ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 485 ออกมาแล้วผมจะไม่ยกโทษให้แก
บทที่ 485 ออกมาแล้วผมจะไม่ยกโทษให้แก
จิ้นเฟิงเฉินถือว่าฟังออกถึงความยั่วเย้าที่อยู่ในน้ำเสียงของน้องชายบ้านตนเองแล้ว อดไม่ไหวที่จะลืมตาขาวจ้องมองเขาหนึ่งที
“ไม่ต้องรู้สึกโชคดีหรอก เกรงว่าวันหลังแกจะทำยิ่งมากกว่านี้อีก”
“จะเป็นไปได้ยังไง!” จิ้นเฟิงเหราได้ยินคำพูด เอ่ยปากปฏิเสธทันที
ตบหน้าอกของตนเอง สีหน้ามั่นคงพูดว่า “ผมมีความมั่นใจ จะไม่เจริญรอยตามคุณอย่างเด็ดขาด! วันหลัง ย่อมเป็นส้งหวั่นชีงดูแลผมอย่างแน่นอน!”
เอาใจไปหมดทุกสิ่งทุกอย่างดูแลคนอื่นเรื่องที่ขายหน้าขนาดนี้ ไม่ใช่ลักษณะท่าทางของเขา
“เหอะ” จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะเหยียดหยามหนึ่งที
“ยังไง ไม่เชื่อหรือ? งั้นพวกเรามาพนันกันไหม?”
จิ้นเฟิงเหรารู้สึกถึงว่าตนเองถูกสงสัยแล้ว มีความโมโหเล็กน้อย ก็จะขึ้นไปต่อว่าต่อขาน
“ปัญญาอ่อน” จิ้นเฟิงเฉินเด้งสองคำนี้ออกจากปาก เขาขี้เกียจพนันกับความคิดเหมือนเด็กขนาดนี้จริงๆ
ร่างกายที่เรียวยาวเคลื่อนไหว เดินเข้าไปในห้องหนังสือ ปิดประตูลงอย่างเด็ดขาด
นอกประตู จิ้นเฟิงเหราโมโหจนร้อง อ๋าว อ๋าว เรื่อยๆ…….
วันรุ่งขึ้น จิ้นเฟิงเฉินไปบริษัทตั้งแต่เช้าเลย
เขาเพิ่งนั่งลงอยู่บนเก้าอี้ กู้เนี่ยนตามหลังเข้ามาในมือถือแฟ้มเอกสารหนึ่งไว้
ดึงเนกไทดึงแล้วดึงอีก ทั้งสองมือของจิ้นเฟิงเฉินสลับไขว้กันด้วยอย่างตามอารมณ์ สีหน้าเคร่งขรึมน่าเคารพ
กู้เนี่ยนรายงานการวางแผนของโครงการในช่วงระยะนี้ของบริษัทภายในก่อนตามปรกติ
หลังจากฟังจบ จิ้นเฟิงเฉินใช้สมาธิครุ่นคิดเล็กน้อย ชี้ปัญหาออกมาหลายจุด ให้กู้เนี่ยนไปจัดการ
สั่งเสร็จแล้ว เห็นกู้เนี่ยนยังไม่ไป เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยถามว่า “ยังมีอะไรหรือ?”
“คืออย่างนี้ครับท่านประธาน คนของพวกเราสืบได้ว่าบริษัทที่อยู่ต่างประเทศของจี้เฉินกำลังพังทลายอยู่ อยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากทั้งภายในและภายนอกประเทศ
ปีที่แล้วๆมา ตอนที่สถานการณ์ของพวกเขาเจริญรุ่งเรืองสร้างศัตรูไว้ไม่น้อยคราวนี้เกิดเรื่องแล้ว สถานการณ์อ่อนแอลงแล้ว
บริษัทใหญ่แต่ละแห่งล้วนจ้องมองอย่างละโมบอยากจะกลืนกินพวกเขาไปด้วย ท่านดูสิ พวกเราจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างหรือไม่?”
