ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 590 ตั้งแต่วันนี้ไปให้ฉันดูแลเธอ
บทที่ 590 ตั้งแต่วันนี้ไปให้ฉันดูแลเธอ
พูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของจิ้นเฟิงเฉินก็มีความสิ้นหวังปนมาอย่างหนัก
ผ่านไปอีกกี่นาทีเขาก็พูดต่อว่า “พวกเราเคยรักกันขนาดนั้น ต่อให้คุณจำไม่ได้ทั้งหมด แม้แต่โอกาสก็ไม่ยอมที่จะให้ผมเลยเหรอ?”
เจียงสื้อสื้อถูกเขาพูดจนใจอ่อน เธอรู้สึกได้ถึงร่างกายที่เริ่มสั่นของชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลัง เพราะว่ากลัวมากๆ ถึงได้มีปฏิกิริยาแบบนี้
จนทำให้เธอนั้นอยากจะเข้าใจมันมากกว่านี้ แต่ว่าสติได้เตือนเธออย่างบ้าคลั่ง
เธอเข้าใจดีว่าถ้าตัวเองยอมไป ผู้ชายที่ฉลาดคนนี้ต้องกดดันเธอมากกว่านี้แน่
ตอนนี้เธอยังไม่ได้ความทรงจำกลับคืนนั้น เธอ……เธอไม่อยากที่จะทำผิดต่อฝู้จิงเหวิน
เจียงสื้อสื้อได้ตัดสินใจ ออกแรงกระทุ้งไปที่จิ้นเฟิงเฉิน
อาศัยจังหวะที่เขาเจ็บ เจียงสื้อสื้อรีบวิ่งไปเปิดประตูแล้ววิ่งออกไป
อีกด้าน ฝู้จิงเหวินได้รอไปประมาณสิบกว่านาทีแล้ว ก็ไม่เห็นเจียงสื้อสื้อออกมา ก็ได้เป็นห่วงขึ้น แต่ก็ไม่สามารถที่จะทิ้งเด็กสองคนแล้วไปตามหาได้
เสี่ยวเป่าเห็นแบบนั้นก็ได้เอานิ้วชี้ไปที่ทางออกอีกด้าน พูดอย่างมั่นใจว่า
“เมื่อกี้ผมเห็นหม่ามี๊เดินไปทางนั้นแล้ว น่าจะใกล้เข้าโรงหนังแล้ว คุณอา พวกเรารีบไปกันเถอะครับ”
ฝู้จิงเหวินเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ว่าเห็นเสี่ยวเป่าอายุก็ไม่ได้โตมาก ก็เลยทำได้แค่พาเด็กสองคนเข้าไปในโรง หาที่นั่งแล้วนั่งลง
มองซ้ายมองขวา ก็ไม่เจอตัวของเจียงสื้อสื้อ ก็ได้ร้อนรนขึ้นมา
ก็แค่เวลาเพียงไม่กี่นาที หนังก็ได้เริ่มฉายขึ้น
เขากำลังเงยหน้าขึ้น ตามหาว่าเจียงสื้อสื้อนั่งผิดที่นั่งหรือเปล่า คนข้างหลังก็ได้ส่งเสียงชู่วออกมา
แล้วก็ยังมีคนพูดอย่างไม่พอใจว่า “ไม่ต้องยืนได้ไหม มันบังจอ”
ฝู้จิงเหวินพูดขอโทษไป แล้วก็ค่อยๆ เดินผ่านกลุ่มคนไป
พบว่าคนที่นั่งอยู่ข้างนอกสุดนั้นเป็นคนที่อ้วน ได้กอดป๊อปคอร์นถังใหญ่เท่าหัว เอียงหัวแล้วก็หลับไป เห็นได้ชัดว่ายากที่จะข้ามไป
เขาทำได้แค่กลับไป แล้วก็พูดกับเสี่ยวเป่าเสียงเบาว่า “ตอนนี้อารีบร้อนมาก รีบบอกอามา สื้อสื้อไปที่ไหนแล้ว? ถ้าเกิดเธอตกอยู่ในอันตรายล่ะก็ อาจะโทรหา110แน่”
เสี่ยวเป่าได้ดูไอรอนแมนอย่างสนุกสนานที่หน้าจอใหญ่ สักพักก็ได้หันมา แล้วก็พูดอย่างเสียงเบาว่า “หม่ามี๊ไม่เป็นไรหรอก เธอออกไปกับแดดดี๊แล้ว คุณอาไม่ต้องเป็นห่วง”
“อะไรนะ!”
ฝู้จิงเหวินตกใจ ก็ได้พูดออกมาเสียงดัง ทำให้คนรอบข้างไม่พอใจ
เขาทั้งร้อนรนแล้วทั้งโมโหลากมือเถียนเถียนพูดว่า “ไป หนังนี่พวกเราไม่ดูแล้ว”
เถียนเถียนเห็นว่าเขาโมโห ก็ได้หดตัวด้วยความกลัว พูดเสียงเบาว่า “แดดดี๊ หม่ามี๊ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูอยากจะดูหนังเรื่องนี้ ไม่กี่วันก่อนพวกเราต่างไม่มีเวลา พี่ชายก็ชอบมากๆ”
ถูกสายตาที่น่าสงสารสองคู่ของเด็กจ้อง ต่อให้ฝู้จิงเหวินโมโห ก็ไม่สามารถที่จะระเบิดออกมาได้
ก็แค่เกลียดจิ้นเฟิงเฉินเพิ่มขึ้นไปอีก
ถ้าเกิดจิ้นเฟิงเฉินทำเรื่องที่เกินไปล่ะก็ เจียงสื้อสื้อต้องโทรหาเขาตั้งแต่แรกแล้ว
แต่ว่าตอนนี้ก็ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว โทรศัพท์ของเขาก็ยังเงียบอยู่ ไม่เกิดอะไรขึ้น
ฝู้จิงเหวินได้เครียด ไม่คิดก็รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่มองสายตาของเถียนเถียน เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ ทำได้แค่ตกลง “ครับ แดดดี๊ดูหนังเป็นเพื่อนหนู ดูจบแล้ว พวกเราไปตามหาหม่ามี๊ด้วยกัน ดีไหม?”
ยังไงซะเถียนเถียนก็ยังเป็นแค่เด็ก พอได้ยินก็ได้มีรอยยิ้มขึ้นทันที เอียงหัวตีฝู้จิงเหวิน “แดดดี๊ดีที่สุดเลย”
ฝู้จิงเหวินตอบอืมออกไป ไม่รู้เลยว่าหนังได้ฉายอะไรบ้าง นั่งอยู่ตรงนั้นชั่วโมงกว่าๆ
พอฉากจบ ฝู้จิงเหวินก็ได้พาเถียนเถียนกลับไปที่โรงแรม
กำลังจะเอาโทรศัพท์ออกมา ข้อความของพ่อแม่ก็ได้เด้งขึ้นมา เป็นสายขอเปิดวิดีโอคอล
ฝู้จิงเหวินได้กดรับ แม่ฝู้มองปุ๊บก็เห็นเถียนเถียนที่อยู่ข้างๆเขา ยิ้มแล้วพูด “ไม่ได้เจอกันนาน เถียนเถียนของพวกเราสวยขึ้นอีกแล้ว นี่พึ่งกลับมาเหรอ?”
ฝู้จิงเหวินตอบกลับไป “ครับ เมื่อกี้พาเธอไปดูหลัง แล้วก็ซื้อไอศกรีมให้เธอกิน”
แม่ฝู้ได้ยิน ก็ได้บ่นเขา “ท้องไส้ของเด็กน้อยน่ะ อ่อนแอมากๆ ในช่วงแบบนี้ ไม่ต้องซื้อของที่เย็นๆ ให้เธอกิน จริงด้วย สื้อสื้อล่ะ ทำไมไม่เห็นเธอ?”
ฝู้จิงเหวินติดขัดไปสักพัก ก็ได้พูดโกหกไปว่า “คนเขาอยู่ในห้องน้ำครับ แม่ แม่โทรวิดีโอมาที่บ้านมีอะไรหรือเปล่าครับ?”
แม่ฝู้ก็ได้หึออกไปแล้วพูด “ไม่มีอะไรโทรมาหาไม่ได้หรือไง? แม่น่ะ ก็แค่คิดถึงเถียนเถียนของพวกเรา”
สองคนก็ได้คุยไปสักพัก เถียนเถียนก็ได้เริ่มง่วง ก็ได้หลับไปข้างๆ ฝู้จิงเหวิน
เห็นเถียนเถียนหลับสบาย แม่ฝู้ถึงได้ถามออกไปว่า “ลูกวางแผนจะกลับมาเมื่อไหร่? เอาให้แน่นอน”
ฝู้จิงเหวินลังเลเล็กน้อย ก็ได้พูดออกไปเสียงเบาว่า “อันนี้ต้องดูสื้อสื้อครับ ผมยังไงก็ได้ วันไหนก็ได้”
แม่ฝู้ได้ยิน ก็ได้พูดออกไปอย่างหงุดหงิด “ลูกนี่นะ มีนิสัยเหมือนลาน้ำ ไม่ตีก็ไม่ขยับ นานขนาดนี้แล้ว สารภาพรักก็ไม่กล้า ตอนที่พ่อเราจีบแม่นั้น……”
แม่ฝู้ก็ได้บ่นออกมาเยอะแยะ ฝู้จิงเหวินฟังอยู่นาน สุดท้ายก็ได้หัวเราะแล้วพูด “คราวนี้ผมมีความมั่นใจครับ แม่ครับ แม่ก็รอฟังข่าวดีเถอะครับ”
“ก็ได้ งั้นแม่ก็ไม่รบกวนพวกเธอแล้ว บายๆ”
พูดจบ ทั้งสองก็ได้วางสาย
เจียงสื้อสื้อก็ได้กลับมาจากข้างนอกพอดี หน้าตาของเธอเหนื่อยล้ามาก
ฝู้จิงเหวินอึ้งไปสักพัก ไม่อยากจะถามหรอกว่าเธอนั้นไปไหนมา ก็แค่มองเธอไปสักพัก
เจียงสื้อสื้อเริ่มร้อนรน แต่ฝู้จิงเหวินกลับจริงจังมา “สื้อสื้อ คราวนี้กลับมาก็นานพอสมควรแล้ว พวกคุณพ่อคุณแม่ก็ได้โทรมาบอกว่าคิดถึงเถียนเถียน
ฉันคิด……ฉันอยากบอกว่า พวกเรากลับบ้านดีไหม? ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปให้ฉันได้ดูแลเธอ เรื่องอดีต ก็ให้มันผ่านไปเถอะ”
เจอกับท่าทางที่จริงจังมากๆ ของฝู้จิงเหวิน เจียงสื้อสื้อก็ได้นิ่งไม่ขยับ
เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้กะทันหันเกิดไป แต่ในใจได้เข้าใจดี นี่เป็นคำพูดที่ฝู้จิงเหวินอยากพูดมาโดยตลอด
สำหรับคำพูดของฝู้จิงเหวิน ปฏิกิริยาแรกของเจียงสื้อสื้อคือต่อต้าน
แต่ว่านึกถึงเรื่องที่ฝู้จิงเหวินดูแลมาตลอด สายตาที่อ่อนโยนของพ่อแม่เขา ก็รู้สึกว่าผลักออกไปก็ดูโหดร้ายไป
ผ่านไปนาน ในที่สุดก็ได้ค่อยๆ พยักหน้า
เห็นว่าเธอตกลง ฝู้จิงเหวินก็ดีใจมากๆ แต่ว่าใบหน้าก็ไม่ได้แสดงออกมาเยอะเกินไป
ก็ได้กอดเธอเข้ามา แล้วก็จูบไปที่ผมเบาๆ
ฝู้จิงเหวินได้รับการตอบตกลง การกระทำก็เร็วจนน่าตกใจ วันต่อมาก็ได้เก็บข้าวของเสร็จ เตรียมที่จะบินกลับประเทศ
เจียงสื้อสื้อคิดว่าที่ผ่านมานี้เสี่ยวเป่าได้ดูแลเธอมาตลอด เธอก็ตัดสินใจที่จะบอกลาเสี่ยวเป่า
ได้ส่งเวลาขึ้นเครื่องให้เสี่ยวเป่าแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ได้รอที่สนามบิน
ยังไงซะเสี่ยวเป่าก็ยังเป็นเด็ก มองเห็นเจียงสื้อสื้อ ตาก็ได้เริ่มแดงอย่างห้ามไม่อยู่
เจียงสื้อสื้อกอดเขาอยู่นาน ถึงได้ค่อยๆ ตบหลังของเขา แล้วก็ปล่อยมือ
เวลานั้น ฝู้จิงเหวินกับจิ้นเฟิงเฉินได้มองหน้ากันอย่างเย็นชา ตาของทั้งสองได้เริ่มแห้งแล้ว แต่ก็ไม่มีใครยอมกะพริบตา