ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 522 สองจิตสองใจ
บทที่ 522 สองจิตสองใจ
ค่อยๆ ห่างไกลเขตเมืองอันเจริญรุ่งเรืองออกไป รถชะลอหยุดลงตรงละแวกวิลล่าแห่งหนึ่ง
หลังคุณท่านปลดเกษียณ ไม่ชอบความครึกครื้น จึงไม่ได้ตามไปอยู่ในเมืองกับทุกคน
แต่ซื้อวิลล่าแถบชานเมืองแห่งหนึ่งที่มีการรักษาความปลอดภัยค่อนข้างดีไว้อยู่แทน
ที่นี่มีเพื่อนเก่าที่เคยร่วมงานกันในปีนั้นอยู่ด้วย มีเพื่อนเก่านั่งล้อมวงเล่นหมากรุก จิบชาด้วยกัน จึงไม่มีอะไรที่สบายไปกว่านี้อีกแล้ว
แม้จะบอกว่าคุณท่านไม่สนใจเรื่องราวภายนอกแล้ว แต่ก็ใช้ชีวิตอย่างมีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง
เดินอยู่ท่ามกลางราตรี จิ้นเฟิงเฉินก็เดินมาถึงหน้าประตูใหญ่
“ใครน่ะ?”
ผ่านไปไม่นาน ยามรักษาประตูก็เดินเข้ามา
พอเห็นเขา ก็จำจิ้นเฟิงเฉินได้อย่างรวดเร็ว “อ้อ คุณคือหลานชายของคุณท่านฉินสินะ รีบเข้ามาเถอะครับ”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าให้ยาม พลางถามว่า “คุณตาผมล่ะ นอนหรือยังครับ?”
คุณท่านฉินตอนวัยหนุ่มมีตำแหน่งไม่ธรรมดา แม้ตอนนี้จะเกษียณแล้ว แต่ก็ยังเป็นที่เคารพเหมือนเดิม
เมื่อก่อนยามเคยพบจิ้นเฟิงเฉินแค่ไม่กี่ครั้ง รู้ว่าคุณท่านฉินชื่นชอบหลานชายคนนี้มาก ย่อมไม่กล้าเพิกเฉยเขา
นิ้วชี้ไปยังสวนที่โคมไฟยังสว่างอยู่ พลางพูดว่า “คุณท่านกำลังดูของโบราณอยู่ด้านใน คุณเข้าไปได้เลยครับ”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า เดินไปทางโคมไฟ
หลังเคาะประตูเข้าไป พอคุณท่านฉินเห็นเขา บนหน้าก็เผยความยินดีออกมา
คนทั้งสองไม่ได้พบกันมาระยะหนึ่งแล้ว คุณท่านฉินดันแว่นสายตาลง เดินไปหาพลางถามเขาว่า “เฟิงเฉินเองเหรอ หลานมาได้ยังไง?”
จิ้นเฟิงเฉินเดินไปประคองเขาไว้ พลางร้องเรียกคุณตา
ตาหลานสองคนนั่งลงบนเก้าอี้ หันหน้าพูดคุยกัน
“คนที่บ้านสบายดีไหม?”
คุณท่านยิ้มจนตาหยี บนหน้าแกร่งปรากฏแววรักใคร่
“พวกเขาสบายดีครับ คุณตาไม่ต้องกังวล” จิ้นเฟิงเฉินตอบ
คุณท่านพยักหน้าอย่างชื่นใจ
“งั้นก็ดี งั้นก็ดี”
ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเสร็จ เขาก็เป็นฝ่ายถามจิ้นเฟิงเฉินก่อน “พูดมาเถอะ มาที่นี่ดึกๆ ดื่นๆ มีเรื่องอะไรหรือ?”
จิ้นเฟิงเฉินจึงไม่อ้อมค้อมอีก ยกเรื่องที่เกิดขึ้นในระยะนี้มาพูด
โดยเน้นที่ความสัมพันธ์ของข่ายสื้อลินกับประเทศEเป็นหลัก
คุณท่านฉินฟังอยู่ด้านข้าง สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาหลายส่วน
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้พูดมาก แต่จากที่เขาเล่ามา คุณท่านฉินก็ตระหนักว่ามีเรื่องร้ายแรงและไม่อาจยับยั้งได้เกิดขึ้นแล้ว
หลานชายคนนี้ของเขาจัดการเรื่องได้เฉียบขาดรวดเร็วมาตลอด เคยมาหาคนอื่นเพื่อปรึกษาที่ไหนกัน
ครั้งนี้ถึงกับมาหาเขาเสียดึกดื่น คิดว่าในใจคงมีความกังวล
เงียบไปชั่วครู่ คุณท่านก็ลูบหนวดตัวเอง กล่าวอย่างเข้าใจว่า “หลานกังวลว่าจะจัดการเรื่องนี้ได้ไม่เหมาะสม จนทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศเรากับประเทศEสินะ
“อืม คุณตาคิดว่ายังไงครับ?”
