ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 654 โลกถล่มทลายในฉับพลัน
บทที่ 654 โลกถล่มทลายในฉับพลัน
“ที่แท้ก็จะดูสิ่งนี้นี่เอง เสี่ยวเป่าก็เคยเห็นเหมือนกัน รูปของหม่ามี๊สวยมากเดี๋ยวหนูช่วยเปิดให้หม่ามี๊เอง”
ขณะที่เสี่ยวเป่าพูด ก็เปิดสมุดเล่มสีแดงสองเล่มออกด้วยความดีอกดีใจ และยื่นให้กับเจียงสื้อสื้อ
เลียริมฝีปากแห้ง เจียงสื้อสื้อเลิกเปลือกตามองดู
แค่แวบเดียวเธอก็แข็งทื่ออยู่กับที่
หลังจากที่เห็นรูปผู้หญิง ในใจราวกับถูกฟ้าผ่า
เธองุนงงอยู่ครู่หนึ่ง
ผู้หญิงที่อยู่ในรูปนั้นเป็นเธอ และหน้าตาไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่ต่างก็คือ ผู้หญิงที่เคล้าคลออยู่กับจิ้นเฟิงเฉินคนนั้น ยิ้มอย่างเบิกบานและสีหน้ามีความสุขอย่างมาก
ดังนั้นเธอเป็นภรรยาของจิ้นเฟิงเฉินจริงๆ?
ปลายนิ้วของเจียงสื้อสื้อสั่น ในหัวมีเพียงความว่างเปล่า
สิ่งที่เธอรับรู้มาตลอดสามปีพลิกกลับ โลกถล่มทลายในฉับพลัน
ในใจอดไม่ได้ที่จะเกิดความสับสน
เธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับความจริงนี้อย่างไร เธอรีบลุกขึ้น และวิ่งออกไปอย่างโซซัดโซเซจากประตูหน้า
“หม่ามี๊?จะไปไหน?”
“สื้อสื้อ!”
เสียงของเสี่ยวเป่ากับจิ้นเฟิงเฉินดังตามหลังเธอมาอย่างกระชั้นชิด เจียงสื้อสื้อราวกับไม่ได้ยิน วิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง
ในใจคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะหนีออกไปจากที่นี่
เงาหลังดูเหมือนหนีกระเจิดกระเจิง แสดงให้เห็นถึงความเวทนา
เจียงสื้อสื้อกลับมาถึงบ้านด้วยจิตใจที่สับสนวุ่นวาย
ขณะที่กำลังจะหยิบกุญแจออกมา ประตูข้างในก็ถูกเปิดออก
ฝู้จิงเหวินกำลังจะออกจากบ้าน เห็นเธอหยุดฝีเท้าลง จึงถามขึ้นอย่างประหลาดใจว่า“สื้อสื้อ คุณกลับมาแล้ว”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า ไม่พูดไม่จา เดินผ่านฝู้จิงเหวินและเข้าไปในห้องทันที
กระทั่งฝู้จิงเหวินปิดประตูเรียบร้อยแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้อยู่ในห้องรับแขกแล้ว เขาเข้าไปหาในห้องและเสียงน้ำไหลก็ดังออกมาจากในห้องน้ำ
ฝู้จิงเหวินยืนพิงที่ประตู เคาะประตูและตะโกนร้องออกมาว่า“สื้อสื้อ?”
“อืม ฉันล้างหน้าประเดี๋ยวหนึ่ง”
เสียงของเจียงสื้อสื้อปนเปอยู่กับเสียงน้ำไหล
ฝู้จิงเหวินรู้สึกไม่สบายใจอย่างแปลกๆ สีหน้าของเจียงสื้อสื้อเมื่อสักครู่นี้ดูแย่มาก
เกิดเรื่องอะไรขึ้น เกี่ยวกับเขาไหม?
เธออยู่ในนั้นสิบกว่านาที เมื่อเห็นฝู้จิงเหวินรออยู่ที่ด้านหน้าประตู สายตาก็เผยความไม่เป็นตัวของตัวเองออกมา
“คุณเป็นอะไรไป……มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“พวกเราคุยกันเถอะ”
ฝู้จิงเหวินจูงมือเธอมานั่งที่ห้องรับแขก เจียงสื้อสื้อนั่งลงอย่างเคร่งเครียดพลางถามขึ้นว่า“คุยเรื่องอะไรคะ?”
