ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 492 เปรี้ยวชายเผ็ดหญิง
บทที่ 492 เปรี้ยวชายเผ็ดหญิง
“ทำไมฉันจะไม่กล้า ในเมื่อเธอทำร้ายลูกสาวของฉันได้ ฉันก็จะทำให้เธอตายไปซะ! “เสิ่นซูหลันตะโกนออกมา
ทันใดนั้นเจียงเจิ้นก็เงียบลง สีหน้าของเขาดูหดหู่
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? มันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ เขาทำผิดอะไรไปกัน!
คนที่เขาอยากจะปกป้องทั้งสองคนนี้ แท้จริงแล้วหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่?
เจียงเจิ้นนั่งอยู่บนพื้นเงียบๆโดยไม่พูดอะไรออกมา เขาดูราวกับแก่ลงไปสิบปี
ผ่านไปสักพักเขาจึงได้มองดูเสิ่นซูหลันแล้วพูดออกมาชัดถ้อยชัดคำทีละตัวว่า “ผมมันมีตาหามีแววไม่จริงๆ มองพวกคุณผิดไป”
เมื่อพูดจบเขาก็พยุงร่างอันหนักอึ้งเข้าไปในห้องหนังสือ จากนั้นปิดประตูลง
เสิ่นซูหลันทำท่าเชิดคอคล้ายกับพร้อมจะโต้เถียงกับเจียงเจิ้นได้ทุกเมื่อ เธอยืนตกตะลึงอยู่ขณะนี้
คำพูดของ เจียงเจิ้นเมื่อสักครู่หมายความว่าอย่างไรกัน?
มองผิดไปอย่างนั้นเหรอ? เขารู้สึกเสียใจ? หรือว่าเขาไม่สนใจพวกเธอแล้ว?
เสิ่นซูหลันตื่นตระหนกทันที ไม่ได้การละ เธอและเจียงนวลนวลมีเจียงเจิ้งคอยคุ้มหลังอยู่เท่านั้น
ถ้าเขาไม่สนใจพวกเธอ แล้วเธอจะทำอย่างไรในอนาคต
ตอนนี้นวลนวลอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เธอจะสูญเสียเจียงเจิ้นไปอีกไม่ได้
เสิ่นซูหลันรีบเดินไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างใจจดใจจ่อ จากนั้นก็เดินเข้าไปเคาะประตูห้องหนังสือ
“เจียงเจิ้น คุณเปิดประตูเถอะ เรามาคุยกันดีๆนะคะ”
เสิ่นซูหลันเคาะประตูร้องขออย่างขมขื่น แต่ถ้าประตูห้องหนังสือนั้นไม่มีเสียงใดๆตอบมา เธอทรุดตัวลงที่พื้น
ผ่านไปสักพักเธอจึงได้สงบจิตสงบใจลงจากนั้นกำหมัดแน่น มันจะต้องมีวิธีสิ!ต้องมีสักทางหนึ่ง
เธอกุมเจียงเจิ้นไว้ในมือตั้งนานหลายปี เธอไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมเชื่อว่าเขาจะปล่อยพวกเธอไปโดยไม่สนใจ
หลังจากตั้งสติได้ เสิ่นซูหลันก็ลุกขึ้นยืน
เธอยืดหลังตรง แล้วเชิดอกเชิดหน้าเดินจากไป
จิ้นเฟิงเฉินเพิ่งออกจากบริษัทก็ตรงไปยังโรงพยาบาลทันที
เขาได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นตั้งแต่บริเวณทางเดิน
ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าลงทันที สีหน้าอันบึ้งตึงของเขาเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
หลังจากจัดแจงเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เสิ่นซูหลันก็ผลักประตูเข้าไป
“ได้ยินมาว่าถ้าชอบเปรี้ยวจะได้ลูกชาย ชอบเผ็ดจะได้ลูกสาว พี่สะใภ้ครับพี่ชอบแบบไหนเหรอ?”
จิ้นเฟิงเหราพูดเสียงดังออกมาอย่างเคย เสียงของเขาดังเข้าไปในหูของจิ้นเฟิงเฉิน
เจียงสื้อสื้อครุ่นคิดแล้วตอบว่า “ฉันเหมือนจะชอบทั้งเปรี้ยวและเผ็ดนะ”
“ถ้าอย่างนั้นอาจจะเป็นฝาแฝดก็ได้” จิ้นเฟิงเหราพูดติดตลก
แม่จิ้นตบลงที่บ่าของเขาก่อนจะหัวเราะแล้วพูดว่า “ไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหนกัน รีบแต่งงานซะเถอะเรา ไปกังวลเรื่องของตัวเองนั่นไป”
จิ้นเฟิงเหรานิ่งเงียบไปชั่วครู่
ราวกับคิดอะไรขึ้นมาได้ ใบหน้าของเขาแดงเรื่อ
แม่จิ้นพูดเพียงเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าลูกชายของตนจะมีปฏิกิริยาแบบนี้
เธอประหลาดใจขึ้นมาทันใด หรือจะมีแล้วอย่างนั้นหรือ?
