ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 441 ไปทำลูก
บทที่ 441 ไปทำลูก
“เลิกงานหรือยัง ฉันอยู่ชั้นล่างของบริษัทคุณ ต้องการจะเลี้ยงข้าวคุณ ”
ที่นั่นเงียบไปหนึ่งวินาที ตามมาด้วยเสียงลุกขึ้นของจิ้นเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้อยิ้มเบา ๆ พูดว่า“ ไม่ต้องรีบร้อน ฉันรอคุณ”
หลังห้านาทีจิ้นเฟิงเฉินก็ปรากฏตัวที่ปากประตูของบริษัท
เขามองและเดินตรงมาทางรถของเจียงสื้อสื้อ
ไหล่กว้างเอาแคบ ขาใหญ่ยาวใส่ชุดสูทกระชับห่อหุ้มรูปร่างที่กำยำ ที่มีออร่าที่เต็มเปี่ยม
เจียงสื้อสื้อพอใจมากที่สุด เปิดกระจกรถแล้วมองประเมินทั้งตัวของจิ้นเฟิงเฉินด้วยแววตาที่ไม่อาย
เหมือนกับพวกลามกอย่างนั้น ที่แถบจะน้ำลายหก
“คุณจิ้นรูปร่างดีจริง”เจียงสื้อสื้อพูดด้วยสายตาที่ลามก
แววตาที่เปิดเผยนั่นของจิ้นเฟิงเฉินมองเขาอย่างลึกเข้าไป เหมือนวินาทีต่อมาก็จะสามารถเอาเจียงสื้อสื้อเปลือยกายได้
เขารู้สึกตัวได้จึงพูดว่า “ล้อเล่น คุณมานั่งข้างคนขับ วันนี้ฉันพาคุณไปกินข้าว”
จิ้นเฟิงเฉินเพยิอมุมปากเบา ๆ เดินอ้อมหัวรถแล้วเปิดประตูรถนั่งลงด้านข้างคนขับ
“ทำไมวันนี้คิดที่จะเลี้ยงข้าวผมขึ้นมา?”
จิ้นเฟิงเฉินถามเขาไปรัดเข็มขัดนิรภัยไป นิ้วมือเรียวขาวที่มีเสน่ห์ได้ปัดผ่านมา
เจียงสื้อสื้อได้ยินแล้วกระดกคิ้วพูดว่า“กลัวว่าฉันเลี้ยงไม่ไหว หรือกลัวว่าฉันจะเลี้ยงข้าวข้างทาง?”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ แค่สื้อสื้อเลี้ยงถึงแม้จะเป็นข้างทาง เขาก็กินได้อย่างไม่กระพริบตา
พอใจกับท่าทางของเขา เจียงสื้อสื้อพูดตาหยี่ว่า“ วางใจเถอะ ไม่ทำให้คุณหิวหรอก ถึงแม้ฉันไม่ได้มีเงินเท่าคุณ แต่ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นเศรษฐีเล็ก ๆ ได้แล้ว ข้าวมือเดียวยังไงก็เลี้ยงไหวอยู่แล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินจ้องมองเขาอย่างตาไม่กระพริบแล้วพูดว่า“คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้”
“รู้สิ ฉันแค่ล้อเล่นกับคุณเท่านั้น”เจียงสื้อสื้อพูดอย่างตรงไปตรงมา
เขาสตาร์ทรถ ทั้งสองคนพูดคุยกัน ไม่นานก็ถึงจุดหมายปลายทาง
หลังจากจอดรถที่ลานจอดรถชั้นล่างแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ได้พาจิ้นเฟิงเฉินมาที่ชั้นดาดฟ้าของตึก
คิดไม่ถึงว่าเขาจะจองร้านอาหารสวยลอยฟ้าที่ไม่มีที่นั่ง
พนักงานบริการมาแล้วพาพวกเขาไปที่นั่ง หลังจากนั้นก็ส่งเมนูอาหารให้
“ฉันจองล่วงหน้ามาสองเดือน ร้านนี้จองยากมากจริง ๆ ”เจียงสื้อสื้อพูดอย่างถอนหายใจ
แต่ว่าจองยากก็มีข้อดีของการจองยาก จากตำแหน่งที่พวกเขานั่งมองไปข้างนอกก็สามารถมองเห็นวิวในยามค่ำคืนของเมืองทั้งหมดได้อย่างเต็ม
สั่งอาหารเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็ถามอย่างอดทนรอไม่ได้ว่า “คุณคิดว่าร้านอาหารร้านนี้เป็นยังไงบ้าง?”
