ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 52 จูบ
บทที่ 52 จูบ
เจียงสื้อสื้อใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีน เป็นการแต่งกายที่ดุธรรมดาแต่ดูดี แก้มของเธอแดงเล็กน้อย สงสัยเป็นเพราะฤทธิ์เหล้า
จิ้นเฟิงเฉินก็มองเจียงสื้อสื้ออยู่อย่างนี้ ความรู้สึกต่างๆ นาๆ ก็ผุดขึ้นมา
เจียงสื้อสื้อดูทำอะไรไม่ถูก เธอลืมไปแล้วว่าเจอกันครั้งที่แล้วมันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว
ตอนนั้นเธอเป็นคนพูดขึ้นมาเองว่าจะตัดขาดกัน
แต่ตอนนี้ทั้งคู่กลับมาเจอกันในสถานที่แบบนี้ เจียงสื้อสื้อกำลังลังเลว่าควรเข้าไปทักทายไหม
แล้วประตูห้องก็เปิดออกมา เธอเห็นจิ้นเฟิงเหราเดินออกมาแล้วพรึมพรำว่า “พี่ชายผมล่ะ? ดื่มเหล้าไปเยอะขนาดนี้ คงจะเมาแล้วแหละ แล้วนี่หายไปไหนอีก?” พอจิ้นเฟิงเหราเงยหน้าขึ้นก็เห็นจิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อ
“พี่อยู่นี่หรอครับ ผมหาพี่นานมากเลย พี่ดื่มไปเยอะขนาดนี้ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
จิ้นเฟิงเฉินหยีตาเล็กน้อย
เจียงสื้อสื้อไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไงดี รอบนี้คงต้องทักทายแล้วหล่ะ เธอเดินเข้าไปหาเขา แล้วพูดว่า “คุณจิ้น คุณชายรอง”
เธอก้มหน้าไว้ ไม่กล้ามองหน้าจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเหราแกล้งทำเป็นตกใจ “คุณเจียง บังเอิญเกินไปรึเปล่าครับเนี่ย”
“ค่ะ บริษัทฉันจัดงานเลี้ยงที่นี่”
“หรือครับ? ถ้างั้นแสดงว่างานเลี้ยงเลิกแล้วใช่ไหมครับ? คุณกำลังจะกลับหรอครับ?”
เจียงสื้อสื้ออึ้งไปสักพัก จิ้นเฟิงเหรามองหน้าเธอด้วยสายตาร้องขอความช่วยเหลือ ไม่ทันได้ว่าอะไรก็ดึงแขนเธอไว้แล้วพูดว่า “พี่ชายฉันเมาแล้ว เธอช่วยดูแลเขาหน่อยได้ไหม?”
“อะไรนะ?” เจียงสื้อสื้อไม่รู้ควรทำยังไง
ให้เธอมาดูแลเขาเนี่ยนะ???
ไม่ไม่ไม่ เจียงสื้อสื้อปฏิเสธในใจ เขาสองคนตกลงกันแล้วว่าจะตัดขาดกัน ถ้าให้มาอยู่ด้วยกันสองคนต้องอึดอัดแน่ๆ เลย!
“ฉันมีลูกค้าอยู่ข้างใน ออกมาไม่ได้จริงๆ คุณช่วยหน่อยนะ ส่งเขากลับไปที่บ้านก็พอ ได้ไหมครับ?”
จิ้นเฟิงเหราพูดด้วยความเร่งรีบ
ทำเหมือนว่ามีสัญญาหลายร้อยล้านรออยู่งั้นแหละ รีบเหลือเกิน
เจียงสื้อสื้อขยับมุมปากนิดๆ ที่พวกเขาออกมาคุยงานไม่พาคนขับรถหรือผู้ช่วยมาเลยหรือ?
