ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 66 เธอกล้าดียังไงถึงไปคิดสู้
บทที่ 66 เธอกล้าดียังไงถึงไปคิดสู้
เจียงสื้อสื้อไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทุกครั้งที่สงบสติอารมณ์ลงได้ก็อยากที่จะอยู่ห่างจากจิ้นเฟิงเฉิน แต่พอเจอเขา ในใจกลับสั่นกระสับกระส่ายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
หรือว่าตัวเองจะรักเขาเข้าจริงๆแล้ว?
เจียงสื้อสื้อนอนคิดไปคิดมา ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร จึงได้หลับไป
……
วันถัดมา ทั้งสามคนกำลังนั่งทานอาหารเช้ากันที่โต๊ะ
ภาพเมื่อวานยังคงลอยอยู่ในหัวเป็นฉากๆตอนๆ เจียงสื้อสื้อรู้สึกอึดอัดไม่น้อย สายตาของเธอชำเลืองไปมองจิ้นเฟิงเฉินนิ่งๆอย่างช่วยไม่ได้
ส่วนผู้ชายในตอนนี้ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก้มหน้าทานอาหารด้วยท่าทางสง่างาม
เจียงสื้อสื้อแอบด่าท้อตัวเองในใจ ก็แค่จูบจูบเดียว? จะคิดเยอะไปทำไม
ครั้งก่อนก็เป็นเพราะว่าดื่มมากไป ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
หลังจากทานอาหารเสร็จ วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เสี่ยวเป่าไม่ต้องไปเรียน แต่เจียงสื้อสื้อยังมีธุระที่ต้องไปทำที่บริษัทต่อ จิ้นเฟิงเฉินไปส่งเธอที่บริษัท
บนรถ ทั้งสองพูดคุยกันไม่กี่ประโยค บรรยากาศอึดอัดไม่น้อย ในที่สุดก็มาถึงทางเข้าบริษัทจิ่นซื่อ ขณะที่เจียงสื้อสื้อกำลังจะลงรถ ก็ได้ยินจิ้นเฟิงเฉินเอ่ยปากพูดขึ้น“ตอนค่ำผมมีงานเลี้ยง ก็เลยจะไม่พาเสี่ยวเป่าไปหาคุณแล้วนะ”
“อื้อ”เจียงสื้อสื้อพยักหน้า แล้วก็ไม่ได้มีความคิดอะไรอื่นอีก
เธอลงรถ แล้วเดินเข้าบริษัทไป หลังจากที่มาถึงโต๊ะทำงาน ก็เริ่มลงมือทำโปรเจกต์หยุนซานต่อ
เจียงสื้อสื้อที่นึกว่าวันนี้ก็จะผ่านไปแบบนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งถึงช่วงบ่ายสี่โมงกว่า เธอได้รับโทรศัพท์จากจิ้นเฟิงเหรา
“คุณชายรองจิ้น มีอะไรเหรอคะ?”เจียงสื้อสื้อถามขึ้นด้วยความสงสัย
อีกฝั่งมีเสียงที่รุกรี้รุกรนของคุณชายรองจิ้นดังขึ้นมา“คุณเจียง ตอนนี้ผมอยู่ข้างล่างบริษัทของคุณ มีเรื่องด่วน ต้องการความช่วยเหลือ คุณช่วยลงมาโดยเร็วเลยได้ไหม?”
“หือ?”เจียงสื้อสื้อลงไปข้างล่างด้วยความสงสัย จากนั้นก็ถูกจิ้นเฟิงเหราลากขึ้นรถไป
รถแล่นออกไปจากล่างตึกบริษัทของเธอ เห็นท่าทางของจิ้นเฟิงเหราแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ยิ่งสงสัยขึ้นไปอีก
“เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเป่าใช่ไหม? หรือว่าจิ้นเฟิงเฉินเป็นอะไร?”