เมื่อเห็นสีหน้าของเธอไม่สู้ดีนัก ฝู้จิงเหวินก็ไปริมน้ำอุ่นมาให้เธอ และมองเธอด้วยความเป็นห่วง
เห็นได้ชัดว่าเขาพอจะทราบเรื่องในงานบ้างแล้ว“คุณโอเคไหม ได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?”
ขณะที่พูด เขาก็เขยิบตัวเข้ามา
เจียงสื้อสื้อถอยหลังกลับไปอย่างอัตโนมัติ ปากก็พูดปฏิเสธ
“ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”
ฝู้จิงเหวินนิ่งเงียบ แววตาหดหู่
เจียงสื้อสื้อไม่ต้องการให้เขาเข้าใกล้เธอ แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งสองจะแต่งงานกันแล้ว
แบบนี้ ไม่ดูห่างเหินเกินไปเหรอ?
ในใจเรื่องคิดแบบอื่น แต่ปากกลับพูดว่า“ผมรู้สึกเป็นกังวล ให้ผมดูบาดแผลหน่อยได้ไหมครับ?”
เจียงสื้อสื้อดึงกระโปรงพลางพูดขึ้นว่า“ไม่เป็นอะไรจริงๆค่ะ ฉันทายาเรียบร้อยแล้ว”
“อ่อ”
ฝู้จิงเหวินรับคำอย่างอุดอู้
เจียงสื้อสื้อเหลือบมองเขาครู่หนึ่ง อยากจะพูดอะไรออกมา แต่สุดท้ายก็พูดไม่ออก
ทั้งสองนั่งอยู่ครู่หนึ่ง ฝู้จิงเหวินก็ปรับอารมณ์ของตนเองพลางถามขึ้นอีกครั้งว่า“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ สีหน้าของคุณดูไม่ค่อยดีเลยนะครับ”
ท่าทีเต็มไปด้วยความในใจเช่นนั้น ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวล
ในเวลานี้ในหัวของเจียงสื้อสื้อเต็มไปด้วยคำพูดของจิ้นเฟิงเฉิน
พวกเราแต่งงานกันแล้ว ดังนั้นคุณไม่สามารถแต่งงานกับฝู้จิงเหวินได้ ไม่เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายการแต่งงาน
“สื้อสื้อ?”ขณะที่เธอกำลังใจลอย ฝู้จิงเหวินก็เร่งถามขึ้นอีกครั้ง
เจียงสื้อสื้อจ้องมองแววตาของฝู้จิงเหวินที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง ในที่สุดก็ยอมเปิดปาก
“จิงเหวินพวกเราคงแต่งงานกันไม่ได้”
ขณะที่เธอพูดประโยคนี้ออกมา เธอก็รู้สึกเบาใจลง
จู่ๆสีหน้าของฝู้จิงเหวินก็เปลี่ยนไป
หลายวันมานี้ ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น แล้วทำไมถึงได้เปลี่ยนใจล่ะ
“เพราะ……อะไร?”
ฝู้จิงเหวินถามขึ้นสามคำอย่างยากลำบาก น้ำเสียงแหบแห้ง
เจียงสื้อสื้อใส่กระโปรงดูดี นั่งเฉียงๆอยู่บนโซฟา
ก้มหน้าลงเล็กน้อย ใบหน้าที่เผยออกมาน้อยนิด ทำให้คนรู้สึกอยากจะทะนุถนอม
ขนตาบางของเธอโน้มลงปกปิดแววตา
ฝู้จิงเหวินอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น สองสายตาจ้องมองไปที่เจียงสื้อสื้อ แววตาเต็มไปด้วยความเครียดและไม่ยอมแพ้
เจียงสื้อสื้อกัดริมฝีปากแน่น เงยหน้าขึ้นมาด้วยแววตาที่งงงวย
“เพราะว่าวันนี้ฉันได้รับรู้เรื่องหนึ่ง ฉันกับจิ้นเฟิงเฉินเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย”
เมื่อพูดจบ ฝู้จิงเหวินก็ตะลึงงัน
เธอกับจิ้นเฟิงเฉินแต่งงานกันแล้ว!