จิ้นเฟิงเฉินยืนมองจิ้นเฟิงเหราที่พยายามเล่นละครอยู่ข้างๆ กินไปแค่ไม่กี่แก้วเอง เขาไม่ได้เมาสักหน่อย เขาก็แค่ออกมาพักสูดอากาศแค่นั้นเอง
ตาของจิ้นเฟิงเหราส่งซิกให้เขาเหมือนตาเป็นตะคิวเลย
พี่ครับ ความรักอยู่ตรงหน้าแล้วนะ อย่ามางี่เง่าตอนนี้นะ จิ้นเฟิงเหรากลัวว่าจิ้นเฟิงเฉินจะพูดออกมาว่า ‘ฉันไม่ได้เมา’
พอมาคิดอีกทีแล้วเนี่ย เขาตัดสินใจผลักพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ออกไป
จิ้นเฟิงเฉินไหวตัวไม่ทัน ก็เลยเซไปทางข้างหน้า
เจียงสื้อสื้อตกใจ ก็เลยรีบพยุงเขาไว้ แล้วก็ถามแบบติดๆ ขัดๆ ว่า “นาย…..นายไม่เป็นไรใช่ไหม?”
บนหน้าจิ้นเฟิงเหราแอบมีรอยยิ้มของผู้ชนะหลุดออกมา
“รบกวนด้วยนะครับ พี่ชายของผมขอฝากคุณดูแลด้วยนะครับ”
พอพูดจบ จิ้นเฟิงเหรา ก็รีบวิ่งเข้าห้องไป
เจียงสื้อสื้อยังตกใจไม่หาย เธอมองคนที่อยู่ข้างๆ เธอ จิ้นเฟิงเฉินพิงมาที่เธอเบาๆ กลิ่นเหล้าและไอร้อนก็พุ่งงเข้ามา
นี่เมาจริงๆ หรือเนี่ย?
เจียงสื้อสื้อพูดไม่ออกเลยทีเดียว ทิ้งเขาตรงนี้ก็ไม่ได้ ก็เลยยอมเอ่ยปากถามเขาว่า “นายยังเดินไหวอยู่ไหม?”
จิ้นเฟิงเฉินส่ายหน้า แล้วตอบกลับด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ไม่ได้ เธอช่วยพยุงฉันหน่อย”
น้ำเสียงเหมือนเด็กเลย นี่ขนาดเมาแล้วยังสั่งเก่งขนาดนี้ เจียงสื้อสื้อส่ายหัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“ได้ๆ เดี๋ยวฉันพยุงนายไว้ แต่ฉันต้องไปลาเพื่อนร่วมงานก่อนถึงจะพานายกลับไปได้ นายรอฉันที่นี่สักครู่ได้ไหม?”
เจียงสื้อสื้อมางานเลี้ยงของบริษัท ก็ต้องไปลาก่อนถึงจะกลับได้
แต่ใครจะไปรู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินพูดออกมาทันทีว่า “ไม่ได้”
เขาไม่อยากรอเธอที่นี่คนเดียว
เจียงสื้อสื้อ “……..”
คุณชายใหญ่นี่คุณชายใหญ่จริงๆ ขนาดกินเหล้ามายังขนาดนี้
เธอกำลังคิดว่าเดี๋ยวส่งข้อความบอกเพื่อนหน่อยก็ได้ ทันใดนั้นประตูห้องข้างๆ ก็เปิดออก ซูซานเดินออกมากำลังจะไปล้างมือ
เจียงสื้อสื้อก็เลยรีบเข้าไปหาเธอแล้วบอกว่า “ผู้จัดการซูคะ ขอโทษจริงๆ นะคะ คือว่าเพื่อนของฉันเมาแล้วค่ะ เดี๋ยวต้องส่งเขากลับบ้านก่อน คุณช่วยบอกเพื่อนๆ คนอื่นๆ หน่อยได้ไหมคะ ฉันขอกลับก่อน”
ซูซานเงยหน้ามองไปที่เขา พอเห็นผู้ชายที่อยู่ข้างๆ เจียงสื้อสื้อแล้วก็ตกใจมาก
นี่……นี่มันเฒ่าแก่ไม่ใช่หรอ?
เฒ่าแก่มาอยู่นี่กับเจียงสื้อสื้อได้ไง?
ทันในนั้นก็มีความคิดมากมายผุดมาให้หัวของซูซาน ไม่น่าหล่ะคุณชายรองสั่งมาว่าให้จัดงานเลี้ยง แถมยังจองห้องไว้แล้วด้วย ที่ไหนได้เฒ่าแก่อยู่นี่นี่เอง
เธอสังเกตเห็นสายตาของจิ้นเฟิงเหรา ซูซานก็เลยรีบพูดว่า “ได้สิๆ เธอพาเพื่อนกลับไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันไปบอกกับทุกคนเอง”
“ขอบคุณนะคะ ผู้จัดการซู”
เจียงสื้อสื้อไม่ได้เอะใจเลยสักนิด พอขอบคุณเธอเสร็จ เธอก็พยุงจิ้นเฟิงเฉินออกจากที่นั่นไป
ซูซานที่ยืนอยู่ข้างหลังมึนมาก เจียงสื้อสื้อ……เป็นอะไรกับเฒ่าแก่กันแน่นะ!