“เฟิงเหรา บอกมาดีๆเดี๋ยวนี้นะ มีแล้วใช่ไหม?” แม่จิ้นพูดกับจิ้นเฟิงเหราอย่างเคร่งขรึม
เหมือนกับกลัวว่าแม่จะเอ่ยถามอะไรมากไปกว่านี้ จิ้นเฟิงเหราถึงได้ยอมจำนนอย่างรวดเร็ว
“โธ่แม่ พูดอะไรกันเนี่ย พี่สะใภ้นะมีแน่ๆ ผมเป็นผู้ชายนะ แม่พูดอะไรกัน”
แม่จิ้นเหล่ตามองเขา “โตขนาดนี้แล้วพูดอะไรไม่เป็นทางการเลย”
จิ้นเฟิงเหราสงสัยตาขอความช่วยเหลือไปยังเจียงสื้อสื้อ แต่เจียงสื้อสื้อได้แต่ยิ้มและแบมือเป็นความหมายว่า ฉันไม่เข้าไปร่วมสนทนาด้วย
เมื่อจิ้นเฟิงเหราหันหน้าไปก็พบว่ามีใครบางคนเข้ามาช่วยเขาไว้ทันเวลาพอดี จึงได้พูดขึ้นว่า “อ้าวพี่ครับ มาแล้วเหรอ”
จิ้นเฟิงเฉินเหลือบมองมาทางน้องชายของเขา จากนั้นเดินไปยังเตียง
เขาก้มหน้าลงไปมองเจียงสื้อสื้อ รู้สึกพอใจกับสีหน้าเธอในวันนี้
จากนั้นจึงได้ลูบที่ผมของเธอเบาๆแล้วถามว่า “มีตรงไหนไม่สบายไหม?”
“ไม่ค่ะ คุณหมอบอกแล้วว่าฉันแค่กินน้อย ไม่เป็นไรเลยค่ะ” เจียงสื้อสื้อยิ้มตอบ
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ”
จากนั้นเขาก็ดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมอกของเขา
เมื่อเห็นสองสามีภรรยาแสดงความรักใคร่ต่อกันเช่นนั้น แม่จิ้นที่ยืนอยู่ข้างๆก็พูดว่า “สื้อสื้อของพวกเราเป็นคนดี ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก”
“ก็นั่นน่ะสิครับ พี่วางใจได้เลย แพทย์เข้ามาตรวจร่างกายเป็นประจำ บอกว่าพี่สะใภ้ไม่เป็นอะไรแล้ว ยังมีเจ้าตัวน้อยคอยคุ้มครองอยู่ด้วย”
จิ้นเฟิงเหราเองก็พูดเสริมขึ้นมา
จิ้นเฟิงเฉินจึงได้คลายกังวลลงเล็กน้อย แล้วพูดกับแม่จิ้นและคนอื่นๆว่า “พ่อครับแม่ครับ ขอบคุณท่านทั้งสองมาก เฟิงเหราแกก็ด้วยนะ”
“ขอบคุณอะไรกัน ลูกในท้องสื้อสื้อเป็นหลานของฉันนะ” แม่จิ้นพูดด้วยสีหน้าแสร้งเป็นรำคาญ
จิ้นเฟิงเหราที่กินฝรั่งอยู่ก็รีบพูดขึ้นว่า “นั่นน่ะสิครับ เป็นหลานชายของผมด้วย”
“เป็นน้องสาวนะ!” เสียงเล็กๆน่ารักดังขึ้น
เมื่อทุกคนหันไปมองก็พบใบหน้าอันสุดแสนจะน่ารักของเสี่ยวเป่าพูดออกมาอย่างจริงจัง
เขาอยากได้น้องสาวตัวเล็กๆน่ารัก แล้วเขาจะได้ทะนุถนอมเธออย่างสุดหัวใจ
“จ้าๆๆน้องสาวก็น้องสาว”
ทุกคนพากันยิ้มแย้มขึ้น
เสี่ยวเป่ามองไปทางพวกเขาอย่างงุนงง ไม่รู้ว่าพวกผู้ใหญ่ยิ้มอะไรกันอยู่
เจียงสื้อสื้อมองเห็นภาพนี้ก็รู้สึกมีความสุขอย่างล้นพ้น
“แม่ครับ ผมพูดอะไรผิดเหรอ?” เสี่ยวเป่าเข้ามานอนฟุบลงข้างๆเตียง แววตากลมโตเป็นประกายของเขามองไปยังเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อได้ยินดังนั้นก็ลูบไปที่หัวของเขาแล้วหัวเราะพูดว่า “เสี่ยวเป่าไม่ผิดเลยครับ แต่ว่าถ้าแม่คลอดน้องชายออกมาลูกจะชอบไหม?”
