ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 677 เป็นคนที่ไม่รู้จักกันจริงๆ เหรอ
บทที่ 677 เป็นคนที่ไม่รู้จักกันจริงๆ เหรอ
อีกฝั่ง ตำรวจพาคนในเหตุการณ์กลับไปที่สถานีตำรวจ
ทันใดนั้น สถานีตำรวจก็แคบลงอย่างมาก
เสียงดังวุ่นวายขึ้นมาในทันทีทันใด
แม้ว่าในกลุ่มของเจ้าของรถที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่มีคนขับรถบรรทุกอยู่ด้วย แต่พวกเขาก็สีหน้าขาวซีด
เพราะได้รับผลกระทบและชนคน จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุทางจราจรที่ใหญ่ขนาดนี้
ยังไม่รู้ว่าจะโดนลงโทษยังไง
ตอนอยู่ในสถานีตำรวจรู้สึกเคร่งเครียดและตัวสั่นไปหมด
“ดื่มน้ำสักหน่อย ใจเย็น ๆ ก่อนนะ”
เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาปลอบใจพวกเขา
คนขี้กลัวคนหนึ่งออกมาถามว่า “คุณตำรวจ ผมจะติดคุกไหมครับ”
เจ้าหน้าที่ตำรวจปลอบใจเขา แล้วกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “อย่ากังวลไปเลย ตอนนี้ยังไม่ทราบความเป็นมาของเรื่องทั้งหมด ใจเย็น ๆ เราขอสอบปากคำก่อน”
หลังจากนั้นไม่นาน ทางสถานีตำรวจก็เริ่มสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิด
“ลองพูดในส่วนที่คุณจำได้มาก่อน ยิ่งละเอียดยิ่งดี”
“ผมเองก็ไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกัน ตอนนั้นผมขับรถตามปกติอยู่บนถนน แล้วได้ยินเสียงแตรรถดังจากด้านหน้า ต่อมารถคันข้างหน้าผมก็เสียหลัก และหันข้างมาทางผม …”
มีคนเม้มริมฝีปากอย่างตัวสั่น แล้วค่อยๆ ย้อนคิดรายละเอียดต่างๆ
เจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกไว้ทีละคน
ระหว่างนั้นมีโทรศัพท์โทรเข้าที่สถานีตำรวจ
ทางโรงพยาบาลเป็นคนโทรมา
บอกว่าเจียงนวลนวลเสียชีวิตขณะถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล
คนขับรถบรรทุกได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังรับการรักษา
เมื่อมันเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม ใบหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดูเคร่งเครียดทันที
“มีอะไรเพิ่มอีกไหม มีใครทราบรายละเอียดของการเสียหลักของรถบรรทุกหรือไม่ มีผู้เห็นเหตุการณ์ไหม?”
ตำรวจยังเร่งความเร็วในการสอบปากคำ และสอบถามคนในเหตุการณ์
“เหมือนว่าผู้หญิงคนนั้น … ผู้หญิงคนนั้นวิ่งฝ่าไฟแดง”
มีคนพูดอะไรออกมาอย่างไม่แน่ใจ
เรื่องนี้ดูกล้องวงจรปิดก็ทราบได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่ตำรวจต้องการคือทราบรายละเอียด
แต่เมื่อถามเชิงลึก ชายคนดังกล่าวก็พูดอะไรไม่ออก
เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ พวกเขาต่างก็ได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างมาก ยังไม่สามารถดึงสติกลับมาได้
บรรยากาศในสถานีตำรวจดูเคร่งขรึม พวกเขาเตรียมโทรหาคนให้มาให้ข้อมูลเพิ่ม
ในอีกด้านหนึ่ง เจียงสื้อสื้อไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย หลังจากที่เจียงนวลนวลหนีไป เธอก็ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล
มีชายแปลกหน้าสองสามคนเดินตามเธอไป และถามว่าเธอเป็นอะไรรึเปล่าด้วยความกังวล