จิ้นเฟิงเฉินถามความเห็นของคุณท่าน
“เรื่องนี้หลานทำถูกต้องแล้ว ไม่ว่าผู้หญิงจากประเทศEคนนี้จะมาจากฝ่ายไหน ก็ไม่อาจปล่อยให้อยู่ข้างกายเธอแม้แต่ชั่วเวลาสั้นๆ ได้”
คุณท่านเอามือไพล่หลัง จากนั้นก็ยืนขึ้น ชะงักเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อว่า “แต่หลานเองก็อย่าเพิ่งทำอะไรผลีผลาม ให้ลูกน้องหลานจับตาดูเธอไว้ก่อน
เรื่องนี้ตาจะให้คนไปลองเจรจาดูในวันพรุ่งนี้ จะได้รู้ว่าที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
คุณท่านฉินไอออกมาเบาๆ สองที กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “หากเรื่องร้ายแรงจนเป็นภัยต่อความสัมพันธ์ของสองประเทศจริง ถ้าอย่างนั้นตาค่อยรายงานต่อเบื้องบน ถึงเวลาค่อยตัดสินใจอีกที”
ในคำพูดบางเบา เผยความห่วงใยออกมาอยู่หลายส่วน
จิ้นเฟิงเฉินยืนอยู่ข้างกายเขา พอได้ยิน ก็แย้มกลีบปากเล็กน้อยกล่าวว่า “งั้นก็รบกวนคุณตาแล้ว”
วิธีทางการทูตของคุณท่านฉิน จิ้นเฟิงเฉินเคยได้พบเห็นมาแล้ว แม้เขาจะเป็นนักวิชาการสมัยใหม่ แต่เส้นสายกลับเทียบไม่ติด
ประกอบกับบารมีของคุณท่าน คนส่วนใหญ่ล้วนไม่กล้าดูแคลน จึงง่ายดายกว่าจิ้นเฟิงเฉินทำเองอยู่บ้าง
เรื่องนี้มอบให้คุณท่านจัดการ จึงเหมาะสมที่สุด
คุณท่านฉินตบที่มือจิ้นเฟิงเฉิน กล่าวล้อยิ้มๆ ว่า “รบกวนอะไร ครอบครัวเดียวกัน พูดเกรงใจไปได้”
หันหน้าไปเห็นกระดานหมากที่วางอยู่อีกด้านก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา จึงเอ่ยปากให้จิ้นเฟิงเฉินเล่นเป็นเพื่อนเขาสักตาอย่างสนุกสนาน
จิ้นเฟิงเฉินเห็นคุณท่านมีความสุข จึงไม่ได้บอกปัดเขา
หลังพยักหน้าตอบรับแล้ว เขาก็มองท้องฟ้ายามราตรีที่อยู่ข้างนอก แล้วมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย
แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ท่ามกลางราตรีที่หนาวเย็น โคมไฟสั่นไหวระริก สะท้อนเงาร่างของสองตาหลานบนหน้าต่าง
ทั้งสองนั่งตรงข้ามกัน ยื่นมือย้ายตัวหมากครั้งแล้วครั้งเล่า
“หมากรุกนี่หลานดูเชี่ยวชาญมาก”
คุณท่านยื่นมือย้ายเบี้ย ผ่านเขตแม่น้ำไป
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม เคลื่อนม้าไป ตอบอย่างถ่อมตัวว่า “ไม่เลยครับ ผมก็เรียนรู้มาจากคุณตานั่นแหละ”
คุณท่านฉินดูชอบใจอย่างมาก เกิดเสียงหัวเราะอย่างเบิกบานดังขึ้น
เพียงชั่วครู่ คุณท่านฉินก็เปลี่ยนไปคิดถึงเจียงสื้อสื้อ เขาถามจิ้นเฟิงเฉินอย่างเป็นห่วงขึ้นมาหนึ่งประโยค
“จริงสิ สื้อสื้อกับหลานไม่เป็นไรนะ หมู่นี้เกิดเรื่องขึ้นตั้งมากมาย คงจะทำเธอตกใจแย่”
พูดไปพูดมา หว่างคิ้วคุณท่านก็ขมวดเข้าหากันแน่น