เจียงสื้อสื้อเอ่ยปากถามขึ้นด้วยความกังวล แต่ท่าทางนี้ของจิ้นเฟิงเหราดูเหมือนกับไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย!ท่าทางเหมือนกับกำลังจะไป……ออกรบที่ไหน
“ไม่ใช่ เสี่ยวเป่ากับพี่ชายของผมไม่ได้เป็นอะไร!แต่มีเรื่องที่ใหญ่กว่านั้น”
พูดพราง จิ้นเฟิงเหราก็เร่งความเร็วขึ้นไปอีก
เจียงสื้อสื้อตามเขาไปจนถึงคลับเฮาส์ความสวยความงามที่ชื่อว่าSD อย่างงๆ
หลังจากเจียงสื้อสื้อถูกเขาลากเข้าไปด้วยสีหน้ามึนงง จิ้นเฟิงเหราก็เปิดปากกำชับพนักงาน
“รีบแต่งตัวให้กับคุณผู้หญิงท่านนี้ แต่งให้สวยที่สุดเท่าที่จะแต่งได้”
“ได้ค่ะ คุณชายรองจิ้น”
เจียงสื้อสื้อยืนมองจิ้นเฟิงเหราด้วยสีหน้าอึ้งตะลึง“เดี๋ยวสิ คุณชายรองจิ้น นี่คุณจะทำอะไร?”
มาแต่งตัวให้เธอ นี่คือสิ่งที่เขาบอกว่าเป็นเรื่องใหญ่อย่างนั้นเหรอ?
“เดี๋ยวคุณก็รู้เอง”
เจียงสื้อสื้อถูกพนักงานลากเข้าไปห้องเดี่ยว หลังจากถูกจับใส่นู่นจับแต่งนี่อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า บำรุงผิวพรรณ แต่งหน้า จัดทรงผม สวมชุดพิธีการ……
หลังจากเดินออกมาจากห้องแต่งหน้า จิ้นเฟิงเหราอึ้งตะลึงกับเจียงสื้อสื้อที่ถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
นี่……นี่คือพี่สะใภ้ของเขาจริงๆใช่ไหม?
แค่กๆ จิ้นเฟิงเหราสบถออกมาอย่างช่วยไม่ได้ สายตาของพี่ดีจริงๆ เจียงสื้อสื้อที่ไม่ได้แต่งตัวจัดเต็มก็ดูดีน่าดึงดูดแล้ว พอแต่งออกมา ก็ดูสวยงามน่าสะดุดตาขึ้นไม่น้อย
จิ้นเฟิงเหรายิ้มด้วยความพออกพอใจ
“คุณเจียงสวยมากจริงๆ”เขาดูนาฬิกาในข้อมือก่อนจะเปิดปากพูดขึ้นต่อ“ไปกันเถอะ!ใกล้จะถึงเวลาแล้ว”
เจียงสื้อสื้อที่ถูกจับเสริมเติมแต่งไปหนึ่งยกใหญ่ ก็จ้องเขม็งดูเหมือนว่าเธอจะถูกลากตัวไปอีกแล้ว ในที่สุดก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
“คุณชายรองจิ้น คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”
บอกว่ามีเรื่องด่วน แล้วก็พาตนเองมาแต่งตัวอะไรแบบนี้? แล้วหลังจากนี้ล่ะ……มันดูน่าสงสัยไปหมด!
จิ้นเฟิงเหรายิ้มๆอย่างเดาอารมณ์ไม่ถูก“คุณเจียง อย่าเพิ่งโกรธสิครับ ผมต้องไปงานเลี้ยงงานหนึ่ง ต้องการคู่ควงไปด้วย”
เจียงสื้อสื้อมองบนอย่างหมดคำพูด เขาต้องการคู่ควงแล้วมาหาเธอเพื่ออะไร?
“คุณชายรองจิ้นแบบคุณเนี่ยนะจะขาดคู่ควง? ใครจะเชื่อ? ล้อมรอบไปด้วยผู้หญิงมากมายตลอดเวลาขนาดนั้น โกหกชัดๆ!”
จิ้นเฟิงเหราแกล้งทำเป็นไม่รู้ พูดขึ้นอย่างสมเหตุสมผล“ไม่มีจริงๆ ผู้หญิงพวกนั้นก็แค่เล่นๆทั้งนั้น จะเหมาะมาเป็นคู่ควงกับผมได้ยังไง แถมแฟนเก่าของผมก็อยู่ที่งานด้วย!ต้องพาผู้หญิงแบบคุณเจียงไปด้วยถึงจะเป็นหน้าเป็นตาให้ผมได้!”