กู้เนี่ยนเอาข้อมูลที่รวบรวมมายื่นเข้าไปให้จิ้นเฟิงเฉินตรวจอ่าน
เปิดอ่านเอกสารสักพัก นัยน์ตาของจิ้นเฟิงเฉินกวาดผ่านความโหดร้ายหนึ่งที
มือที่ข้อกระดูกเห็นชัดของเขาเปิดนิดๆ เคาะเบาๆอยู่บนโต๊ะ
ผ่านไปสักพัก เอ่ยปากพูดอย่างเสียงเบาๆว่า “นี่ย่อมต้องทำอะไรบ้างอย่างแน่นอน”
อดีตที่ผ่านมา จี้เฉินไม่ได้ลอบกัดเขาน้อยกว่าใคร
อ่อนมือกับศัตรู ไม่ใช่สไตล์ของเขาจิ้นเฟิงเฉิน
เขาเชื่อว่า หากว่าสถานการณ์สลับกัน คนที่ตกอยู่ในความลำบากคือเขา จี้เฉินจะไม่ยอมปล่อยเขาอย่างเด็ดขาด
สำหรับคู่แข่งแบบนี้ ดีที่สุดก็คือไม่ให้โอกาสเขาหอบพักหายใจ หนึ่งนัดถึงตาย!
หลับตาลง จิ้นเฟิงเฉินเงยหน้าขึ้น เสียงเย็นชาสั่งว่า “ผมต้องออกนอกประเทศสักครั้งแล้ว คุณไปวางแผนสักหน่อย เลื่อนตารางข้างหลังทั้งหมดไป”
“ได้ครับ ท่านประธาน ผมไปเดี๋ยวนี้”
กู้เนี่ยนพยักหน้าออกไป
ไม่รู้เป็นยังไง อารมณ์ของเขาถูกกระตุ้นขึ้นมาเช่นกัน แค่รู้สึกว่าเลือดเดือดพลุ่งพล่าน
บทละครล้างแค้นแบบนี้ เหมาะสมกับท่านประธานพวกเขาเหลือเกิน
ตอนเย็นกลับถึงบ้าน จิ้นเฟิงเฉินบอกเรื่องที่จะออกไปต่างประเทศให้กับเจียงสื้อสื้อ
เดิมทียังมีความกังวลเล็กน้อยว่าเธอจะไม่พอใจ อธิบายต้นสายปลายเหตุอย่างละเอียด
ใครจะรู้ว่าเจียงสื้อสื้อฟังแล้ว บนใบหน้าไม่ได้เกิดคลื่นลูกใหญ่มากเท่าไหร่เลย
“เมื่อไหร่จะไป ฉันจะช่วยเก็บกระเป๋าให้คุณ”
หลังจากอึ้งชะงักชั่วคราว ปฏิกิริยาแรกของเจียงสื้อสื้อคือจะช่วยจัดกระเป๋า
ตอนนี้ลุกขึ้นมา ดึงกระเป๋าเดินทางที่อยู่ในมุมเข้ามาแล้ว
“ต้องไปกี่วันล่ะ? เสื้อห้าชุดพอไหม ผ้าเช็ดตัวต้องเอาไปด้วยนะ คุณก็ไม่ใช้ของโรงแรมด้วย…….”