จิ้นเฟิงเหราแอบมองที่ประตู เห็นเจียงสื้อสื้อพาพี่ชายตัวเองออกจากที่นี่ไป เขาก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ฉันนี่ฉลาดจริงๆ เลย ที่เหลือก็คงต้องให้พี่จัดการเองแล้วหล่ะ
ส่วนทางนี้ ตอนลงบันไดจิ้นเฟิงเฉินปล่อยแรงทั้งหมดไว้ที่เจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อเหนื่อยจนทนไม่ไหวแล้ว มองแรงไปที่จิ้นเฟิงเฉินแล้วพูดว่า “นี่นายกินอะไรโตมาเนี่ย?”
หนักขนาดนี้
พอได้ยินเช่นนี้จิ้นเฟิงเฉินเองก็อยากขำ แต่กั้นไว้
ผู้หญิงคนนี้นี่ซื่อจริงๆ เลย เมาจริงเมาปลอมยังแยกไม่ออก
กว่าจะลงมาถึงใต้ตึก เจียงสื้อสื้อก็เอ่ยปากถามว่า “รถนายอยู่ไหน?”
จิ้นเฟิงเฉินชี้ไปที่ลานจอดรถ
เจียงสื้อสื้อก็พยุงเขาเดินไปทางนั้นต่อ พอเจอรถแล้ว เธอก็ปล่อยจิ้นเฟิงเฉินไว้ที่ที่นั่งข้างคนขับ แต่ไม่รู้ทำท่าไหนตัวเธอเองก็ล้มลงไปทับที่จิ้นเฟิงเฉิน
เธอเหนื่อยจนหายใจแทบไม่ทัน เกือบจะหมดแรงซะแล้ว
สักพักเธอถึงรู้สึกตัวว่าท่าทางของเขาสองคนแปลกๆ ขณะที่เธอกำลังจะลุกหนี แต่ว่าจิ้นเฟิงเฉินโอบเอวเธอไว้ ตาเขามองจ้องมาที่เธอ จิ้นเฟิงเฉินถามด้วยความเมาว่า “เจียงสื้อสื้อ ทำไมเธอถึงต้องหลบหน้าฉันด้วย?”
เพราะอะไรถึงบอกอดีตของเธอกับเขาไม่ได้? ทำไมไม่ยอมให้เซิ่นมู่ป๋ายบอกกับตัวเองว่าเธอเกิดเรื่อง ทำไมต้องมาทำให้เขาอยากแล้วก็จากไปแบบนี้…..
พอสบตาไปที่สายตาคู่นั้น เจียงสื้อสื้อเริ่มทำอะไรไม่ถูก เธออยากจากลุกออกมา แต่มือของจิ้นเฟิงเฉินจับหัวเธอไว้ แล้วจูบลงไปที่ริมฝีปากของเธอ
เจียงสื้อสื้อตกใจมาก เธอรีบดิ้นจะออกให้ได้ แต่ว่าแรงเธอน้อยเกินไปมันช่วยอะไรไม่ได้
จิ้นเฟิงเฉินกอดเธอไว้แน่นๆ ริมฝีปากของเขาเย็นแต่อ่อนโยน ลิ้นเขาค่อยๆ เข้ามาในปาก เธอได้กลิ่นบุหรี่เบาๆ วนอยู่ปลายจมูกของเธอ
ในรถที่แคบๆ บรรยากาศที่ดูเงียบ เจียงสื้อสื้อได้ยินเสียงเต้นของหัวใจของเขาเบาๆ เธอรู้สึกสมองว่างเปล่าไปหมด มันเป็นความรู้สึกที่แปลก
ไม่รู้ว่าเพราะกินเหล้ามารึเปล่า เจียงสื้อสื้อรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย เธอโดนเขาจูบจนรู้สึกอ่อนไปทั้งตัว เริ่มจะไม่รู้สึกตัวแล้ว……..