ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 421 ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
บทที่ 421 ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
หลังจากปิดแฟ้มข้อมูล เจียงสื้อสื้อคิดอยู่สักพัก พลางกล่าวว่า “ผู้หญิงคนนั้นน่าจะบุกมาหาฉัน ตอนอยู่บนดาดฟ้าหล่อนเคยบอกว่าอยากจะฆ่าฉันให้ตาย”
สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินมืดครึ้ม ลมหายใจทั่วร่างหนาวเหน็บจนน่าสะพรึง
เกรงว่าเรื่องในครั้งนี้จะไม่ง่ายดายอย่างที่เห็น เบื้องหลังของหญิงเสียสติคนนี้จะต้องมีมือมืดคอยบงการอยู่แน่
แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดจะแตะต้องเขา พวกมันต้องชดใช้อย่างสาสม
“ผมจะส่งคุณกลับไปพักผ่อนก่อน เรื่องที่เหลือผมจัดการเอง” จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างอ่อนโยน
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า เธอช่วยอะไรไม่ได้มากในเรื่องนี้
เมื่อทั้งสองกลับไปถึงบ้าน แม่จิ้นก็รีบเดินมาหาทันที
มองสำรวจเจียงสื้อสื้ออย่างละเอียด ถามอย่างเป็นกังวลว่า “สื้อสื้อ หนูไม่เป็นไรใช่ไหม บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
เมื่อเจียงสื้อสื้อเห็นถึงสายตาที่เป็นห่วงของแม่จิ้น ในใจก็พลันอบอุ่นขึ้นมา ส่ายหัวกล่าวว่า “แม่คะ หนูไม่เป็นไรค่ะ”
แม่จิ้นถึงหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จูงมือเจียงสื้อสื้อพาไปนั่งลงบนโซฟา
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ตอนที่เฟิงเฉินโทรมาบอกว่าหนูเกิดเรื่อง ทำเอาแม่ตกใจแทบแย่ โชคดีที่พระโพธิสัตว์คุ้มครอง ถึงได้ทำให้หนูกลับมาอย่างปลอดภัย”
แม่จิ้นเห็นว่าสีหน้าของเจียงสื้อสื้อยังดูไม่สู้ดีนัก จึงอดบ่นไม่ได้ว่า “ต่อไปอย่าออกไปไหนคนเดียวอีก หากเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ แล้วพวกเราจะทำยังไง
หากจะออกไปข้างนอกอีกล่ะก็ หนูต้องเรียกผู้คุ้มกันไปด้วยอีกสองสามคนเพื่อปกป้องความปลอดภัยของหนู”
เมื่อฟังคำบ่นของแม่จิ้นจบ เจียงสื้อสื้อก็รีบจับมือแม่จิ้นไว้ กล่าวอย่างคล้ายเอาใจว่า “แม่คะ วางใจเถอะ ต่อไปหนูจะดูแลตัวเองให้ดี หนูรับรองว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง”
พูดพร้อมทำมือเป็นท่าสาบาน ถูกท่าทางของเธอทำให้หัวเราะ แม่จิ้นจึงไม่พูดบ่นอะไรอีก
กวาดสายตามองไปรอบๆ เจียงสื้อสื้อไม่พบเงาร่างของเสี่ยวเป่า จึงเอ่ยปากถามว่า “จริงสิ แม่คะ เสี่ยวเป่าล่ะ ทำไมหนูไม่เห็นเขาเลย”
แม่จิ้นผ่าแอปเปิลส่งให้เจียงสื้อสื้อกล่าวว่า “พ่อของหนูพาเขาออกไปเดินเล่น น่าจะใกล้กลับมาแล้วล่ะ เมื่อไหร่ที่เขาออกไปกับพ่อของหนู หากเสี่ยวเป่าไม่เล่นจนหนำใจ เขาไม่มีทางกลับมาหรอก”