ในปากพึมพำกับตัวเอง ก็จะไปรื้อหีบค้นตู้หยิบของ
จิ้นเฟิงเฉินจ้องมองภาพด้านหลังที่ยุ่งมากของเธอ อารมณ์ที่จะแยกจากกันก็ดันขึ้นมาในทันทีด้วย
ลุกขึ้นมาจับข้อมือที่เล็กบอบบางของเจียงสื้อสื้อไว้นำคนเข้าไปยังอ้อมอกของตนเอง
“เป็นอะไรแล้วหรือ?” เจียงสื้อสื้อเอียงหัว ลูบหน้าข้างๆของเธออย่างอ่อนโยน
จิ้นเฟิงเฉินฉวยโอกาสซุกหัวเข้าไปที่ลำคอของเธอ มือที่กอดเธอยิ่งรุนแรงขึ้น
“ผมไปแล้ว ใครจะมาดูแลคุณล่ะ?” เขาพูดไปประโยคหนึ่งอย่างกลุ้มอกกลุ้มใจ
เจียงสื้อสื้อเผลอหัวเราะออกมา
“ไม่ใช่ยังมีแม่เราหรือ อีกทั้งในบ้านยังมีคนใช้มากมายขนาดนั้นล่ะ ฉันก็ไม่ใช่เด็กด้วย สามารถดูแลตนเองได้”
“บังเอิญหากลูกน้อยไม่เชื่อฟัง ก่อกวนคุณจะทำยังไงดีล่ะ?” จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างไม่วางใจ
“ไม่เป็นล่ะ ลูกน้อยเป็นเด็กดีมากนะ” เจียงสื้อสื้อยิ้มตอบกลับ
ทันทีทันใด จิ้นเฟิงเฉินยื่นนิ้วออกมานิ้วเดียวทิ่มกับท้องของเจียงสื้อสื้อ ทิ่มแล้วทิ่มอีก สีหน้าเคร่งขรึมน่าเคารพ เอ่ยปากอย่างเอาจริงเอาจัง
“ไอ้หนู! ถ้าแกกล้าทำให้ภรรยาของผมเจ็บ ออกมาแล้วผมจะไม่ยกโทษให้แก”
เผชิญหน้ากับจิ้นเฟิงเฉินแบบนี้ เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้เล็กน้อย
จากนั้นจิ้นเฟิงเฉินมัวแต่ประคองหน้าของเจียงสื้อสื้อขึ้นมา และอดไม่ได้ที่จะจู้จี้จุกจิกเรื่องที่ควรระวังมากมายด้วย
เจียงสื้อสื้อรู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินผิดปกติขนาดนี้ เป็นเพราะว่ายังตัดใจทิ้งพวกเขาไม่ลงเหลือเกิน
รู้สึกซาบซึ้งใจจนกอดเขาไว้ จูบไปหนึ่งทีอยู่มุมปากของเขา
“เอาล่ะ ก็ไปแค่กี่วันเท่านั้น อย่ากังวลใจกับฉันขนาดนี้ ฉันกับลูกน้อยจะคิดถึงคุณนะ คุณอยู่ข้างนอกก็ต้องดูแลตนเองให้ดีๆด้วย”
แต่ว่าจิ้นเฟิงเฉินก็ยังมีความไม่วางใจเล็กน้อย เสนอพูดว่า “ผมให้จื่อเฟิงอยู่นี่ ให้เธอดูแลคุณ เกิดเรื่องอะไรล่ะก็ยังมีคนประสานได้ด้วย”
เจียงสื้อสื้อได้ยินคำพูด ครุ่นคิดหลายวินาที พยักหน้ารับปากแล้ว
แม้ว่าจื่อเฟิงจะทำให้เธอมีความไม่สบายเล็กน้อย แต่เพื่อจะให้จิ้นเฟิงเฉินออกไปต่างประเทศอย่างสบายใจ เธอก็ยินยอมแล้ว
วันเวลาที่จะจากกันมาถึงอย่างรวดเร็ว หลังจากจิ้นเฟิงเฉินไปแล้ว เจียงสื้อสื้อมีหลายวันไม่สามารถปรับตัวได้
จ้องมองในบ้าน มักจะรู้สึกมีความเงียบเหงาเล็กน้อย ดูเหมือนขาดอะไรสักอย่าง
