ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 580 หากผมไม่หลีกทางให้ล่ะ
บทที่ 580 หากผมไม่หลีกทางให้ล่ะ
แต่จิ้นเฟิงเฉินไม่มีทางให้เธอจากไปเป็นอันขาด เขารอมาหลายปีขนาดนี้ ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้พบเธอ จะปล่อยให้เธอไปง่ายๆ ได้ยังไง?
“สื้อสื้อ คุณไปไม่ได้ คุณไปจากผมไม่ได้”
ความดื้นรั้นของจิ้นเฟิงเฉินทำให้ความอดทนของฝู้จิงเหวินทะลุถึงขีดจำกัด เขายื่นมือมาปัดมือของจิ้นเฟิงเฉินทิ้งไป
กัดฟันพูดว่า “คุณจิ้น ได้โปรดอย่าท้าทายขีดจำกัดของผม สื้อสื้อเป็นภรรยาผม โปรดเข้าใจด้วย หากยังพูดจาไม่เกรงใจกันอีกล่ะก็ ระวังผมจะไม่เกรงใจคุณ ตอนนี้ช่วยหลีกทางด้วย พวกเราจะกลับแล้ว”
“งั้นหากผมไม่หลีกทางให้ล่ะ?”
จิ้นเฟิงเฉินแววตาเต็มไปด้วยความโกรธเช่นกัน มีกลิ่นดินปืนลอยอยู่ในอากาศเต็มไปหมด ราวกับวินาทีต่อจากนี้จะมีศึกใหญ่เกิดขึ้น
บนร่างของทั้งสองแผ่กลิ่นอายแข็งแกร่งออกมา เต็มไปด้วยความกดดัน
คนที่อยู่ในงานต่างกลั้นหายใจกันหมด กลัวว่าหากไม่ระวังจะโดนลูกหลงเข้า
เมื่อเห็นว่ากำลังจะเกิดการปะทะ คุณท่านฉินก็เดินเข้ามา
“เฟิงเฉิน! หยุดมือ”
น้ำเสียงอันทรงพลังดังมา จิ้นเฟิงเฉินหันหน้ากลับไปมอง
คุณท่านฉินเดินไปหยุดอยู่ข้างกายฝู้จิงเหวิน ยื่นมือออกมาพลางกล่าวอย่างรู้สึกผิดว่า “ผมขอโทษแทนหลานชายที่ทำตัวไม่เหมาะสมกับคุณด้วย และก็ขออภัยที่เขาสร้างความลำบากใจให้คุณ ตอนนี้คุณไปได้แล้ว”
ได้ยินคำพูดของคุณตา จิ้นเฟิงเฉินก็ขมวดคิ้วคิดจะเดินเข้าไปขวางไว้ แต่คุณท่านฉินขวางเขาไว้ทันที
กล่าวเสียงต่ำว่า “วันนี้เป็นงานหมั้นของน้องชายแก อย่าทำเสียเรื่อง”
ฝู้จิงเหวินเห็นเช่นนี้ก็ถลึงตามองจิ้นเฟิงเฉินอย่างดุร้ายทีหนึ่ง พาเจียงสื้อสื้อกับเถียนเถียนออกไปจากงานเลี้ยง
เห็นฝู้จิงเหวินพาเจียงสื้อสื้อจากไป จิ้นเฟิงเฉินอดกำสองมือแน่นไม่ได้
แม้ในใจเขาจะไม่ยินยอม แต่คุณตาออกปากพูด เขาจึงไม่อยากหักหน้าคุณตา
เห็นสายตาของคุณท่านฉินเจือแววตำหนิอยู่บ้าง
ไม่รอให้จิ้นเฟิงเฉินพูดอะไร คุณท่านฉินก็เอ่ยปากพูดทันที “หลานไม่เห็นว่าสื้อสื้อแปลกไปบ้างหรือ? ภายใต้สถานการณ์ปกติทำไมเธอถึงจำหลานไม่ได้?”
“แต่ผมกลัวเธอจากไปอีกครั้ง” จิ้นเฟิงเฉินตอบอย่างหม่นหมอง
พอได้ยินคุณท่านฉินก็ทำท่าจะพูด ตบลงบนมือของจิ้นเฟิงเฉินพลางกล่าวว่า “สภาพในตอนนี้หลานคิดว่าหลานขวางไว้ เธอก็จะรั้งอยู่หรือ?
เรื่องยังไม่กระจ่าง หลานคงได้แต่ทำให้เธอกลัวจนหนีไปเท่านั้น ตอนนี้รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ หลานควรดีใจต่างหาก แบบนี้หลานก็ยังมีโอกาสตามเธอกลับมาได้ เข้าใจหรือยัง?”
เวลานี้จิ้นเฟิงเฉินเพิ่งจะได้สติขึ้นมา ก้มศีรษะลงกล่าวว่า “คุณตาครับ ผมคิดไม่รอบคอบเอง”
คิดถึงคุณตาที่อายุมากขนาดนี้ ยังต้องมาตามเช็คบิลให้เขาที่ทำเรื่องผิด ในใจจิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
“ช่างเถอะ ตอนยังหนุ่มมีใครไม่เคยทำผิดบ้าง ตอนนี้หลานคิดหาวิธีพาเธอกลับมาเถอะ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ตาแก่อย่างฉันควรยุ่ง”
พูดจบ คุณท่านฉินก็กลับมายังที่นั่ง
จิ้นเฟิงเฉินใจเย็นลงแล้ว แต่เสี่ยวเป่ากลับไม่อาจเข้าใจได้ ว่าทำไมเจียงสื้อสื้อถึงจากไป
เขามองไปที่แม่จิ้น ถามด้วยดวงตาแดงเรื่อว่า “คุณย่าครับ ทำไมหม่ามี้ถึงไม่รู้จักผมแล้วล่ะ? เธอไม่ต้องการเสี่ยวเป่าแล้วใช่ไหม?”
มองเห็นความเจ็บปวดในดวงตาเสี่ยวเป่า ทำเอาผู้ใหญ่ทั้งกลุ่มสงสารจับใจ
แม่จิ้นกล่าวเสียงนุ่มว่า “เสี่ยวเป่าเด็กดี หม่ามี้ไม่ใช่ไม่รู้จักหนู เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ของเธอค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นพวกเรามารอหม่ามี้กันอีกสักระยะดีไหม?”
เสี่ยวเป่าได้ยินก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ฟุบอยู่บนไหล่พ่อจิ้น ร้องไห้อย่างเงียบๆ
เห็นท่าทางเจ้าตัวเล็กหัวใจสลาย หัวใจของแม่จิ้นก็ราวกับถูกกรีด
เวลาสามปี เปลี่ยนความร่าเริงของเสี่ยวเป่าไปไม่น้อย
ตอนแรกแม่จิ้นคิดว่าเขาจะปล่อยวางความรักที่มีต่อเจียงสื้อสื้อลงแล้ว คิดไม่ถึงว่าการปรากฏตัวของเจียงสื้อสื้อในครั้งนี้ จะยังสร้างความสะเทือนใจต่อเขามากมายเช่นนี้
เวลานี้ในใจแม่จิ้นปรากฏความคิดที่เห็นแก่ตัววาบขึ้นมา หากรู้ว่าเจียงสื้อสื้อทำให้เสี่ยวเป่าเสียใจเช่นนี้ เธอยอมให้เจียงสื้อสื้อหายไปเลยยังดีกว่า
แต่นี่เป็นเพียงความเห็นแก่ตัวที่อยู่ในใจของแม่จิ้น เธอไม่กล้าพูดออกมาเด็ดขาด
อีกด้านหนึ่งส้งหวั่นชีงยังไม่ได้สติจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ หลังเธอหยิกจิ้นเฟิฃเหราไปทีนึงก็พูดว่า “เฟิงเหรา คุณว่าคนคนนั้นใช่พี่สื้อสื้อจริงๆ ใช่ไหม?”
จิ้นเฟิงเหรากล้ำกลืนความเจ็บ กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ต้องใช่อยู่แล้วสิ คุณดูปฏิกิริยาของพี่ผมกับเสี่ยวเป่า ยังจะมองผิดได้อีกเหรอ?
แต่คุณว่าที่ภรรยาของผม ต่อไปช่วยเบามือหน่อยได้ไหม? ตอนนี้ผมเป็นคู่หมั้นคุณแล้วนะ!”
พอคิดถึงการกระทำที่ตัวเองทำอีกฝ่าย ส้งหวั่นชีงก็หน้าแดง เอาศีรษะฝังลงไปในอ้อมกอดของจิ้นเฟิงเหรา
หลังเรื่องราวผ่านไป งานหมั้นก็ดำเนินตามปกติ
ส้งหวั่นชีงและจิ้นเฟิงเหราแยกกันไปเปลี่ยนชุดเป็นอีกชุดหนึ่ง เพื่อมาดื่มเหล้ามงคลแต่ละโต๊ะ
พวกแขกเหรื่อต่างมองคู่สามีภรรยาด้วยความปีติยินดี พากันส่งคำอวยพรให้
จิ้นเฟิงเฉินเวลานี้นั่งอยู่คนเดียวในมุมลับตาคน หดหู่ใจเพียงลำพัง
แม้จะรู้ว่าสื้อสื้อยังมีชีวิตอยู่ แต่คนสองคนความรู้สึกไม่ตรงกันแทบจะบีบให้เขาเสียสติ
สายตาที่เฉยชาของสื้อสื้อกำลังวาบผ่านไปมาตรงหน้าเขา ทำให้จิ้นเฟิงเฉินยากจะรับได้
ได้ยินเธอเรียกชายอีกคนว่าสามี จิ้นเฟิงเฉินก็อยากจะฆ่าคนขึ้นมา
แต่ตอนนี้เขาเองก็จนปัญญาเช่นกัน ความคิดถึงหลายปี เวลานี้กำลังแตกปะทุออกมา เขาทำได้เพียงใช้แอลกอฮอล์มาลบเลือนสติของตัวเองเท่านั้น
และท้ายที่สุดเขาก็ปล่อยตามใจตัวเองอีกครั้ง
เพียงไม่นาน ตรงหน้าจิ้นเฟิงเฉินก็เต็มไปด้วยขวดเหล้า
สามปีที่อยู่ฝรั่งเศส คุ้นชินกับการดื่มเหล้าเป็นประจำ จึงทำให้จิ้นเฟิงเฉินคอแข็งขึ้นมาก
แม่จิ้นที่อยู่ห่างไปเห็นจิ้นเฟิงเฉินนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว ก็รีบเดินมาทางนี้ทันที
เห็นตรงหน้าเขามีขวดเหล้าวางเกลื่อน ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
เธอฉวยแก้วเหล้าของจิ้นเฟิงเฉินมา พูดอย่างเจ็บปวดใจว่า “เฟิงเฉิน แม่รู้ว่าลูกเสียใจ แต่ลูกก็ไม่อาจทำร้ายตัวเองแบบนี้ได้เช่นกัน มันจะเป็นอันตรายต่อตัวลูกเองนะ”
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินมุมปากก็เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา ยกมือขึ้นมองดู จากนั้นก็กล่าวว่า “แม่ครับ แม่ก็เห็นแล้ว เธอจำผมไม่ได้ เธอจำผมไม่ได้แล้วจริงๆ”
แม่จิ้นดึงมือจิ้นเฟิงเฉินไว้กล่าวปลอบว่า “แม่รู้ แม่รู้ทุกอย่าง แม่เชื่อว่าสื้อสื้อเองก็มีความลำบากใจของตัวเองเช่นกัน พวกเรามารอเธอกลับมาด้วยกันดีไหม?”
รู้ว่าแม่จิ้นเป็นห่วงตัวเอง จิ้นเฟิงเฉินก็ขวางไหล่ของแม่จิ้นไว้กล่าวอย่างผ่อนคลายว่า “แม่วางใจเถอะ ตอนนี้ผมไม่เมา สติแจ่มใสมาก แม่ไม่ต้องกลัวว่าผมจะทำเรื่องนอกลู่นอกทางออกมา ในเมื่อผมรู้ว่าสื้อสื้อยังอยู่ ก็ไม่มีทางที่ผมจะให้เธอไปจากข้างกายอีก ผมจะต้องพาเธอกลับมาให้ได้”
นิ่งไปชั่วครู่ จิ้นเฟิงเฉินก็กล่าวอีกว่า “เอาล่ะ แม่ แม่ไปต้อนรับแขกก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวผมจะตามไป”
เมื่อเห็นว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่มีอะไรผิดปกติ แม่จิ้นถึงได้จากไป
หลังแม่จิ้นไปแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็มารับลมที่ด้านนอก
ความเย็นของลมกลางคืนพัดพาความเมาจนหายไปหมด ทำให้สมองของจิ้นเฟิงเฉินแจ่มใสขึ้นมาก
เขาตั้งสติ จัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วกลับเข้าไปในงานใหม่อีกครั้ง
สนทนากับแขกที่อยู่ในงาน ราวกับว่าเมื่อกี้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
เห็นจิ้นเฟิงเฉินกลับมาเป็นปกติ คนตระกูลจิ้นก็นับว่าวางใจลงได้แล้ว