ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 684 ยกเลิกงานแต่ง
บทที่ 684 ยกเลิกงานแต่ง
เห็นว่าเขาหยุดลง เห้อซูหานก็ได้ตบไหล่ป๋ายหลี่
“นายเป็นแบบนี้มันไม่คุ้ม”
ป๋ายหลี่ก็ได้ฝืนขำออกมา “ยังจะมีอะไรคุ้มไม่คุ้ม”
คอของเขานั้นถูกเหล้าที่ฤทธิ์แรงทำเอาเสียงแหบจนไม่น่าฟัง เวลานี้ฟังไปแล้วก็เหมือนเสียง ควอสิโมโด
เจอกับจื่อเฟิง เขายอมแล้ว
เห็นอารมณ์ความรู้สึกที่อยู่ในนัยน์ตาของป๋ายหลี่ เห้อซูหานก็ไม่รู้ว่าจะพูดปลอบยังไงดี
ก็แค่เปิดเหล้ามาขวดแล้วก็ดื่มกับเขา
เรื่องความรู้สึกนั้น ไม่ว่าใครก็วัดถูกผิดไม่ได้
ผ่านไปกี่วัน ทางตระกูลฝู้
งานแต่งงานของฝู้จิงเหวินกับเจียงสื้อสื้อได้กำหนดลงมาแล้ว ทั้งตระกูลตระกูลฝู้ก็ได้ยุ่งกับการเตรียมงาน
อารมณ์ของแม่ฝู้ดีขึ้นมาก เจอคนก็ยิ้ม พูดถึงเรื่องงานแต่งของจิงเหวินกับสื้อสื้อก็ได้อารมณ์ดีเข้าไปอีก
แต่ว่าเจียงสื้อสื้อกลับกังวลในใจ ว้าวุ่นมากๆ แต่พอแม่ฝู้ถามก็พูดออกไปไม่ได้
พอเป็นแบบนี้กี่วัน ทั้งคนก็ได้ผอมลง
ฝู้จิงเหวินก็ได้มองท่าทางของเจียงสื้อสื้อเงียบๆ ปวดใจเล็กน้อย
หรือว่าการที่อยู่กับเขาไม่มีความสุขถึงขนาดนี้เลยเหรอ?
พอเจียงสื้อสื้อก็ได้ถามเรื่องแต่งงานอีกครั้ง ฝู้จิงเหวินก็ได้ฝืนเก็บความเสียใจ ยิ้มออกไปอ่อนๆ “สื้อสื้อ เธออย่ารีบร้อน ฉันเตรียมที่จะพูดเรื่องนี้กับแม่คืนนี้”
คิ้วที่โค้งสวยของเจียงสื้อสื้อก็ได้ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เริ่มกังวล
“ฉันขอไปกับนายได้ไหม? เรื่องนี้ฉันรู้สึกว่าฉันจำเป็นต้องพูดกับคุณแม่เอง”
ฝู้จิงเหวินส่ายหน้า ไม่อยากให้เจียงสื้อสื้อเข้ามายุ่งด้วย
ยื่นมือไปจัดทรงผมของเจียงสื้อสื้อ ฝู้จิงเหวินพูดออกไปเบาๆ ว่า “เดิมทีเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของแม่ฉัน ฉันไปพูดกับท่านจะเหมาะสมกว่า เธอไม่ต้องรู้สึกผิดไป ไม่เกี่ยวกับเธอ ไม่ใช่ความผิดของเธอ”
เขามีความเห็นแก่ตัว เขานั้นไม่ยอมที่จะปล่อยเจียงสื้อสื้อไปแบบนี้
ฝู้จิงเหวินจ้องมองดวงตาที่ใสของเจียงสื้อสื้อ ก็ได้ละอายกับความคิดที่ตัวเองซ่อนไว้
ในหัวอยู่ๆ ก็ได้มีภาพของจื่อเฟิงโผล่ขึ้น เขานึกถึงคำที่จื่อเฟิงพูด
“ฉันสามารถที่จะช่วยคุณคว้าเจียงสื้อสื้อได้”
ฝู้จิงเหวินยอมรับ เวลานั้นเขาได้หวั่นไหว
เขาเลือกที่จะใช้วิธีสกปรกรั้งตัวเธอไว้……
เวลานี้ในหัวของฝู้จิงเหวินก็ได้มีความคิดมากมาย เขาไม่กล้าที่จะไปมองเจียงสื้อสื้อ ก็ได้พูดออกไปอย่างร้อนรนว่า “ฉันคิดได้ว่ายังมีเอกสารที่ไม่ได้เซ็น”
เจียงสื้อสื้อเปิดปาก ยังไม่ทันพูดอะไร ฝู้จิงเหวินก็ได้เดินออกไปแล้ว
คนคนนี้ทำไมบอกมีธุระก็มีธุระ……
แต่ว่าเธอไม่ได้คิดอะไรมาก
ฝู้จิงเหวินหาข้ออ้างออกไปเสร็จ ก็ได้เจอแม่ฝู้ที่ห้องครัว
“จิงเหวิน เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงร้อนรนแบบนี้?”
เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของแม่ฝู้ ขาของฝู้จิงเหวินก็ได้นิ่งไป
“แม่ครับ”
เห็นแววตาที่จริงจังของฝู้จิงเหวิน ในใจของแม่ฝู้ก็ได้มีความรู้สึกที่ไม่ชอบมาพากล แต่ก็แกล้งทำเป็นนิ่งแล้วถาม “เป็นอะไร?”
“ผมมีเรื่องจะบอกกับคุณแม่”
“เรื่องอะไร?”
ฝู้จิงเหวินเงียบไป เขารู้สึกว่าตัวเองพูดไม่ออก
แต่คิดถึงนิสัยของเจียงสื้อสื้อ ต่อให้เขาไม่พูดกับแม่ฝู้ เจียงสื้อสื้อก็จะมาพูดกับแม่ฝู้เอง
ปกติแล้วแม่ฝู้ไม่ชอบคนที่ไม่รักษาสัญญา
ถ้าเป็นแบบนั้น ให้เขาเป็นคนผิดดีกว่า
ก็ได้ประคองแม่ฝู้ไปที่โซฟา ฝู้จิงเหวินถึงได้พูดออกไปว่า
“แม่ครับ เลื่อนการแต่งของของผมกับสื้อสื้อออกไปเถอะ”
แม่ฝู้ตาโต ก็ได้ร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ “อะไรนะ?!”
อารมณ์ของเธอเปลี่ยนไปมากเกินไป ฝู้จิงเหวินเริ่มเป็นห่วง ก็ได้รีบอธิบายไปว่า “คุณแม่ครับ แม่อย่าพึ่งใจร้อน”
“จิงเหวิน ลูกกำลังพูดอะไร? งานแต่งจะเลื่อนออกไปได้ยังไง? เรื่องนี้ลูกจำเป็นต้องให้เหตุผลกับแม่”
แม่ฝู้จะไปมีเวลาไปสนใจใจร้อนหรือไม่ร้อนที่ไหน เรื่องนี้ได้ทำให้เธอนั้นรับไม่ได้แล้ว
ฝู้จิงเหวินก็ได้สูดหายใจเขาลึกๆ ก็ได้พูดออกไปอย่างชัดเจนว่า “แม่ครับ ตอนแรกที่สื้อสื้อตกลงที่จะเป็นภรรยาของผม ก็เพราะว่าแม่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์……
เธอได้ตกลงอย่างช่วยไม่ได้ ผมคิดว่า ถึงแม้สื้อสื้อได้รับปากแล้ว แต่ว่าในใจก็ต้องการเวลามาทำใจ ผมไม่อยากให้เธอมาเป็นของผมด้วยความไม่เต็มใจ
พวกเราเลื่อนงานแต่งไปเถอะ รอให้สื้อสื้อไม่ได้กีดกั้นขนาดนั้นค่อยจัดก็ไม่สาย”
แม่ฝู้ได้ยินแบบนั้นความรู้สึกที่หลากหลายก็ได้ถาโถมเข้ามา เธอไม่มีจุดที่จะปฏิเสธ ยังไงซะตอนแรกก็เพราะความเห็นแก่ตัวของเธอ
ต่อให้มีคำพูดมากมายอยากจะเถียงฝู้จิงเหวิน แต่พอมาถึงปากก็ได้กลายเป็นคำนี้
“ได้ แม่ตกลง”
ได้รับการเห็นด้วยจากคุณแม่ ฝู้จิงเหวินก็ได้เบาใจลง
คิดได้ว่าตัวเองยังมีเรื่องต้องทำ ก็ได้พูดกับแม่ฝู้สักพักแล้วก็ออกไป
แต่ว่าแม่ฝู้กลับรู้สึกแปลกๆ ในใจ การบังคับให้สื้อสื้อแต่งงานกับจิงเหวินเป็นเธอเองที่ทำไม่ถูกจริง
วันนี้ลูกชายตัวเองมาขอคำตอบแบบนี้กับเขา คิดดูแล้วพวกเขาทั้งสองต้องพูดคุยอะไรกันแน่
ถ้าเกิดเป็นเพราะเรื่องนี้ สื้อสื้อกับจิงเหวินได้มีความบาดหมางกันก็ไม่ดี
แม่ฝู้คิดอยู่นาน ก็ได้ไปหาเจียงสื้อสื้อเพื่อคุย
สั่งให้คนใช้ไปเรียกเจียงสื้อสื้อ ในใจของแม่ฝู้ก็ได้คิดไว้เรียบร้อย คิดไว้ว่าพูดอะไรถึงจะดี
ไม่นานเจียงสื้อสื้อก็ได้ลงมาจากชั้นบน เห็นแม่ฝู้ ก็ได้พูดออกไป
“คุณแม่คะ ท่านอยากพบหนู?”
