ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 423 ไม่ช้าก็เร็วฉันจะฆ่าเธอให้ตาย
บทที่ 423 ไม่ช้าก็เร็วฉันจะฆ่าเธอให้ตาย
เมื่อได้ยินจิ้นเฟิงเฉินเพียงแค่เลิกคิ้ว “ผู้ช่วยของผมสามารถจัดการได้ครับ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ไม่ควรใช้ทรัพยากรสาธารณะ”
จิ้นเฟิงเฉินไม่วางอำนาจเช่นนี้ อยู่เหนือความคาดหมายของตำรวจอย่างมาก
ช่วงเวลาที่วุ่นวายเช่นนี้ ทุกคนต่างก็ยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง
กู้เนี่ยนเพิ่งไปยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก็รีบกลับมาด้วยความเร่งร้อน
เมื่อเห็นเขากลับมา จิ้นเฟิงเฉินก็รีบลุกขึ้นยืนทันที มองไปที่เขาแล้วกล่าวว่า “เป็นยังไงบ้าง พบหรือไม่”
กู้เนี่ยนพยักหน้า แต่สีหน้าของเขายากจะอธิบายเป็นคำพูด
“ทำไมหรือ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ความคิดไม่ดีเกิดขึ้นในใจของจิ้นเฟิงเฉิน หากมีใครมาขัดขวางเรื่องนี้ โดยทำลายหลักฐานไปแล้ว เกรงว่าเรื่องราวคงจะยุ่งยากมากขึ้น
“หลักฐานถูกทำลาย?” เพราะว่าในใจของจิ้นเฟิงเฉินกังวลมากเกินไป จึงอดพูดโพล่งออกมาไม่ได้
กู้เนี่ยนกลัวว่าเขาจะคิดมากเกินไป จึงส่ายหัวพลางหายใจหอบ “เปล่าครับ เพียงแต่คนคนนั้นที่อยู่ในกล้องวงจรปิดผมไม่รู้จักเลย”
เรื่องนี้มันชักจะแปลกๆ
ความสามารถในด้านธุรกิจของกู้เนี่ยนนั้นแข็งแกร่งมาก คนที่จิ้นเฟิงเฉินรู้จักในแวดวงธุรกิจ เขาล้วนจำได้หมดทุกคน
กระทั่งคนตัวเล็กๆ บางคนที่ไม่น่าจดจำ เขาก็ยังจำได้ นับประสาอะไรกับคนที่ทำเรื่องเช่นนี้ออกมา
ทันใดนั้นกู้เนี่ยนก็นึกอะไรบางอย่างออก เขารีบพูดทันที “ผมคัดลอกวิดีโอจากกล้องวงจรปิดมาด้วย คุณดูเองเถอะ”
เวลานี้นายตำรวจที่อยู่อีกด้านก็กระตือรือร้นขึ้นมา รีบพูดทันทีว่า “มีคอมพิวเตอร์อยู่ทางนี้ครับ เอา USB มาให้ผมก็พอ”
อย่างไรนี่ก็เป็นหลักฐานสำคัญ นับว่าเกี่ยวพันใหญ่หลวงในการสืบคดีของพวกเขา พวกเขาต้องให้ความสำคัญอย่างแน่นอน
กู้เนี่ยนรีบส่ง USB ให้แก่เขา หลังจากนั้นไม่นาน หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ปรากฏภาพจากกล้องวงจรปิดขึ้นมา
แม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นในวิดีโอกำลังนั่งรออยู่ในร้านกาแฟ รออยู่สักพักคนร้ายก็เข้าไป
ทั้งสองคุยกันอยู่สักพัก ก็คนร้ายเดินออกมาอย่างมีความสุข
แบบนี้เห็นที ที่คนร้ายพูดมาไม่ได้โกหก มีคนสัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์กับเธอ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจทำเช่นนี้
แต่เป็นใครกันล่ะ ถึงสามารถให้คำสัญญาเช่นนี้ออกมาได้
ในเมื่อไม่รู้จัก แล้วจะมีความแค้นล้ำลึกกับเจียงสื้อสื้อได้อย่างไร
หลังจากดูวิดีโอจบ ตำรวจนายหนึ่งก็รีบพูดขึ้นว่า “คนคนนี้ทำไมผมรู้สึกคุ้นตาอยู่บ้าง”
นายตำรวจคนอื่นๆ ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อยเช่นกัน เอาแต่มองหน้ากันไปมาเป็นเวลานาน