โชคดีแม่จิ้นมักจะเข้ามาหาเรื่องคุยเล่นแก้กลุ้มกับเธอ สภาพที่เลือนรางอย่างนี้ก็ลดลงอย่าวรวดเร็วแล้ว
อีกทั้งเธอก็กลัวว่าออกไปแล้วจะมีอันตรายด้วย ก็ลดจำนวนครั้งที่ออกจากบ้านให้น้อยลง
ทุกวัน ก็อยู่เป็นเพื่อนกับเสี่ยวเป่า ฟังเพลงการอบรมทารกในครรภ์บ้าง ชีวิตกลับผ่านไปอย่างชุ่มชื่นด้วย
วันนี้ แม่จิ้นกับเจียงสื้อสื้อคุยเล่นกันอยู่ในห้องรับแขก พ่อบ้านยกรังนกที่ตุ๋นเสร็จแล้วเข้ามา
เจียงสื้อสื้อไม่ได้พูดอะไรยกขึ้นมา ดื่มหมดเกลี้ยงอย่างเป็นเด็กดีเลย
เพราะว่าเธอรู้ ยาบำรุงเหล่านี้ล้วนเป็นแม่จิ้นให้พ่อบ้านตุ๋นล่ะ
“ลำบากท่านแล้ว”
ยื่นแก้วคืนให้กับพ่อบ้าน เจียงสื้อสื้อจ้องมองแม่จิ้นขอบคุณหนึ่งประโยคสองความหมาย
เห็นลักษณะนี้ในใจแม่จิ้นก็ดีใจมากเช่นกัน
ตอนที่ตั้งครรภ์ เพราะว่าแพ้ท้อง หลีกเลี่ยงไม่ได้เกิดความรู้สึกคลื่นไส้กับอาหารมากมาย
แต่ว่าเจียงสื้อสื้อล้วนไม่มีการตัดพ้ออะไร อาหารเสริมเพียงแค่พ่อบ้านยกเข้ามาล้วนดื่มเกลี้ยงอย่างเชื่อฟัง
การกระทำนี้ ยิ่งทำให้ความชอบที่แม่จิ้นมีต่อเจียงสื้อสื้อเพิ่มขึ้นหลายส่วน
สายตาตกอยู่บนท้องของเจียงสื้อสื้อ เธอกระซิบประโยคหนึ่งอย่างอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย
“ลูกน้อยยังเป็นเด็กดีจริงๆนะ ล้วนไม่ได้ก่อกวนแกเท่าไหร่ ก็ไม่รู้ว่าเป็นพี่ชายหรือพี่สาว”
เจียงสื้อสื้อได้ยินแล้ว ลูบท้องของตนเองลูบแล้วลูบอีกด้วยจิตใต้สำนึก นัยน์ตาเต็มเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม
ที่จริงแล้วเธอก็อยากรู้อยากเห็นว่าเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงมากเช่นกัน
“เด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงล้วนไม่แตกต่างกันมั้ง แต่ว่าบ้านเรามีเสี่ยวเป่าแล้ว เพิ่มเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งยิ่งยอดเยี่ยม รวมเป็นตัวหนังสือคำที่ดีคำหนึ่ง”
จิ้นเฟิงเหราเพิ่งพาเสี่ยวเป่าไปเล่นอยู่ในลานบ้าน คราวนี้คอแห้งแล้วหลานอาทั้งสองกลับมาดื่มน้ำ พอดีได้ยิน ก็แทรกเข้ามาด้วย
แม่จิ้นได้ยิน ก็ดีใจอย่างมากในทันทีเช่นกัน เดินเข้าไปอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมา ก้มหัวหยอกเสี่ยวเป่า
“คุณหญิงน้อยก็ดีนะ อีกไม่นานเสี่ยวเป่าของเราก็จะมีน้องสาวแล้ว ดีใจหรือไม่ล่ะ”
“ดีใจ จะเอาน้องสาว น้องสาว!”
ตาเสี่ยวเป่าสว่างขึ้น ปรบมือสั้นขนาดเล็กอย่างตื่นเต้นดีอกดีใจอยู่
คนทั้งหลายเห็นสภาพเช่นนี้ หัวเราะไปหมดเลย