ไม่ว่าจะพูดยังไง แต่จิ้นเฟิงเหราก็กังวลว่าพี่ชายของตัวเองจะถูกแย่งชิงไป
งานเลี้ยงที่ตระกูลซูจัดขึ้นในคืนนี้ มีคนใหญ่คนโตของตระกูลซูหลายท่านลงมากำกับดูแลด้วยตัวเอง รู้ดีว่าคุณท่านตระกูลซูมองพี่ชายของเขามานานมากแล้ว คิดอยากที่จะได้เขามาเป็นหลานเขยของตระกูลซู
ไหนจะมีซูชิงหยิงคนนั้นอีก ก็ไม่รู้ว่าจะงัดไม้ไหนมาอ่อยพี่ชายของเขาด้วย
ในงานเลี้ยงมีสุภาพสตรีสูงศักดิ์อยู่ด้วยไม่น้อย ถ้าเกิดมีคนเอาจริงเอาจัง แล้ววางยาพี่ชายของเขาหรือไม่ก็วิธีการอะไรก็แล้วแต่ขึ้นมาล่ะ
เพื่อความสุขของพี่ชายตระกูลตัวเอง จิ้นเฟิงเหราก็เลยต้องพาเจียงสื้อสื้อไปที่นั่นด้วย
เขาเรียกว่า กันไว้ดีกว่าแก้
พอเห็นสีหน้าของเจียงสื้อสื้อที่ยังคงสับสนอยู่นั้น จิ้นเฟิงเหราก็พูดโน้มน้าว“คุณเจียง ช่วยอยู่เป็นหน้าเป็นตาให้กับพี่ชายของผมและเสี่ยวเป่าหน่อยสิครับ!ผมรับประกันเลยว่าอีกเดี๋ยวก็กลับได้แล้ว รับรองว่าจะไม่รบกวนเวลาคุณมากเกินไปแน่นอน”
เจียงสื้อสื้อไม่มีอะไรจะพูด แต่แต่งตัวซะจัดเต็มขนาดนี้แล้ว ก็ต้องตอบรับไปด้วยความจำใจ
“ไปกันเถอะ!”
พอเห็นเธอรับปากแล้ว จิ้นเฟิงเหราแววตาก็ยิ้มแย้มขึ้นมาทันที แล้วทั้งสองก็ขับรถจากไป
……
ในขณะเดียวกัน ณ โรงแรมดี้จื๋อที่กำลังจัดงานเลี้ยงสุดยิ่งใหญ่
สิ่งตกแต่งภายในงานหรูหราสวยงาม ภายใต้แสงสว่างจากโคมไฟคริสตัล ผู้คนเดินไปเดินมา แก้วไวน์ยกขึ้นยกลงเต็มไปหมด
งานเลี้ยงครั้งนี้เป็นงานที่ตระกูลซูจัดขึ้นเพื่อต้อนรับซูชิงหยิง
ซูชิงหยิงแต่งตัวได้สง่างามเจิดจรัส แต่งหน้าสละสวยดูดี สวมชุดเดรสราคาแพง ตั้งแต่หัวจรดเท้าดึงดูดสายตาผู้คน
ตอนนี้เธอกำลังทักทายแขกในงานพร้อมกับคุณปู่แล้วก็คุณพ่อคุณแม่
ตระกูลซูก็เป็นตระกูลที่สูงศักดิ์และมีชื่อเสียง มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและลึกซึ้ง งานเลี้ยงครั้งนี้มีคนใหญ่คนโตมากันไม่น้อย แถมยังมีลูกท่านหลานเธออีกมากมาย
ทุกสายตาที่จับจ้องมาที่ซูชิงหยิงล้วนไม่ธรรมดา เคยได้ยินสมยานามของคุณหนูใหญ่ที่ยอดเยี่ยมคนนี้ของตระกูลซูมาก่อนบ้างแล้ว แต่ไม่คิดถึงเลยว่าจะหน้าตาดีขนาดนี้
คนไม่น้อยที่อยากเข้าไปสนทนาพูดคุยด้วย แต่พอเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆเธอแล้ว ทุกคนต่างก็ขี้ขลาดไปตามๆกัน
ข้างๆซูชิงหยิงก็คือจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินกำลังพูดคุยเรื่องธุรกิจอยู่กับพ่อซู(พ่อของซูชิงหยิง) เขาสวมเสื้อสูทสีดำ ในเวลานี้ตั้งแต่หัวจรดเท้ามันดูดีมีสง่าราศี ดึงดูดสายตาเหล่าบรรดาคุณหนูจำนวนไม่น้อย
เจ้าภาพของงานยืนอยู่ด้วยกันกับจิ้นเฟิงเฉิน ทุกคนต่างก็พากันซุบซิบ
“ซูชิงหยิงหน้าตาดีจริงๆ!ภูมิหลังครอบครัวก็ดี ได้ยินมาว่าคุณท่านตระกูลซูคิดที่จะยกซูซื่อกรุ๊ปให้เธอเป็นผู้สืบทอดต่อ”
“ไม่รู้ว่าเธอกับประธานจิ้นมีความสัมพันธ์อะไรกัน ได้ยินมาว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้ว คุณชายจิ้นไม่ได้มีแฟนมานานหลายปีขนาดนี้ พวกคุณว่าเขากำลังรอคุณซูกลับมาใช่ไหม?”