เจียงสื้อสื้อถามพวกเขาด้วยความงุนงงว่าพวกเขาเป็นใคร แต่พวกเขาก็ไม่พูดอะไร
เพียงแค่พาเธอไปโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ และหาพยาบาลมาทำแผลให้เธอ
ทันทีที่เธอรอดพ้นจากความตาย เจียงสื้อสื้อไม่มีเวลามาสนใจเรื่องต่างๆ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ใส่ใจกับเบาะแสของคนเหล่านี้มากนัก
ขณะนี้พยาบาลกำลังทำแผลตรงหัวเข่าให้เธอ
“โอเค จัดการเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่มันเป็นแค่แผลถลอก ระวังอย่าให้สัมผัสกับน้ำก็พอ แต่ฉันได้ข่าวว่าคุณถูกส่งมาเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์
เพื่อความปลอดภัย คุณรอให้ผลตรวจอื่น ๆ ออกมาก่อนแล้วค่อยกลับไปจะดีกว่านะคะ ก่อนหน้านี้มีผู้ป่วยคนหนึ่งเหมือนคุณ ตอนโดนรถชนไม่เป็นอะไร ก็เลยไม่ได้ตรวจ พอกลับบ้านไปก็เลือดไหลจนเสียชีวิต …”
เจียงสื้อสื้อสับสนวุ่นวายอยู่ในใจ เธอไม่มีอารมณ์ที่จะฟังพยาบาลบ่น
เธอยังคงคิดอยู่ว่าผู้หญิงคนที่ผลักเธอคือใคร
ทันใดนั้นเจียงสื้อสื้อก็จำบางเรื่องขึ้นมาได้ แล้วก็เงยหน้าขึ้นและถามพยาบาลว่า “คุณพยาบาลคะ คนที่ช่วยฉันตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนคะ”
พยาบาลมองเธอด้วยท่าทีมึนงง
“น่าจะมาพร้อมฉัน เป็นผู้ชายสองสามคน ตัวสูงๆ คุณพอนึกออกไหมคะ?”
เจียงสื้อสื้อพยายามช่วยให้พยาบาลจำได้
“อ๋อ คุณหมายถึงคนที่ส่งคุณมาที่นี่ใช่ไหม พวกเขาเพิ่งกลับไปเมื่อสักครู่นี้ พวกเขาบอกว่าไม่มีอะไรมาก พวกเขาคุยโทรศัพท์ไปด้วยเดินไปด้วย ไม่รู้ไปไหนแล้ว เพียงแต่บอกให้เราดูแลคุณให้ดีก็พอ”
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เจียงสื้อสื้ออึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ตระหนักได้ว่า
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้จักเธอ
แต่ใบหน้าเหล่านี้เป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยเลย ทันใดนั้น อารมณ์ของเธอก็ยิ่งสับสนวุ่นวายมากขึ้น
เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในวังวนแปลก ๆ และรู้สึกเหมือนมีเล่ห์กลอยู่รอบตัวเธอ
ปลายนิ้วของเธอขาวซีด เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วโทรศัพท์หาฝู้จิงเหวิน
ฝู้จิงเหวินกำลังทำการทดลองในห้องทดลอง เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเขาได้รับโทรศัพท์จากเจียงสื้อสื้อ
เขามีรอยยิ้มบนริมฝีปาก เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฮาโหล สื้อสื้อ มีอะไรหรือ?”
“จิงเหวิน คุณมารับฉันที่โรงพยาบาลหน่อยได้ไหม”
เจียงสื้อสื้อขยับข้อเท้าของตน แล้วสีหน้าของเธอก็แสดงความเจ็บปวดออกมา
ส่วนที่กระทบโดนตอนล้มอยู่ที่หัวเข่า เธอลองขยับแล้ว ก็เจ็บปวดมากพอสมควร เธอเดินกะเผลก
และเธอห่างจากความตายเพียงก้าวเดียวเท่านั้น เธอรู้สึกหวาดกลัวและขาอ่อนหลังจากที่เธอคิดถึงเรื่องนี้
น้ำเสียงที่อ่อนแอทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของฝู้จิงเหวินค่อยๆ หายไป
เขารีบวางหลอดทดลองในมือลง และถอดเสื้อกาวน์สีขาวออกอย่างรีบร้อน
เขาถามเจียงสื้อสื้อด้วยสีหน้าลุกลี้ลุกลน “เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณถึงอยู่โรงพยาบาล?”