เวลานี้ จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยปากขัดจังหวะการสนทนาระหว่างทั้งสอง
“เอาล่ะ แม่ครับ วันนี้สื้อสื้อได้รับความตกใจอย่างมาก แม่อยู่เป็นเพื่อนคุยกับสื้อสื้อไปก่อน ผมต้องออกไปจัดการธุระบางอย่าง”
แม่จิ้นได้ยินก็พยักหน้า
“ลูกไปเถอะ ทางสื้อสื้อมีแม่อยู่ แต่จำไว้ว่าต้องระวังตัวให้ดี”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า จูบที่แก้มเจียงสื้อสื้อแล้วจากไป
จิ้นเฟิงเฉินเพิ่งออกจากบ้านไปไม่นาน พ่อจิ้นก็พาเสี่ยวเป่ากลับมา
พอเสี่ยวเป่าเห็นเงาด้านหลังของเจียงสื้อสื้อ ก็พุ่งเข้าหาเธอทันที
“หม่ามี๊ ทำไมเพิ่งกลับมา ผมรออยู่ที่บ้านตั้งนานก็ไม่เห็นเลย”
พอเสี่ยวเป่าพูดจบ ก็เชิดริมฝีปากขึ้นสูง ทำท่าทางโกรธเคือง
พอเจียงสื้อสื้อเห็นก็รีบกอดเขาไว้ในอ้อมแขนทันที พลางกล่าวด้วยท่าทางสำนึกผิด “ขอโทษนะเสี่ยวเป่า วันนี้เป็นความผิดของหม่ามี๊เอง ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว หม่ามี๊จะอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวเป่าตลอดไปเลย”
“เด็กคนนี้ติดแม่มาก โตขึ้นมาจะทำยังไง ระวังจะหาเมียไม่ได้นะ” แม่จิ้นพูดจบก็จิ้มไปที่จมูกของเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่าพุ่งใส่แม่จิ้นทำหน้าทะเล้นกล่าวว่า “อนาคตผมจะไม่แต่งเมีย ผมจะแต่งงานกับหม่ามี๊ ทำแบบนี้จะได้ไม่ต้องแยกจากหม่ามี๊”
คำพูดของเสี่ยวเป่าทำให้คนทั้งหลายพากันหัวเราะ เมื่อหัวเราะเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็พูดกับเสี่ยวเป่าอย่างจริงจังว่า “หม่ามี๊แต่งงานกับเสี่ยวเป่าไม่ได้หรอกค่ะ อนาคตเสี่ยวเป่าจะต้องมีครอบครัวของตัวเอง”
พอเสี่ยวเป่าได้ยินก็ทำปากจู๋ พลางพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “งั้นก็ได้ ในเมื่อหม่ามี๊ไม่ยอม ผมก็จะไม่ฝืนใจครับ”
แต่เพียงไม่นานเขาก็จับมือของเจียงสื้อสื้ออย่างออดอ้อน พลางพูดว่า “ผมอยากให้หม่ามี๊เล่นเป็นเพื่อนผม นานมากแล้วที่หม่ามี๊ไม่ได้เล่นกับผม”
เจียงสื้อสื้อยิ้มพลางลุกขึ้น พูดกับพ่อจิ้นแม่จิ้นว่า “แม่คะ พ่อคะ งั้นหนูขึ้นไปข้างบนกับเสี่ยวเป่าก่อนนะคะ”
“อืม ไปเถอะ”
มองเงาร่างเจียงสื้อสื้ออุ้มเสี่ยวเป่าเดินจากไป แม่จิ้นก็อดถอนหายใจไม่ได้
“ทำไมหรือ รู้สึกเสียดายนิดหน่อยใช่ไหม” พ่อจิ้นดื่มชาพลางถามว่า
เป็นสามีภรรยากับแม่จิ้นมานานหลายปีขนาดนี้ การแสดงออกและการกระทำของแม่จิ้น พ่อจิ้นล้วนเข้าใจราวกับเป็นนิ้วมือของตนเอง เวลานี้เขาย่อมเดาความคิดของแม่จิ้นออก
“ใช่ค่ะ คุณว่าหากเสี่ยวเป่าเป็นลูกของสื้อสื้อจริง นั่นจะดีแค่ไหนกันนะ แต่……”
พอพูดถึงตรงนี้ดวงตาของแม่จิ้นก็เต็มไปด้วยความเสียดาย