“จะเป็นใครได้อีกล่ะ!มีแค่คุณซู ผู้หญิงแบบนี้เท่านั้นที่เหมาะสมกับประธานจิ้น”
“……”
ซูชิงหยิงยิ้มด้วยความมั่นใจ แววตาคู่นั้นมองไปที่จิ้นเฟิงเฉินเป็นระยะๆด้วยความรัก ได้ยินคำพูดซุบซิบจากคนรอบข้าง มุมปากของเธอก็ยกขึ้นเล็กน้อย
เหล่าบรรดาผู้ใหญ่ของตระกูลซูกำลังพูดคุยอยู่กับแขกคนอื่นๆ ซูชิงหยิงเดินเข้ามาข้างๆจิ้นเฟิงเฉินก่อนจะถามขึ้น“รู้สึกเบื่อไหมคะ อยากไปเดินเล่นสักหน่อยไหม?”
“ไม่ต้อง”จิ้นเฟิงเฉินตอบกลับอย่างนิ่งๆ
ซูชิงหยิงเห็นกระนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ในขณะเดียวกัน ตรงมุมอับสายตามุมหนึ่งภายในงานเลี้ยงมีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนอยู่ สายตาของพวกเขากำลังเพ่งมองปฏิกิริยาของซูชิงหยิงและจิ้นเฟิงเฉิน
สองคนนั้นก็คือเจียงนวลนวลและหลานซือเฉิน
สถานการณ์ของตระกูลหลานและตระกูลเจียงในตอนนี้ค่อนข้างสุ่มเสี่ยงมาก ดังนั้นหลานซือเฉินก็เลยต้องใช้ช่องทางและเส้นสายไม่น้อย เพื่อให้ได้รับคำเชื้อเชิญให้มาเข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ได้ พยายามไต่เต้าความสัมพันธ์กับตระกูลซู
ต่อให้ไต่ไม่ถึงตระกูลซู ก็สามารถมาเชื่อมความสัมพันธ์ได้สักนิด ทำความรู้จักผู้คนในนี้บ้างสักหน่อยก็ยังดี แต่นึกไม่ถึงว่ากลับมาเจอจิ้นเฟิงเฉินที่นี่ด้วย
ดูท่าทางแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซูชิงหยิงคงจะไม่ธรรมดาแล้วสิ……
แววตาของหลานซือเฉินแฝงไปด้วยความสับสนไม่เข้าใจ“จิ้นเฟิงเฉินชอบเจียงสื้อสื้อ ผู้หญิงชั้นต่ำนั่นไม่ใช่หรือไง?”
แถมมาทำให้แขนตัวเองหักแบบนี้ก็เพื่อเธออีกด้วย แล้วสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เจียงนวลนวลมองสำรวจซูชิงหยิง มุมปากของเธอยกขึ้นยิ้ม
“ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ เห็นได้ชัดว่าคุณซูนั่นชอบจิ้นเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้อกล้าดียังไงถึงคิดจะไปสู้? เหอะ ก็แค่ผู้หญิงที่ไม่มีฐานะไม่มีภูมิหลังครอบครัวแถมยังเคยคลอดลูกให้คนอื่นมาแล้วแบบเธอ……จะเอาอะไรไปเทียบกับซูชิงหยิง”