“ชอบครับ” เสี่ยวเป่าตอบอย่างเสียงดังฟังชัด
“ผมจะปกป้องน้อง ปกป้องแม่ด้วย ไม่ให้คนใจร้ายมารังแกแม่อีก”
เจียงสื้อสื้อรู้สึกอิ่มเอมใจมาก เธอพูดชมว่า “เสี่ยวเป่าเก่งที่สุดเลยครับ”
จิ้นเฟิงเหราเห็นดังนั้นก็พูดกับแม่จิ้นว่า “เสี่ยวเป่าต้องกลายเป็นพี่ชายที่ดีมากแน่ๆ”
“แน่นอนเป็นถึงหลานชายของตระกูลจิ้นเชียว” แม่จิ้นพูดอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อจิ้นเฟิงเฉินเห็นภาพข้างหน้านี้ก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลรินด้วยความประทับใจ
“เฟิงเฉิน อยู่ดูแลสื้อสื้อไปก่อนนะ พวกเราจะออกไปซื้อข้าวมาให้” แม่จิ้นลุกขึ้นยืน
เหตุผลอ้างว่าไปซื้อข้าวนั้นเป็นเรื่องแต่งขึ้นมา แท้จริงแล้วเขาต้องการจะให้ทั้งสองคนมีเวลาส่วนตัวต่างหาก
จิ้นเฟิงเฉินเข้าใจดีจึงพยักหน้าและตอบว่า “ครับแม่”
ภายในห้องเหลือเพียงพวกเขาแค่สองคน
เมื่อสายตาของทั้งสองคนประสานกัน เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาทันใด
“ไม่เป็นไรแล้วครับ ไม่ต้องกลัวนะ” จิ้นเฟิงเฉินกอดเจียงสื้อสื้อแล้วพูดออกมาเบาๆ
เจียงสื้อสื้อได้กลิ่นหอมจากร่างกายของเขาอันคุ้นเคย เธอใช้จมูกสูดดมเข้าไปเต็มแรง
จากนั้นบ่นออกมาว่า “ฉันคิดถึงคุณจังเลยค่ะ ตอนนั้นฉันปวดท้องมากจนคิดว่าจะไม่ทันอยู่เจอคุณอีกแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินกอดเจียงสื้อสื้อแน่นขึ้นกว่าเดิม
“อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิครับ พวกเราจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ”
น้ำเสียงของจิ้นเฟิงเฉินต่ำทุ้มแต่มีพลัง ทำให้คนฟังรู้สึกมั่นใจ
เจียงสื้อสื้อเผยอปากแล้วยิ้มขึ้น
จิ้นเฟิงเฉินไม่รู้ว่าเหตุการณ์เป็นไปมาอย่างไร ดังนั้นเจียงสื้อสื้อจึงอธิบายให้เขาฟังตั้งแต่แรกเริ่ม
สังเกตได้ว่าท่าทีของเขาเปลี่ยนไป
ร่างกายเกร็งแน่นราวกับจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
“เอาละค่ะ ไหนๆมันก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ฉันสบายดีอยู่ไม่ใช่หรือไงคะ?” เจียงสื้อสื้อแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง
เธอเงยหน้าแล้วจูบตรงคางของจิ้นเฟิงเฉินแล้วพูดปลอบโยนเขา
พูดไปแล้วก็น่าขำ เมื่อสักครู่จิ้นเฟิงเฉินต้องการจะปลอบโยนเธอแท้ๆ ตอนนี้ทำไมถึงกลับกันได้ล่ะ!
ทั้งสองคนกอดกันอย่างเงียบๆสักพัก ทันใดนั้นเจียงสื้อสื้อก็คล้ายกับนึกอะไรบางอย่างออกมาได้ เธอจึงเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า “คุณไปหา……เขา เป็นยังไงบ้างคะ?”
หลังจากที่เจียงสื้อสื้อรู้ว่าเจียงเจิ้นวางยาทำแท้งให้เธอ หัวใจของเธอก็เย็นชาจนกระทั่งไม่อาจเรียกคำว่าพ่อออกมาได้
จิ้นเฟิงเฉินนำมือลูบหัวของเธอแล้วพูดด้วยเสียงต่ำทุ้มว่า “ไม่ใช่พ่อของคุณ แต่เป็นเสิ่นซูหลัน”