ในใจก็มีความตื่นเต้นบ้างเล็กน้อย
จิ้นเฟิงเฉินเพยิดมุมปาก ค่อย ๆ พูดว่า“ ดีมาก ผมชอบมาก ๆ ”
วันนี้ฐานะของทั้งสองคนได้เปลี่ยนกลับมาโดยสิ้นเชิง จิ้นเฟิงเฉินเต็มใจที่จะให้ความร่วมมือมาก
ทำตามจังหวะของเจียงสื้อสื้อที่นำมา ขอแค่เขาดีใจ
แสงไฟที่สวยสดใสกลับสะท้อนเข้าที่ในตาเขา แต่ในความสว่างนั้นก็มีเพียงแค่สื้อสื้อคนเดียว
เจียงสื้อสื้อมองตะลึง อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปแตะต้อง ถูกจิ้นเฟิงเฉินกุมมือแล้วแนบไว้ที่บนแก้ว
สองคนมองตากันอย่างซื่อ ๆ ต่างก็มองเห็นความรักที่ลึกซึ้งในดวงตาซึ่งกันและกัน
พนักงานบริการมาเสริฟอาหาร จุดเทียนบนโต๊ะและเทไวน์แดงเต็มแก้ว บรรยากาศก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น
“ชนแก้ว!”
เจียงสื้อสื้อยกแก้วเหล้าขึ้น ชนแก้วกับจิ้นเฟิงเฉินแล้วดื่มอย่างดีใจมาก
เหมือนว่าบรรยากาศดีมาก สองคนเกือบจะเอาไวน์แดงดื่มจนหมด
แก้มของเจียงสื้อสื้อร้อนขึ้น สายตาเริ่มที่จะเบลอ
จิ้นเฟิงเฉินมองดวงตาที่มีน้ำของเขา สีตามืดมน พูดอย่างอ่อนโยนว่า “พวกเรากลับกัน”
เจียงสื้อสื้อวิ่งมาที่ด้านข้างเขา และนั่งเบียดเขา พูดเบา ๆ ว่า “ไม่กลับนะ เฟิงเฉิน ฉันมีของอะไรให้คุณดู”
เขาพูดพลางก็หยิบบัตรประตูออกมาหนึ่งใบ
เขาจองห้องที่โรงแรมข้างล่าง
สายตาของจิ้นเฟิงเฉินค่อย ๆ มืดลง มีอะไรที่ปรากฏออกมา
โอบกอดให้สื้อสื้อลุกขึ้นพูดด้วยเสียงแหบเล็กน้อยว่า “งั้นยังต้องรออะไร”
สองคนเหมือนเป็นคู่รักที่กำลังมีความรัก มาเปิดห้องที่โรงแรม
พอเปิดประตู จิ้นเฟิงเฉินก็อดไม่ได้อีกต่อไป เอาเจียงสื้อสื้อเข้ามาในอ้อมกอดแล้วกดไปที่กำแพง ฝ่ามือรองหัวด้านหลังของเขาไว้ ใช้เท้าถีบให้ประตูปิด
ต่อมา ก้มลงคว้าริมฝีปากของเจียงสื้อสื้อ
ดูด แลกเปลี่ยนลมหายใจผิด กลิ่นของไวน์แดงก็ล้นออกมา
“เฟิงเฉิน อย่า อึดอัด……”
เจียงสื้อสื้อถูกจูบอย่างเวียนหัว ยื่นมือผลักจิ้นเฟิงเฉิน
เขาทิ้งความตกใจ เอาเขาอุ้มวางลงบนเตียง
เจียงสื้อสื้อยังไม่ทันได้มีปฏิกริยาตอบกลับ ร่างกายก็ถูกกดทับด้วยร่างที่กำยำร่างหนึ่ง
อุณหภูมิในห้องก็ร้อนขึ้นต่อเนื่อง……
สองคนค้างคืนในโรงแรม เช้าวันรุ่งขึ้นถึงจะกลับไป
ครั้งนี้จิ้นเฟิงเฉินเป็นคนขับรถ เจียงสื้อสื้อเมาค้างบวกกับร่างกายไม่ค่อยสบาย ดูไม่สดชื่น
แต่กลับจิ้นเฟิงเฉินที่มีอารมณ์กระปรี้กระเปร่า เหมือนกับสิงโตที่ได้รับความพึงพอใจตัวหนึ่ง
เจียงสื้อสื้อมองดูเขาไม่เพียงแค่ครั้งเดียว
เฮ้อ ทำไมเขาถึงโง่อย่างนั้น เอาตัวเองส่งไปให้เขาถึงปาก ตอนนี้เป็นไง สมน้ำหน้า
“ยังรู้สึกไม่สบายอยู่เหรอ?”จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างเป็นห่วง