แม่ฝู้ก็ได้เอาแก้วชาให้เจียงสื้อสื้อ จากนั้นก็พูดว่า “สื้อสื้อ มีเรื่องที่แม่อยากจะคุยกับลูก”
เจียงสื้อสื้อได้ยินแบบนั้นก็ได้ทำท่าเตรียมฟัง
จับแก้วชา แม่ฝู้ก็ได้พูดออกไปอย่างระวังว่า “แม่เมื่อกี้ได้ยินที่จิงเหวินพูด งานแต่งพวกลูกจะเลื่อนออกไป เป็นเรื่องจริงเหรอ?”
พูดจบ เจียงสื้อสื้อก็ได้นิ่งไปอย่างเห็นได้ชัด
เลื่อนออกไป? ก่อนหน้าพูดกับฝู้จิงเหวินว่ายกเลิกไม่ใช่เหรอ?
เธอคิดไปคิดมา ก็ได้เรียบเรียงประโยค
ก้มหน้า ก็ได้พูดกับแม่ฝู้อย่างรู้สึกผิดว่า “แม่คะ หนูขอโทษด้วยนะคะ หนูได้ปรึกษากับจิงเหวินแล้ว พวกเราตกลงที่จะยกเลิกงานแต่งค่ะ ก่อนหน้านี้ได้รับปากกับท่านว่าจะแต่งงานกับจิงเหวินแท้ๆ ตอนนี้ก็ได้ยกเลิก หนูคิดไม่รอบคอบเอง”
คำพูดของเจียงสื้อสื้อก็เหมือนกับระเบิดที่ระเบิดข้างหูแม่ฝู้
อะไรนะยกเลิก?
วันเดียวก็ได้เจอเรื่องน่าตกใจสองเรื่อง แม่ฝู้รู้สึกว่าหายใจไม่สะดวก ก็ได้ขัดคำพูดของเจียงสื้อสื้อ
“เดี๋ยวก่อน! บอกว่าเลื่อนออกไปไม่ใช่เหรอ? ทำไมกลายเป็นยกเลิกไปล่ะ?”
ไม่รู้ว่าทำไมฝู้จิงเหวินถึงบอกเรื่องยกเลิกงานแต่งเป็นเลื่อนงานแต่งออกไป แต่ว่าเจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าต้องพูดความจริงกับแม่ฝู้
โอกาสนี้ไม่พูดให้ชัดเจน เกรงว่าจะไม่มีโอกาสพูดออกไปแล้ว
ได้ปรับการหายใจของตัวเอง เจียงสื้อสื้อก็ได้มองแม่ฝู้แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “คุณแม่ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ เป็นการยกเลิกไม่ได้เลื่อนออกไป หนูรู้ว่าเรื่องนี้กะทันหันเกินไป แต่ว่าหนูได้พูดกับจิงเหวินแล้วเห็นพ้องกันแล้ว”
พูดถึงตอนนี้ เจียงสื้อสื้อก็ได้หยุดลง แล้วก็พูดต่อว่า “หนูหวังว่าแม่จะเห็นด้วยกับหนู”
ตอนที่เธอพูดจบ แม่ฝู้ก็ได้มองเจียงสื้อสื้อด้วยความสับสน แววตานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกรับไม่ได้กับความเจ็บปวด
เจียงสื้อสื้อก็ได้ก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
เรื่องนี้โหดร้ายเกินไปก็จริง แต่ว่าเจียงสื้อสื้อไม่อยากที่จะยืดเยื้อต่อไป
บรรยากาศก็ได้เงียบทันที
ผ่านไปนาน แม่ฝู้ก็ได้โยนแก้วชาไปกับพื้น พูดออกไปอย่างเด็ดขาดว่า “ฉันไม่ตกลง!”
ปฏิกิริยาของแม่ฝู้ก็ได้อยู่ในการคาดเดา เจียงสื้อสื้อเข้าใจว่าแม่ฝู้ไม่มีทางตกลงง่ายๆ แต่เธอจำเป็นต้องพยายามพูดกล่อมแม่ฝู้