ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 533 ติดกับ
บทที่ 533 ติดกับ
เจียงเจิ้นได้ฟังประโยคนี้ก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย
เขาลูบๆหัวของเจียงนวลนวล พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความเอ็นดู“แน่นอนสิ พ่อจะเตรียมอาหารให้ลูกเดี๋ยวนี้แหละ รอพ่อที่นี่สักแป๊บนะ”
“อื้อ”
เจียงนวลนวลเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่อ่อนหวาน
หลังจากที่เจียงเจิ้นหันตัวเดินเข้าครัวไป รอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมอำมหิตทันที
เธอก้มหน้าลงเอาขวดอะไรบางอย่างออกมาจากในอ้อมแขน……
เจียงนวลนวลถือขวดที่ได้รับมาจากจื่อเฟิง ลุกขึ้นยืนจากโซฟา
เธอกำมือเป็นกำปั้น ถือของสิ่งนั้นไว้อยู่ในมือ
“พ่อ ที่บ้านมีเครื่องดื่มไหม ถ้าไม่มีเดี๋ยวหนูออกไปซื้อเอง”
เธอยื่นหน้าตะโกนไปยังห้องครัว
เจียงเจิ้นกำลังยุ่งอยู่กับการล้างผัก พอได้ยิน ก็ตะโกนตอบกลับมา“ในตู้เย็นน่าจะมีนะ ลูกไปดูสักหน่อยสิ”
พูดจบ เจียงนวลนวลก็ยืนอยู่หน้าตู้เย็นเรียบร้อยแล้ว
เธอโค้งปาก เปิดตู้เย็นออก หยิบขวดออกมาหนึ่งขวด
กวาดสายตามองไปรอบๆ หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าเจียงเจิ้นจะไม่ออกมาเธอก็เปิดขวดเครื่องดื่มออกแล้วรินให้กับตัวเองหนึ่งแก้วอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็หยิบขวดบางอย่างที่แอบอยู่ออกมา เทลงไปในเครื่องดื่ม
จากการกระทำของเธอแล้ว ของเหลวสีใสถูกเทลงไปในเครื่องดื่ม
แล้วเก็บของเหลวที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งเอาไว้ เจียงนวลนวลเช็ดๆเหงื่อที่หน้าผากออก
จากนั้นก็ปิดฝาขวดเครื่องดื่ม กอดไว้ในอ้อมแขน ใช้แรงเขย่าๆ
หลังจากทำทุกสิ่งทุกอย่างจนเสร็จแล้ว เธอก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก
แสร้งทำเป็นไปนั่งรออยู่ที่โต๊ะก่อน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เจียงเจิ้นก็นำอาหารที่ทำเสร็จแล้วสองสามอย่างมาวางไว้บนโต๊ะ
สองพ่อลูกนั่งลงตรงกันข้ามกัน
สายตาของเจียงนวลนวลกวาดไปมองมือถือที่วางอยู่ข้างๆของเจียงเจิ้นอย่างมีเลศนัย ริมฝีปากแดงๆเม้มแน่น
เจียงเจิ้นเห็นเธอนั่งเหม่อลอย ก็ยกคิ้วด้วยความสงสัย พูดทักเธอ“นวลนวล เหม่อมองอะไรอยู่ ทำไมถึงไม่กินล่ะ รีบชิมฝีมือของพ่อสิ”
พอได้ยินแบบนั้นเจียงนวลนวลก็ยิ้มๆ ปิดบังความคิดที่อยู่ภายในจิตใจเอาไว้
ตอบรับกลับไปอย่างอ่อนหวาน ยกตะเกียบคีบอาหาร
“เป็นยังไงบ้าง? รสชาติถูกปากไหม?”
พอเห็นท่าทีของเธอ ใบหน้าของเจียงเจิ้นก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่อ่อยโยน มองเจียงนวลนวลด้วยความคาดหวัง
อาหารเข้าไปในปาก จืดเล็กน้อย
แต่ในเวลานี้เจียงนวลนวลไม่มีกะจิตกะใจจะไปลิ้มรสชาติของอาหารแล้ว กลืนไปลงซะอย่างนั้น จากนั้นก็เปิดปากพูดชมขึ้น“อร่อย!”