เจียงสื้อสื้อฝืนทำว่าไม่เป็นอะไร“ ไม่ได้มีตรงไหนที่ไม่สบาย อย่าพูดมั่ว ฉันสบายมาก ๆ ”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มอย่างมีความหมาย“สงสัยผมยังไม่ขยันพอ”
ได้ยินแล้ว เจียงสื้อสื้อแม้กระทั่งไหปลาร้าก็แดงขึ้น จ้องมองจิ้นเฟิงเฉินอย่างดุร้าย หันหัวไปไม่มองเขา
จิ้นเฟิงเฉินเห็นแล้วก็เงียบ ไม่ได้พูดอะไร
ไม่นานก็ขับรถถึงปากประตูบ้าน เจียงสื้อสื้อรถลงก่อนก็ไม่ได้รอจิ้นเฟิงเฉิน
แต่ขายาวตัวสูงที่อยู่ด้านหลัง ไม่นานก็รีบตามขึ้นมาแล้วเข้าไปห้องรับแขกกับเขา
“เมื่อคืนพวกเธอไปไหนกันมา ทำไมถึงได้เพิ่งกลับมา?”แม่จิ้นมองสองคนแล้วถามอย่างสงสัย
เสี่ยวเป่ากระโดดลงมาจากชั้นบน พูดโห่ร้องว่า“หนูรู้ หนูรู้ ต้องไปทำลูกอย่างแน่นอนเลย ”
คนจำนวนมากในห้องรับแขก“……”
จิ้นเฟิงเฉินถาม “เสี่ยวเป่า นี่ใครพูดกับหนูเนี้ย?”
เสี่ยวเป่าชูศีรษะเล็กขึ้น พูดอย่างภาคภูมิใจว่“คุณอาพูด คุณอาพูดว่าแดดดี๊และหม่ามี๊ต้องการทำน้องสาวให้หนูหนึ่งคน หม่ามี๊ หนูพูดถูกหรือเปล่า”
ไอ้หมอนี่ เดิมทีไม่รู้ว่าทำลูกมีความหมายว่าอะไร แต่ที่เขาพูดตามคนอื่นก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร
เจียงสื้อสื้อร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา หน้าไหม้มาก
จิ้นเฟิงเฉินจ้องมองจิ้นเฟิงเหราที่มีหน้าตาไม่สะทกสะท้านอะไรอย่างดุร้าย “จิ้นเฟิงเหรา แกเกิดอาการคันขึ้นมาอีกแล้วใช่ไหม ลองกล้าสอนมั่ว ๆ อีก”
จิ้นเฟิงเหราหัวเราะแหะ ๆ สองครั้ง หลบหลีกสายตาของพี่ชายเขา พูดพึมพำเบา ๆ ว่า “เดิมทีก็เป็นอย่างนี้ ผมก็ไม่ได้พูดผิด นี่ทำไมอายจนกลายเป็นโมโหได้ล่ะ”
เจียงสื้อสื้ออยู่ต่อไม่ได้แล้ว หาข้ออ้างเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบขึ้นตึกไป
เสี่ยวเป่าก้าวขาที่เล็กสั้นตามขึ้นไปอย่างเปลืองแรง หม่ามี๊ รอหนูด้วย“……”
แม่จิ้นไอแคร๊กออกมาแล้วจ้องมองจิ้นเฟิงเหรา“พอแล้ว เธอพูดให้น้อยหน่อย วันนี้เธอไม่ใช่ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลเหรอ ให้พี่ชายไปส่งเธอก็แล้วกัน”
“ตกลง ผมยังไงก็ได้”จิ้นเฟิงเหราพูดแบบชิว ๆ
จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่มีความคิดเห็นอะไร พยักหน้าเห็นด้วย
รอเจียงสื้อสื้อจูงมือเสี่ยวเป่าลงมา อาหารเช้าก็เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว หมั่นโถวธัญพืช เกี๊ยวกุ้ง ขนมจีบ ซาลาเปาเล็ก วางเต็มบนโต๊ะ
นั่งด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างมีความสุขทั้งครอบครัว หลังกินอาหารเช้าเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินก็ขับรถไปส่งจิ้นเฟิงเหราที่โรงพยาบาล