ในที่สุดก็มีคนจำได้ขึ้นมา ตบต้นขา รีบพูดว่า “ผู้หญิงคนนี้มีประวัติอาชญากรรม! และอยู่ในโรงพักของเราด้วย เคยเข้ามาเมื่อปีที่แล้ว”
เมื่อนายตำรวจคนอื่นๆ ได้ยินพวกเขาพูดเช่นนี้ ก็คิดอะไรบางอย่างได้ในทันใด
หนึ่งในพวกเขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว จึงรีบไปค้นแฟ้มคดี
“เจอแล้ว ใช่ผู้หญิงคนนี้จริงๆ ซู๋หย่าหยุน เป็นนักโทษที่ชอบก่อเหตุซ้ำคนหนึ่ง คดีที่ก่อล่าสุดนี้คือเมื่อปีที่แล้ว เธอเข้ามาได้ไม่กี่เดือนเพราะขโมยของ เพิ่งจะออกไปเมื่อต้นปีนี้เอง ผมว่าแล้วเชียวทำไมถึงดูคุ้นตาจัง”
ตอนแรกจิ้นเฟิงเฉินยังรู้ว่าเรื่องนี้พอจะมีเค้าลางขึ้นมาบ้าง แต่ยิ่งฟังนายตำรวจพูดต่อไป เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เพราะว่าหากคนร้ายเป็นผู้ก่อคดีฆาตกรรม ไม่มีทางที่ก่อนหน้านี้จะเข้ามาด้วยเหตุผลเพราะขโมยของ
แววตาของเขาเย็นชาขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้ก็เป็นเพียงนกต่ออีกคนหนึ่ง โดยรับเงินมาจากอีกคนเพื่อรับเคราะห์แทน
ผู้บงการเบื้องหลังตัวจริง เกรงว่าคงจะเป็นคนอื่นเสียแล้ว
เมื่อนายตำรวจเห็นท่าทางเช่นนั้นของเขา ก็พากันตกใจไม่น้อย รีบพูดว่า “คุณชายจิ้นไม่ต้องห่วง นี่เป็นหน้าที่ของเรา เราจะรีบจับกุมคนผู้นี้โดยเร็วที่สุด มอบคำอธิบายให้แก่คุณและภรรยา”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าอย่างเฉยเมย กล่าวคำว่า “ขอบคุณ” แล้วออกจากสถานีตำรวจไป
แม้เขาจะรู้ว่าผู้บงการอยู่เบื้องหลังเป็นคนอื่น แต่จับตัวผู้หญิงคนนั้นมาตอนนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรดี ไม่แน่ว่าข่มขู่กับล่อลวงสักหน่อย อาจจะสาวตัวการออกมาได้ในที่สุด
เพียงแต่ สำหรับจิ้นเฟิงเฉิน เบาะแสแทบจะไม่หลงเหลืออยู่แล้ว อารมณ์ของเขาจึงไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
ดูเหมือนกู้เนี่ยนจะมองทะลุความคิดของเขา จึงถามอย่างลังเลว่า “คุณยังจะให้สืบต่อหรือไม่ครับ? ”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า พูดออกมาเสียงทุ้มต่ำว่า “ฉันจะไปสืบกับนายด้วย จะต้องสาวตัวคนบงการออกมาให้ได้”
น้ำหนักในคำพูดนี้ของเขา กู้เนี่ยนเข้าใจชัดเจนดี เรื่องที่เกี่ยวพันกับเจียงสื้อสื้อ เขาไม่เคยทำอย่างลวกๆ
อีกอย่างครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ร้ายแรงแต่ไม่เป็นอันตราย เกรงว่าคุณหญิงคงจะเสียชีวิตอยู่บนดาดฟ้าของโรงพยาบาลไปแล้ว เรื่องร้ายแรงเช่นนี้ ประธานจิ้นย่อมไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆ แน่
จิ้นเฟิงเฉินแอบคิดกับตัวเองในใจว่า ครั้งนี้หากยังสาวตัวการมือมืดที่อยู่เบื้องหลังออกมาไม่ได้ เขาก็จะไม่ยอมเลิกรา
ไม่อย่างนั้นในอนาคต กระทั่งความปลอดภัยของคนรักของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ แล้วเขายังจะดูแลเธอให้ดีได้ยังไง
ขณะเดียวกันนั้น เจียงนวลนวลที่อยู่ชุดเดรสสวยงามชุดหนึ่ง ก็กำลังยกแก้วไวน์แดงขึ้นมา ละเลียดชิมรสชาติมันอย่างช้าๆ
เธอยังไม่รู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินกำลังสืบเรื่องนี้อยู่
มุมปากของเธอเหยียดเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย หากงานนี้สำเร็จล่ะก็ จะสามารถกำจัดนังตัวดีอย่างเจียงสื้อสื้อไปได้
ต่อให้ไม่สำเร็จ เรื่องก็ไม่มีทางมาพัวพันถึงเธอ
ในฐานะฆาตกรโดยตรง ผู้หญิงคนนั้นได้เข้าไปอยู่ในสถานีตำรวจแล้ว จะต้องหนีไม่พ้นโทษอย่างแน่นอน
และต่อให้พวกเขาสืบหาแค่ไหน ก็ไม่มีทางสืบมาจนถึงตัวเธอ เวลานี้ เธอเองก็นับว่านอนตาหลับได้สักที
สำหรับ ซู๋หย่าหยุน ที่บงการอยู่เบื้องหลังคนนั้น ตอนนี้คงจะหนีออกไปอยู่ต่างประเทศนานแล้ว
ต่อให้ตำรวจอยากจะสืบ ก็เท่ากับงมเข็มในมหาสมุทร ไม่มีทางหาเจอแน่นอน
เจียงนวลนวลเหยียดยิ้มที่มุมปาก ลอบยินดีอยู่ในใจ ราวกับถูกแผนการอันสมบูรณ์แบบทำให้สมปรารถนา
เพียงแต่น่าเสียดาย เจียงสื้อสื้อยังคงไม่ถูกฆ่า
เธอถอนหายใจอยู่ในใจอีกครั้ง ราวกับไม่พอใจอย่างมาก
แต่ว่า……ในดวงตาของเจียงนวลนวลเปล่งประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง กล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “เจียงสื้อสื้อ ไม่ช้าก็เร็วฉันก็จะฆ่าเธอให้ตายอยู่ดี”
ตอนที่เจียงนวลนวลกำลังลอบดีใจอยู่นั้น เสียงของเสิ่นซูหลันก็ดังเข้ามา
“นวลนวล แม่ทำข้าวโอ๊ตต้มให้หนู อยากจะกินหน่อยไหม แม่เข้าไปได้ไหม”
“เข้ามาสิคะ”
เจียงนวลนวลวางแก้วไวน์ในมือลง เดินไปเปิดประตูให้เสิ่นซูหลัน
เมื่อเสิ่นซูหลันเห็นว่าเจียงนวลนวลอารมณ์ไม่เลวนัก จึงถามอย่างหยั่งเชิงว่า “นวลนวลมีเรื่องน่ายินดีอะไรเหรอ”
“แน่นอนสิคะ เจียงสื้อสื้อเธอจบเห่แล้ว คนที่เป็นศัตรูกับหนูไม่มีใครมีจุดจบที่ดีสักคน” เจียงนวลนวลกล่าวด้วยเสียงเย้ยหยัน
เมื่อเห็นเช่นนี้ เสิ่นซูหลันก็รีบกล่าวชื่นชมว่า “แม่รู้ว่านวลนวลของเรา จะต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน
ตอนที่ตาแก่หนังเหนียวยังอยู่ที่บ้านก็คอยให้ท้ายนังสาระเลวนั่นมาตลอด ขนาดตายแล้วยังก่อเรื่องให้ขนาดนี้ นวลนวลของแม่ช่างใจสู้จริงๆ ”
คำพูดของเสิ่นซูหลันเป็นที่พอใจของเจียงนวลนวลอย่างมาก เธอหยิบแก้วไวน์ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาละเลียดจิบไปคำหนึ่ง จากนั้นก็เหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยแววตาชั่วร้าย
ผู้ชาย เงินทอง เธอต้องการแย่งมันมาจากมือของเจียงสื้อสื้อทั้งหมด
จิ้นเฟิงเฉินในเวลานี้ นั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถด้วยอารมณ์ตกต่ำ ยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อสักครู่
เขาอยากจับตัวฆาตกรมาก แต่กลับไร้เบาะแสใดๆ
เขาไม่สามารถให้ความรู้สึกปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่สุดแก่เจียงสื้อสื้อได้ เขาชักจะเริ่มสงสัยตัวเองขึ้นมาเป็นครั้งแรกแล้วสิ