เจียงเจิ้นพยักหน้าด้วยความภูมิใจ รีบคีบอาหารให้กับลูกสาวทันที
“อร่อยก็กินเยอะๆสิ”
ใบหน้าของเจียงนวลนวลยังคงฝืนยิ้มอยู่อย่างนั้น สายตากวาดไปมองยังเครื่องดื่มที่วางอยู่ข้างๆ
เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หยิบเครื่องดื่มขวดนั้นรินลงในแก้วเปล่าๆใบหนึ่ง จากนั้นก็เลื่อนไปให้กับเจียงเจิ้น
“พ่อ เราสองพ่อลูกกว่าจะได้มาพบหน้ากันอีกครั้งไม่ง่ายเลย จากนี้ไปโอกาสที่ได้มาเจอหน้ากันแบบนี้ก็จะน้อยลงแล้ว พ่อดื่มเหล้าไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ชนแก้วเครื่องดื่มแทนเหล้าก็แล้วกัน ถือซะว่าดื่มให้ลูกสาวก็ได้”
พอได้ยินแบบนี้ เจียงเจิ้นก็รู้สึกอัดอั้นตันใจ คอแห้งๆ รู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกทันที
เขารับเครื่องดื่มมาอย่างไม่ลังเล ยกแก้วขึ้น
เจียงนวลนวลรู้สึกดีใจ หยิบแก้วของตัวเองมาชน
ตอนที่ก้มลงไปดื่มนั้น ก็มองเจียงเจิ้นด้วยสายตาว่างเปล่า
ชำเลืองมองเขาเพื่อให้มั่นใจว่าดื่มเข้าไปแล้วจริงๆ ริมฝีปากยกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
แต่เจียงเจิ้นกลับไม่รู้สึกว่ามีอะไรแปลกไปเลยแม้แต่น้อย หลังจากวางแก้วลง
เขาก็ชี้จานอาหารพร้อมกับพูดเตือนเจียงนวลนวล“นวลนวล กินเยอะๆหน่อย ลูกผอมเกินไปแล้วนะ”
เจียงนวลนวลพยักหน้าตอบรับ
หลังจากผ่านไปหนึ่งนาที ยาก็ค่อยๆแผลงฤทธิ์ออกมาอย่างช้าๆ
เจียงเจิ้นสายตาพร่ามัว รู้สึกว่าโลกหมุนไปหมด
“แปลกจัง ทำไมถึงมึนหัวขนาดนี้”
ฝ่ามือของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะ ก็ยกมากุมขมับเอาไว้ สบถออกมาเบาๆ
เจียงนวลนวลแสร้งทำเป็นเป็นห่วงเป็นใย ลุกขึ้นเดินไปที่เขา
“พ่อ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม……”
พอได้ยิน เจียงเจิ้นก็เงยหน้าขึ้นมามอง ในสายตาของเขา เงาของเจียงนวลนวลเริ่มพร่ามัวเรื่อยๆ
ราวกับว่าเห็นภาพทับซ้อนกันอยู่หลายๆภาพ
ไม่นาน ภาพตรงหน้าของเจียงเจิ้นก็มืดมิด ล้มฟุบลงไปบนโต๊ะทันที
เจียงนวลนวลเห็นแบบนี้ ก็แอบยิ้มอยู่ในใจ
ยาสลบที่เธอใส่ลงไปในเครื่องดื่มได้ผลแล้ว!
หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าเจียงเจิ้นสลบไปแล้ว เจียงนวลนวลก็หยิบมือถือของเจียงเจิ้นขึ้นมา ปลดรหัสผ่านของเจียงเจิ้น
เปิดสมุดรายชื่อโทรศัพท์ หาเบอร์โทรของเจียงสื้อสื้อ
พิมพ์ข้อความส่งไปให้ดูเหมือนกับเจียงเจิ้นเป็นคนพิมพ์
‘สื้อสื้อ พ่อรู้สึกไม่สบาย มึนหัว ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ลูกมาหาพ่อหน่อยได้ไหม?’
หลังจากส่งไปแล้ว เธอก็ซัดมือถือไปอยู่ริมๆ
หยิบมือถือของตัวเองโทรศัพท์ออกไป
“เสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกนายเข้ามาได้”
พูดกับคนในสายไปหนึ่งประโยค แล้วเธอก็วางสายลง
หลังจากผ่านไปสองสามนาที ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เจียงนวลนวลเดินไปเปิดประตู ชายหนุ่มรูปร่างกำยำสี่คนเดินตามเธอเข้ามา
“แบกเขาเข้าไปในห้องซะ”เจียงนวลนวลสั่งให้ทั้งสี่คนพาเจียงเจิ้นออกไปจากโต๊ะอาหาร
ส่วนทางนี้ เจียงสื้อสื้อได้รับข้อความที่เจียงเจิ้นส่งมาก็รู้สึกแปลกใจ
เธอขมวดคิ้วก่อน หลังจากอ่านเนื้อความจบแล้ว ก็ขมวดคิ้วอย่างแรง
มึนหัว คงจะไม่ใช่เป็นผลพวงมาจากอุบัติเหตุรถยนต์หรอกใช่ไหม?