เดิมเขารู้สึกว่าผู้หญิงอย่างเจียงสื้อสื้อน่าชื่นชมอย่างมาก และเธอก็ดีต่อเสี่ยวเป่าอย่างที่สุด ราวกับลูกในไส้ของตัวเอง
ได้ผู้หญิงเช่นนี้อยู่ข้างกายจิ้นเฟิงเฉิน จึงลงตัวพอดี เขามีความสุขนัก
ต่อมาได้ยินว่าเจียงสื้อสื้อตั้งครรภ์ เขายิ่งรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้คือดาวนำโชคของตระกูลจิ้น
พอจิ้นเฟิงเฉินคิดถึงเจียงสื้อสื้อ แววรักใคร่ลึกซึ้งก็ปรากฏขึ้นในแววตาทันที ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ไม่เป็นไรครับ เธอแข็งแรงดี พวกเราเพิ่งจะตรวจครรภ์มา ลูกเองก็ไม่มีอะไรร้ายแรง คุณตาไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”
คุณท่านฉินแกล้งมองไม่เห็นสีหน้าของเขา พยักหน้าอย่างชื่นใจ
เขากล่าวอีกว่า “ลุงกับญาติผู้พี่ของหลานอีกสองวันจะกลับมาจากค่ายทหาร หากหลานว่าง ก็พาสื้อสื้อมาที่นี่สิ
ทุกคนกินข้าวพร้อมหน้ากัน ตาเองก็ไม่เจอเด็กคนนี้มาสักพักแล้ว คิดถึงจะแย่”
“ได้ครับ หลานจดจำไว้แล้ว”
พอจิ้นเฟิงเฉินได้ยินว่าลุงกับญาติผู้พี่จะกลับมา ก็เผยรอยยิ้มออกมาจากใจจริง
ผู้ชายตระกูลฉินต่างโดดเด่นในอาชีพแต่ละอย่าง มักยุ่งขิงอยู่ข้างนอกเป็นประจำ
ด้วยเหตุนี้จิ้นเฟิงเฉินจึงได้พบลุงกับญาติผู้พี่ของตัวเองไม่บ่อยนัก
พวกเขามีเวลากลับมาครั้งนี้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ
ยี่สิบนาทีให้หลัง หมากรุกก็ล่วงเข้าสู่ช่วงท้ายกระดาน
ในช่วงเวลาสำคัญ หากจิ้นเฟิงเฉินเดินพลาดไปหนึ่งตา อาจทำให้คุณท่านชนะได้เลย
คุณท่านฉินมองออกว่าจิ้นเฟิงเฉินจิตใจไม่ได้อยู่ที่นี่ จึงเคาะลงไปที่ศีรษะของเขา
“เจ้าเด็กคนนี้ เดินหมากยังจะสองจิตสองใจ”
มองดูท้องฟ้ายามราตรีที่อยู่ด้านนอก พริบตาก็เข้าใจอะไรได้บางอย่าง
มือใหญ่โบกทีหนึ่ง กล่าวกับเขาว่า “พอแล้ว ไม่รั้งแกไว้อยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่างตาแล้ว รีบกลับไปหาเมียกับลูกเถอะ”
จิ้นเฟิงเฉินถูกแทงใจดำเข้า แต่ใบหน้าก็ยังคงไม่แสดงอะไรออกมา
เขายืนขึ้น พยักหน้าให้คุณท่านเล็กน้อย
“ไว้พบกันครับคุณตา เข้านอนเร็วหน่อยนะครับ”
ตอนที่ออกมา ลมกลางคืนหนาวเย็นอยู่บ้าง จิ้นเฟิงเฉินจึงกระชับเสื้อไว้แน่น
หลังกลับมาจากบ้านคุณท่านเวลาก็ล่วงเข้าสู่กลางดึกแล้ว
ท้องฟ้าเผยสีขาวเหมือนท้องปลาและมืดครึ้มออกมาแล้ว
นกบนต้นไม้ถูกเสียงฝีเท้าของเขาปลุกให้ตื่น ร้องเสียงดังอยู่บนยอดไม้
จิ้นเฟิงเฉินดวงตาโค้งลง โบกมือใส่ต้นไม้ “ไป!”
จากนั้นก็ผลักประตูเดินเข้าไปอย่างแผ่วเบา
ภายในห้องนอน ไม่พบร่องรอยของเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย