ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 616 เห็นอยู่ว่าไปกับผู้ชายคนนี้ชัดๆ
บทที่ 616 เห็นอยู่ว่าไปกับผู้ชายคนนี้ชัดๆ
พูดจบ ยิ้นเฟิงเฉินก็มองจ้องไปที่เจียงสื้อสื้อ
ที่จริงที่เสี่ยวเป่าไปหาเจียงสื้อสื้อที่นั่น จิ้นเฟิงเฉินรู้อยู่แล้ว
รอบกายของเสี่ยวเป่ามีบอดี้การ์ดดูแลอยู่ โดยทั่วไปจะไม่เกิดอะไรอยู่แล้ว
ดังนั้นเขาถึงไม่ห้าม ก็แค่อยากจะเห็นท่าทีของเจียงสื้อสื้อที่มีต่อเสี่ยวเป่า
เจียงสื้อสื้อพาเสี่ยวเป่ากลับมาส่ง นั่นแสดงถึงว่าในใจของเขายังไม่สามารถละทิ้งเสี่ยวเป่าได้
นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ
หลังจากเหลือบไปมองเวลา เจียงสื้อก็ได้พูดปฏิเสธ “ไม่ได้หรอก ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว ถ้าหากว่าฉันกลับดึกกว่านี้หล่ะก็ เกรงว่าเถียนเถียนจะร้องไห้”
เมื่อพูดจบก็จะออกไป แต่ว่าเสี่ยวเป่ายังคงดึกมุมเสื้อของเจียงสื้อสื้อ และมองไปที่เธออย่างมีความหวัง
“หม่ามี๊ ไม่อยู่ทานข้าวกับเสี่ยวเป่าสักมื้อจริงๆเหรอ? หลายวันแล้วที่หม่ามี๊ไม่ได้ทานข้าวเสี่ยวเป่า”
“นี่……” มองเห็นแววตาของเสี่ยวเป่า เจียงสื้อสื้อไม่รู้จะปฏิเสธยังไงจริงๆ
ณ เวลานั้น จิ้นเฟิงเฉินเดินไปถือกระเป๋าของเสี่ยวเป่า และจับมืออีกข้างของเสี่ยวเป่า
เขาพูดกับเจียงสื้อสื้อด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนเล็กน้อย “สองวันนี้เสี่ยวเป่าอารมณ์ไม่ค่อยดี ถือว่าช่วยผมสักหน่อยเถอะ”
ดวงตาของคนตัวโตและคนตัวเล็กที่มีลักษณะเหมือนกันทุกประการ ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งใดทั้งสิ้น
เสี่ยวเป่าร้องไห้ทันทีที่เธอเดินจากไป ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง
เจียงสื้อสื้อรีบรับปากว่า “ฉันจะอยู่”
ทันทีที่สิ้นเสียง เสี่ยวเป่าก็ดีใจขึ้นมาในทันที และกระโดดโลดเต้นไปมา
จิ้นเฟิงเฉินมองไปที่เสี่ยวเป่าอย่างชื่นชม จากนั้นก็ไปเอารถ
มองไปที่คนตัวโตและคนตัวเล็ก เจียงสื้อสื้อก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ต่อหน้าพวกเขา เธอใจร้ายไม่ลงตลอด ยังแพ้และตกอยู่ในกำมือของพวกเขาอีกต่างหาก
ทั้งสามคนมาอยู่ที่ร้านอาหารก่อนหน้าที่เคยมา จิ้งเฟิงเฉินยังคงสั่งอาหารที่เจียงสื้อสื้อชอบ
ครั้งนี้ยังสั่งขนมหวานเพิ่มอย่างรู้ใจ ในใจของเจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกร้อยแปดพันเก้า
ผู้ชายคนนนี้ยังจำสิ่งที่เข้าชอบได้อย่างชัดเจนจริงๆ
หลังจากที่อาหารทั้งหมดมาแล้ว โทรศัพท์ของเจียงสื้อสื้อก็ดังขึ้นมาอย่างถูกเวลา
มองชื่อที่ขึ้นบนโทรศัพท์ นิ้วมือของเจียงสื้อสื้อสั่นอย่างช่วยไม่ได้
ลังเลอยู่สักพัก ก็รับสาย
“สื้อสื้อ คุณอยู่ไหน? ทำไมยังไม่กลับมาอีก? ผมไปที่บริษัทก็พบว่าคุณไม่อยู่”
เสียงกังวลเล็กน้อยของฝู้จิงเหวินดังขึ้น
“ฉัน……วันนี้ฉันกับเพื่อน……ออกมาเจอกัน กินข้าวข้างนอก พวกคุณไม่ต้องรอฉัน”
เจียงสื้อสื้อโกหกโดยไม่รู้ตัว ทั้งยังรู้สึกผิดอีกด้วย
กลัวว่าฝู้จิงเหวินจะสงสัยอะไร
แต่หลังจากพูดจบเธอก็รู้สึกว่ามันน่าตลก ตัวเธอเองยังรู้สึกว่าข้ออ้างนี้ไม่น่าเชื่อ
เธออยู่ที่นี่แค่คนเดียว นอกจากฝู้จิงเหวินและจิ้นเฟิงเฉินจะมีเพื่อนที่ไหนอีก
ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน เพื่อน? ทำไมเขาถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน เจียงสื้อสื้ออยู่ที่นี่มีเพื่อนที่รู้จักด้วย?
จากนั้นก็พูดว่า “งั้นผมไปรับคุณเอง ตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้ว ผมเป็นห่วงถ้าคุณกลับเอง”
“ไม่ต้องหรอก พวกเราผู้หญิงเจอกัน คุณเข้ามาด้วยคงไม่ค่อยดี กินข้าวเสร็จฉันก็กลับแล้ว ทางนี้ฉันยังต้องทำอะไรบางอย่าง วางสายก่อนนะ”
ไม่รอให้ฝู้จิงเหวินพูดอะไรต่อ เจียงสื้อสื้อก็ตัดสาย
ลูบไปที่หัวใจที่เต้นแรง การโกหกเป็นอะไรที่ไม่สบายใจจริงๆ
จิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ตรงข้ามเห็นปฏิกิริยาของเธออยู่ในสายตา สีหน้าของเขาหมองลงจนสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เธอพูดว่าเป็นการเจอกันของผู้หญิง……
เขาเป็นผู้หญิงที่ไหน……
ซีอีโอและกรรมการบริหารของ JS กรุ๊ปที่สง่าผ่าเผย ไม่สามารถกินข้าวกับภรรยาของตัวเองได้อย่างเปิดเผย
เสี่ยวเป่ามองเห็นหน้ามืดมนของแดดดี๊ ก็ทนไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะ
หลังจากผ่อนคลายลง เจียงสื้อสื้อถึงเงยหน้าขึ้นมา
จิ้นเฟิงเฉินรีบเปลี่ยนสีหน้าทันที รีบตักอาหารเอาใจเจียงสื้อสื้อที่อยู่ตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะ” พูดออกมาเสียงเบา เจียงสื้อสื้อก็จมอยู่กับอาหารของตัวเอง
ในช่วงเวลาทานข้าว ทั้งสามคนไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้น
จิ้นเฟิงเฉินคีบอาหารให้เจียงสื้อสื้อตลอด เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้ปฏิเสธ
การทานข้าวมื้อนี้ เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าท้องเขากำลังจะระเบิด
หลังทานเสร็จ เจียงสื้อสื้อตั้งใจว่าจะกลับ เสี่ยวเป่ากลับจูงมือของเจียงสื้อสื้อและพูดว่า “หม่ามี๊ ผมมีของเล่นจะให้น้องสาว ต้องให้หม่ามี๊กลับไปที่บ้านกลับพวกเรา”
พูดจบ เจียงสื้อสื้อก็จับมือของเสี่ยวเป่าและเริ่มตรวจสอบ
หลังจากที่ยืนยันว่าไม่มีแผล จากนั้นเธอก็บีบแก้มของเสี่ยวเป่าแล้วพูดว่า “ถ้าหากว่าเป็นเพราะหนูทำของขวัญให้หม่ามี๊ และทิ่มโดนมือของตัวเอง ถ้าเป็นอย่าง นั้นหม่ามี๊กับเถียนเถียนจะไม่รับของขวัญของหนูอีก”
เรื่องคราวที่แล้วทำให้หัวใจของฉันเจ็บปวดอยู่นาน
เสี่ยวเป่าพอได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะ และพูดเสียงดังว่า “หม่ามี๊ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ผมสวมถุงมือเป็นแล้ว! จะไม่ทิ่มมือตัวเองแล้ว”
ขับรถไม่นานก็ถึงบ้านตระกูลจิ้น เสี่ยวเป่ารีบวิ่งขึ้นไปข้างบนเพื่อหาของ
ในห้องรับแขกจึงเหลือแค่เธอกับจิ้นเฟิงเฉิน
ระยะห่างระหว่างสองคนค่อนข้างไกล บรรยากาศค่อนข้างเงียบ
“อาหารวันนี้ถูกปากไหม?” จิ้นเฟิงเฉินเป็นคนทำลายบรรยากาศก่อน
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า พูดว่า “อร่อยมาก ขอบคุณนะคะ”
จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกจนปัญญา กับท่าทีห่างเหินของเธอ เขารู้สึกว่าเธอกำลังปกปิดอะไรบางอย่างกับเขา
ในตอนที่เขากำลังคิดจะก้าวไปอีกขั้น เสี่ยวเป่าก็วิ่งลงมาจากข้างบน
“หม่ามี๊ พวกเราไปกันเถอะ!”
พูดจบ เสี่ยวเป่าก็วางกล่องของขวัญไว้ในมือของเจียงสื้อสื้อ และยังทำหน้ามีลับลมคมใน
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะอยากรู้ นี่เป็นของขวัญอะไรกันแน่
รถขับไปบนถนนอย่างนิ่งๆ เสี่ยวเป่านั่งคลอเคลียอยู่ในอ้อมกอดของเจียงสื้อสื้อ ยังติดอยู่กลับกลิ่นตัวของเธอ
มองไปที่ภาพในกระจกมองหลัง จิ้งเฟิงเฉินตั้งใจขับรถให้ช้าลง
เดิมทีกลับไปบ้านตระกูลฝู้ใช้เวลาแค่ยี่สิบนาที แต่ถูกยิ้นเฟิงเฉินลากยาวไปจนเกือบเป็นชั่วโมง
แต่ไม่ว่าจะช้าแค่ไหนในที่สุดก็ถึง เสี่ยวเป่าไม่เต็มใจนักที่จะให้เจียงสื้อสื้อลงจากรถ
ในตอนที่เจียงสื้อสื้อกำลังจะหันตัวกลับเข้าไป จิ้นเฟิงเฉินก็ตะโกนเรียกเธอ
“สื้อสื้อ ผมรบกวนคุณสักหนึ่งนาทีได้ไหม?”
พอเจียงสื้อสื้อได้ยินดังนั้น ก็กลับมาที่ข้างรถอย่างงงๆ ไม่รู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินมีเรื่องอะไรอีก
จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างเกรงใจว่า “พรุ่งนี้ผมต้องไปทำงานที่อิตาลี อาจจะต้องไปสักพักหนึ่ง ถึงเวลานั้นเสี่ยวเป่าจะต้องอยู่บ้านคนเดียว ถ้าหากคุณสะดวกช่วยผมดูแลสักหน่อยได้ไหม?”
พูดจบ เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะลังเลใจ เงยหน้ามองขึ้นไปบนห้อง
ไฟจากห้องของฝู้จิงเหวินยังคงสว่างอยู่ เธอรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ
แต่พอนึกถึงเวลาที่เสี่ยวเป่าจะต้องอยู่ลำพัง เธอก็ทนไม่ได้
ตอนหลังจึงได้พูดไปอย่างไม่ชัดเจนว่า “ฉัน……ถ้ามีเวลาฉันจะไป”
พูดจบก็หมุนตัวเดินเข้าประตูไป
มองตามหลังของเธอที่เดินจากไป จิ้นเฟิงเฉินก็เหม่อมองขึ้นไปที่ห้องชั้นบน
หลังจากที่เจียงสื้อสื้อเข้าประตูไปแล้วสักพัก รถถึงได้เคลื่อนออกจากบ้านตระกูลฝู้
ฝู้จิงเหวินที่อยู่ข้างบน ผ่านหน้าต่างรถ เมื่อมองเห็นจิ้นเฟิงเฉินและเสี่ยวเป่าอยู่ในรถ ใบหน้าของเขาก็มืดมนและน่ากลัว
เจียงสื้อสื้อโกหกเขาจริงๆด้วย
ไปกินข้าวกับเพื่อนซะที่ไหน เห็นอยู่ว่าไปกับผู้ชายคนนี้ชัดๆ