกส้งหวั่นชีงโมโหกลับ จิ้นเฟิงเหราก็รู้สึกว่าเขาเองไม่มีเหตุผลเท่าไหร่นัก เนื่องจากเธอก็ทำลงไปด้วยความหวังดีอีกทั้งยังช่วยพี่สะใภ้เขาไว้ด้วย
เมื่อมองดูส้งหวั่นชีง เขาก็รู้สึกว่าตัวเองทำเกินไปที่ได้ด่าทอเธอเมื่อสักครู่ เป็นใครก็คงรับไม่ได้
แต่เนื่องจากความเย่อหยิ่งของตนเอง เขาจึงไม่ยอมก้มหัวรับผิด
ภายในห้องช่างเงียบสงบไม่มีเสียงใดๆออกมา……
จะให้ส้งหวั่นชีงไปขอโทษเขาอย่างนั้นเหรอ?มันเป็นไปไม่ได้แน่ เนื่องจากเธอไม่ได้ทำผิดอะไรนี่!
เมื่อส้งหวั่นชีงนึกถึงประโยคที่เขาพูดกับเธออีกทั้งท่าทีที่มีในตอนนั้นก็ทำให้ยิ่งโมโห
อีกด้านหนึ่งเมื่อจิ้นเฟิงเฉินเดินออกมา พวกเขาก็กำลังจะกลับบ้านแต่พบว่าเลขาเดินเข้ามาพูดว่า
“ท่านประธานครับ ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว เรื่องในวันนี้จะไม่ถูกเผยแพร่ออกไปแม้แต่คำเดียว ผู้ร้ายอยู่ในการดูแลของตำรวจ นี่คือข้อมูลของเธอ”
เมื่อพูดจบเลขาก็ส่งเอกสารให้กับสิ้นฟังเฉยๆ
จิ้นเฟิงเฉินรับมันมาเปิดดู ทำให้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ป่วยทางจิตเลย
และเธอก็ไม่ได้แท้งลูกเช่นกัน ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำให้ทุกคนสับสน
เจียงสื้อสื้อเองก็เห็นเอกสารนี้ และเธอก็งุนงงมาก
เธอกับผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักกันมาก่อน ทำไมถึงจะต้องฆ่าเธอด้วย?!