เจียงสื้อสื้อนวดที่เท้าของเธอและกระซิบเบา ๆ ว่า “ตอนอยู่บนท้องถนน มีผู้หญิงคนหนึ่งผลักฉันและฉันเกือบจะถูกรถชน แต่มีคนช่วยฉันไว้ ก็เลยเป็นแค่แผลถลอกนิดหน่อย…”
คำพูดที่นิ่งเฉยของเจียงสื้อสื้อ เมื่อฝู้จิงเหวินฟังแล้วกลับรู้สึกน่าตกใจอย่างมาก
ขมับของเขาเต้นตุ้บๆ
สีหน้าของฝู้จิงเหวินเปลี่ยนไปอย่างมาก ในใจของเขากังวลกระวนกระวาย
“คุณอยู่โรงพยาบาลไหน ผมจะรีบไป”
เจียงสื้อสื้อบอกชื่อของโรงพยาบาล ฝู้จิงเหวินก็รีบออกไป
ยี่สิบนาทีต่อมา เขาไปถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาเห็นเจียงสื้อสื้อ ฝู้จิงเหวินก็จับไหล่ของเธอไว้แล้วถามอย่างกังวลมาก “เป็นอะไรรึเปล่า? ผมขอดูแผลหน่อย”
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “ไม่เป็นไร แค่ตกใจนิดหน่อย คุณอย่ากังวลไปเลย”
ฝู้จิงเหวินจึงจะเงยหน้าขึ้นและนึกถึงสิ่งที่เจียงสื้อสื้ออธิบายตอนคุยโทรศัพท์ เขาขมวดคิ้วและถามว่า “คุณบอกในโทรศัพท์ว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งผลักคุณเหรอ? เรื่องมันเป็นยังไงกัน?”
เมื่อฝู้จิงเหวินถามถึงผู้หญิงคนที่ผลัก เธอดวงตาของเจียงสื้อสื้อก็มืดมนลดลงเล็กน้อย
“ฉันไม่รู้ ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่ฉันไม่รู้จัก ฉันยืนอยู่ข้างถนนและเธอก็ผลักจากด้านหลังมา เมื่อฉันรู้สึกตัวได้ เธอก็วิ่งหนีไปแล้ว”
เจียงสื้อสื้อกล่าวอย่างงงงวย
ฝู้จิงเหวินได้ยินเช่นนี้แล้ว สีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นมา
“วิ่งหนีเหรอ? แสดงว่าเธอจงใจผลักน่ะสิ คุณคิดดูอีกทีว่าเป็นคนที่คุณไม่รู้จักจริงๆเหรอ”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
มีความสงสัยเกิดขึ้นในใจของเขา
เจียงสื้อสื้อเงียบและก้มหน้าครุ่นคิดว่าตนเคยเห็นใบหน้านั้นหรือไม่
เห็นได้ชัดว่ามันไม่คุ้นเคย แต่แววตานั้นก็ให้ความรู้สึกเหมือนเราเคยรู้จักกันมาก่อน
“ปั้ง!”
เสียงเปิดประตูอย่างรุนแรงหยุดความคิดของเจียงสื้อสื้อไว้
เห็นเพียงแต่จิ้นเฟิงเฉินรีบร้อน
เหมือนว่าเขาจะวิ่งมา มีเหงื่อหยดลงมาจากใบหน้าที่หล่อเหลา
เมื่อเห็นว่าฝู้จิงเหวินอยู่ที่นั่นด้วย ดวงตาเงาดำของเขาก็ชะงัก
จิ้นเฟิงเฉินเดินผ่านเขาไป ขมวดคิ้วและถามเจียงสื้อสื้อว่า “สื้อสื้อ คุณเป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บสาหัสไหม?”
“คุณรู้ได้อย่างไร?”
เจียงสื้อสื้อไม่ตอบคำถามแต่ถามเขากลับ และมองไปที่จิ้นเฟิงเฉินด้วยความแปลกใจและตกใจ
ฝู้จิงเหวินรู้เพราะเธอโทรบอก แล้วจิ้นเฟิงเฉินได้ข่าวนี้จากไหน?
“คนของผมกำลังติดตามผู้หญิงที่ผลักคุณ”
จิ้นเฟิงเฉินหลบสายตาเล็กน้อยแล้วตอบคำถามอย่างสั้นๆ แต่ได้ใจความ