เธอรู้สึกสงสัยไม่น้อย
หลังจากที่สับสนลังเลอยู่นานสองนาน เธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรง
นิ้วมือขยับเล็กน้อย ตอบข้อความกลับไป
‘หนูทราบแล้ว พ่ออยู่ที่บ้านอย่าเพิ่งผลีผลามทำอะไรก่อนนะ เดี๋ยวหนูจะไปหาพ่อเอง’
พอคิดว่าที่พักอาศัยของเจียงเจิ้นในตอนนี้ค่อนข้างอยู่ไกลออกไป แถมไม่มีใครคอยอยู่ดูแลเขาด้วย
ถ้าเธอไม่ไป เกรงว่าเจียงเจิ้นเป็นลมล้มทับลงไปตรงนั้นก็คงจะไม่มีใครรู้แน่ๆ
แม้ว่าในอดีตเขาจะเหลือทนขนาดไหน แต่ก็ยังเป็นพ่อของเธอออยู่ดี
แถมเขาก็ต้องป่วยก็เพราะว่าช่วยเธอเอาไว้ ท้ายที่สุดแล้วเจียงสื้อสื้อก็ไม่ทนที่จะเพิกเฉยแล้ว
เธอพูดกับแม่จิ้นไปไม่กี่ประโยค ก็ออกไปอย่างทันที
ลงจากรถ เธอรีบตรงไปยังบ้านอย่างรวดเร็ว
“ทำไมประตูถึงเปิดอยู่?”เห็นได้จากไกลๆ ว่าประตูของบ้านสไตล์ยุโรปเปิดแง้มไว้อยู่
เธอสบถออกมาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะตรงเข้าไปยังสวนหน้าบ้าน
ส่วนคนที่อยู่ข้างในบ้านพอได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอใกล้เข้ามา ต่างก็พากันกลั้นลมหายใจ
เจียงนวลนวลแอบอยู่ที่หลังประตู ในมือถือผ้าเช็ดหน้าที่เปียกชุ่มไว้หนึ่งผืน
เธอได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตัวเองอย่างชัดเจน จังหวะเร็วมาก เต้นตึกๆตักๆ
เนื่องด้วยความตื่นเต้น
เธอทำมือให้กับคนที่แอบอยู่ตรงประตูอีกด้านหนึ่ง บอกเป็นนัยให้เขาเตรียมลงมือได้ตลอดเวลา
“พ่อ พ่อ? อยู่ไหน? หนูมาแล้ว เดี๋ยวจะพาพ่อไปส่งโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย”
มือของเจียงสื้อสื้อทาบไปบนประตู ผลักเข้าไปข้างใน
มองหาตัวของเจียงเจิ้น
ก้าวขาเข้าไป มองไม่เห็นเงาของเจียงเจิ้น
เธอขมวดคิ้วด้วยความอยากรู้อยากเห็น สายตากวาดไปมองพื้น เห็นรองเท้าหนังหนึ่งข้าง
ชัดเจนว่ามีคนซ่อนอยู่ข้างหลังประตู
แถมที่ทำให้มั่นใจมากขึ้นก็คือคนคนนี้ไม่ใช่เจียงเจิ้น
ใจของเธอเต้นขึ้นมาทันที เหงื่อไหลอาบเต็มฝ่ามือ
ตระหนักได้ว่าชักไม่ชอบมาพากล กำลังจะหันวิ่งหนีไป
แต่คนที่อยู่หลังประตูกลับตอบสนองเร็วกว่าเธอ
ตอนที่เธอจะถอนเท้ากลับ ชายกำยำที่แอบอยู่ข้างหลังประตูก็พุ่งออกมา คว้าแขนของเธอเอาไว้ พาเข้ามาในบ้าน
เจียงสื้อสื้อม่านตาเปิดกว้าง ขัดขืนอย่างสุดชีวิต
เนื่องด้วยความต่างกันของเรี่ยวแรงชายหญิง ทำให้เธอไม่สามารถสลัดหนีไปได้
เธอตกใจจนร้องออกมา“ปล่อยฉันไป ช่วยด้วย……อื้อ”
ตรงหน้าก็มีมือเล็กๆบางๆหนึ่งคู่ยื่นออกมาอย่างรวดเร็ว วินาทีต่อมา ปากจมูกของเธอก็ถูกของชื้นๆบางอย่างอุดปากเอาไว้