เมื่อเห็นเช่นนี้พ่อจิ้นก็ตบบ่าแม่จิ้น พลางพูดเกลี้ยกล่อมว่า “ยายเฒ่า คุณอย่าคิดมากนักเลย ตั้งแต่เสี่ยวเป่าอยู่กับสื้อสื้อ ก็กลายเป็นเด็กไร้เดียงสาคนหนึ่งไปแล้วจริงๆ คำพูดของเธอเขาก็เชื่อฟังอย่างดี อีกอย่างความรักที่สื้อสื้อมีให้เสี่ยวเป่า พวกเราก็เห็นด้วยตาแล้วนี่ คุณว่าเรื่องอื่นๆ ยังจะสำคัญอีกเหรอ”
คำพูดของพ่อจิ้นใช่ว่าแม่จิ้นจะไม่รู้ เพียงแต่เรื่องนี้มักทำให้เธอปวดใจอยู่เสมอ
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่จิ้นเฟิงเฉินออกจากบ้าน ก็ตรงไปที่สถานีตำรวจ
ผู้ช่วยเข้ามารายงานว่า “ท่านประธาน ผู้หญิงคนนี้ยังไม่ถูกปล่อยตัว เธอพูดตลอดว่าที่ลงมือกับคุณหญิงเป็นความคิดของเธอเอง ไม่ได้มีใครบงการ”
จิ้นเฟิงเฉินคำรามออกมาอย่างเย็นชา เธอก็แค่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาเท่านั้นเอง
คนที่อยู่เบื้องหลังเธอจะต้องให้ผลประโยชน์กับเธอมากพอ ถึงได้ทำให้เธอเก็บงำความลับนี้ไว้อย่างมิดชิด
ความโลภของคนไม่มีที่สิ้นสุด ขอเพียงเขาเสนอเงื่อนไขที่สูงกว่า จิ้นเฟิงเฉินไม่เชื่อว่าเธอจะยังปิดปากเงียบให้กับคนแปลกหน้าคนหนึ่งอีก
จิ้นเฟิงเฉินโบกมือ ผู้ช่วยจึงรีบเดินเข้าไปหา
“สืบพบข้อมูลของเธอหรือยัง”
พอผู้ช่วยได้ยินก็ยื่นแฟ้มเอกสารใส่มือจิ้นเฟิงเฉิน พลางกล่าวว่า “สืบพบแล้วครับ ผู้หญิงคนนี้เคยเป็นนักค้ามนุษย์มาก่อน ที่บ้านขาดแคลนเงิน
ตอนนี้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ยังมีลูกชายอีกคนที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ก่อนจะเสียชีวิตรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายคนเดียวของเธอ จึงสำนึกผิด อยากจะทิ้งเงินส่วนหนึ่งไว้ให้ลูกชายของเธอบ้าง”
เมื่ออ่านเนื้อหาในเอกสาร มุมปากของจิ้นเฟิงเฉินก็เหยียดยิ้มเย็น คิดว่าว่าลูกชายของเธอก็คือสิ่งเดียวที่เธอห่วงใย แบบนี้เรื่องทุกอย่างก็จัดการง่ายขึ้น
หลังจากปิดแฟ้มเอกสาร จิ้นเฟิงเฉินก็ถามว่า “ผู้หญิงคนนั้นตอนนี้อยู่ที่ไหน? ”
“อยู่ในห้องสอบปากคำครับ ผู้อำนวยการ บอกว่าถ้าคุณจะสอบปากคำด้วยตัวเอง เขาจะปิดกล้องวงจรปิดและเครื่องบันทึกเสียงในห้อง” ผู้ช่วยตอบ
“ฝากขอบคุณ ผู้อำนวยการ แทนฉันด้วย”
เมื่อจิ้นเฟิงเฉินพูดจบ ก็มีนายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา ส่งสัญญาณว่า ผู้อำนวยการ เป็นคนส่งเขามา ให้พาเขาไปพบผู้หญิงคนนั้น
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า เดินตามนายตำรวจเข้าไป
หลังจากเข้าไปในห้อง ตำรวจก็กดลงไปที่ผนังสองสามครั้ง พบว่าแสงไฟในห้องสอบปากคำมืดลงอย่างมาก
“คุณจิ้น เชิญตามสบายครับ” นายตำรวจพูดเสร็จก็ออกไป
จิ้นเฟิงเฉินนั่งตรงข้ามกับผู้หญิงคนนั้น จ้องมองเธอด้วยสายตาคมกริบ
ทั้งห้องสอบปากคำมีเพียงจิ้นเฟิงเฉินกับเธอแค่สองคน เวลานี้ผู้หญิงกำลังหลับตา ไม่สนใจว่าใครจะเข้ามาหรือออกไปแม้แต่น้อย