ในใจเริ่มรู้สึกสับสน ถึงว่าจิ้นเฟิงเฉินตามกัดไม่ยอมปล่อย ที่แท้ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็มาถึงขั้นนี้แล้ว แต่ว่าแล้วจะให้ทำอย่างไร
ตอนนี้เจียงสื้อสื้อจำความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ มีเพียงจิ้นเฟิงเฉินที่ปรารถนาอยู่แต่ฝ่ายเดียวเท่านั้น
ทะเบียนสมรสเป็นเพียงตัวแทนของอดีต ไม่สามารถบอกอะไรให้ชัดเจนได้
ฝู้จิงเหวินรีบทำความเข้าใจกับความสัมพันธ์และพูดขึ้นอย่างมีสติว่า
“กฎหมายบอกว่าหากสามีภรรยาแยกกันอยู่เป็นระยะเวลาสองปี ก็ถือว่าเป็นการหย่าร้างกันโดยอัตโนมัติ”
ฝู้จิงเหวินพูดขึ้นอย่างใจเย็น
เจียงสื้อสื้อไม่พูดไม่จา
ฝู้จิงเหวินกุมมือเธอไว้ อารมณ์ดีว่าเมื่อสักครู่มาก
เขาทราบอย่างแน่ชัดแล้วว่าเจียงสื้อสื้อเป็นกังวลเรื่องที่เธอต้องแต่งงานซ้ำซ้อนแต่ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่อยากแต่งงานกับเขา
เจียงสื้อสื้อดึงมือออกมาอย่างสงบเยือกเย็น โดยอ้างว่าจะออกไปหยิบแก้วน้ำ พลางพูดขึ้นอย่างอำพราง“อ่อ เป็นแบบนั้นเหรอคะ?”
“ครับ”
ฝู้จิงเหวินกลับไม่ได้ใส่ใจ พูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า“กฎหมายเขียนไว้แบบนั้น พวกคุณแยกกันอยู่สามปีกว่าแล้ว ไม่ส่งผลกระทบกับการแต่งงานของเราหรอกครับ”
มือของเจียงสื้อสื้อถือแก้วน้ำอยู่ เธอค่อยๆดื่มอย่างช้าๆ
ฝู้จิงเหวินกลับพูดขึ้นอีกว่า“ดังนั้น คุณอย่าคิดมากเลย รอแต่งงานอย่างสบายใจเถอะ”
แต่สีหน้าของเจียงสื้อสื้อไม่มีรอยยิ้มของความดีอกดีใจเลยแม้แต่น้อย เธอนั่งลงอย่างเงียบๆ ไม่มีการตอบสนองใด ๆ กับคำพูดของฝู้จิงเหวิน
ฝู้จิงเหวินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนใจ เขาจึงอ่อนโยนลงกว่าเดิมที่ปกติจะดุดันเย็นชา
“ทำไมเหรอ คุณไม่เชื่อผมเหรอ?ลองถามทนายไหมล่ะ”
เมื่อพูดจบ เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เตรียมที่จะโทรหาทนาย
เจียงสื้อสื้อจับมือเขาไว้แน่น เพื่อขวางการกระทำของเขา “ฉันเชื่อคุณ”
ฝู้จิงเหวินถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย
ใครจะไปรู้ว่าเจียงสื้อสื้อจะถามขึ้นมาอีกประโยคหนึ่งว่า“แต่ว่าสิ่งที่คุณพูดจะต้องเห็นตรงกันทั้งสองฝ่าย หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่เห็นด้วยก็จะไม่บรรลุผลตามนั้น”
ฝู้จิงเหวินนั่งนิ่ง เขาลืมไปว่าจิ้นเฟิงเฉินกระทั่งตอนนี้ยังไม่ยอมปล่อยมือ
และขอเพียงแค่เขาไม่ยอม เจียงสื้อสื้อก็ไม่สามารถที่จะแต่งงานกับเขาได้
ในเวลานี้ ฝู้จิงเหวินเกิดความรู้สึกอยากที่จะต่อยหน้าคน
เจียงสื้อสื้อก็เริ่มรู้สึกเหนื่อย เธอลุกขึ้นพลางพูดกับฝู้จิงเหวินว่า“ฉันขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ”
เมื่อพูดจบเธอก็เดินเข้าไปในห้องและปิดประตู
ปล่อยให้ฝู้จิงเหวินนั่งอยู่ในห้องรับแขกอยู่นาน