ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 76 ผู้อยู่เบื้องหลัง
บทที่ 76 ผู้อยู่เบื้องหลัง
จิ้นเฟิงเฉินขยี้ตา และลุกขึ้นพูดว่า : “ตื่นแล้วหรอ? รู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้าง?”
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไรแล้ว สามารถออกจากโรงพยาบาลได้หรือยัง?”
นอกจากบาดแผลเพียงเล็กน้อยบนแขนแล้ว ก็ไม่มีบาดแผลตรงไหนอีก
จิ้นเฟิงเฉินมองประเมินเธอ จากนั้นก็เรียกหมอมาช่วยตรวจร่างกายของเธออีกครั้ง หลังจากยืนยันว่าไม่เป็นอะไรมากแล้ว เขาก็ช่วยจัดการขั้นตอนออกจากโรงพยาบาลแทนเจียงสื้อสื้อ
หลังจากจัดข้าวของเสร็จ ทั้งสองคนก็ไปจากโรงพยาบาล
จิ้นเฟิงเฉินพาเจียงสื้อสื้อกลับบ้าน ตอนที่มาถึงหน้าประตูบ้าน เขาก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า : “วันนี้พักผ่อนอยู่บ้านเถอะ ไม่ต้องไปบริษัทแล้ว”
“ค่ะ” เจียงสื้อสื้อพยักหน้าตอบรับ และมองเขา พร้อมพูดต่อว่า : “วางใจเถอะค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ คุณไปทำธุระเถอะค่ะ”
เจียงสื้อสื้อเผยสายตาเป็นประกายเล็กน้อย แต่ไม่รู้ทำไมเธอมักรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนไม่เหมือนเดิม และไม่รู้ด้วยว่ามันแปลกตรงไหนบ้าง
ที่บริษัทของจิ้นเฟิงเฉินมีประชุมสำคัญ ดังนั้นเลยรีบจากไป
……
ขณะเดียวกัน ภายในห้องไต่สวนของโรงพัก ผู้ชายคนนั้นเพิ่งฟื้นมาได้ไม่นาน
บาดแผลบนหน้าผากของเขาถูกตำรวจช่วยทำผลเรียบร้อยแล้ว เขามองประเมินรอบบริเวณด้วยสายนิ่งอึ้ง โดยที่เบื้องหน้ามีตำรวจและจิ้นเฟิงเหรานั่งอยู่
ความทรงจำของเมื่อคืนค่อยๆผุดโผล่ขึ้นมาในหัวสมอง จากนั้นเขาก็กระวนกระวาย และขอร้องอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
“คุณชายรองจิ้น คุณปล่อยผมไปเถอะนะครับ! ผมถูกคนว่าจ้าง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับผมเลย”
ตอนแรกเจียงนวลนวลสัญญากับเขาว่า จะไม่เกิดปัญหาใดๆทั้งสิ้น แต่ใครจะไปรู้ว่ากลับมายั่วโมโหคนของตระกูลจิ้น ดังนั้นเพื่อล้างความผิดให้กับตัวเอง เขาไม่มีทางทนอยู่ในคุกเพื่อช่วยปกป้องเจียงนวลนวลแน่
เมื่อได้ยินแบบนี้ จิ้นเฟิงเหราหรี่ตาเล็กน้อย
“แกถูกใครว่าจ้างมาหรอ?”
ผู้ชายกลืนน้ำลายคำหนึ่ง จากนั้นก็เล่าความจริงทั้งหมด
“ผมเองก็ไม่รู้ว่าเธอคือใคร แต่เธอมีหน้าตาสวยมาก เธอให้เงินกับผมสองแสน…คุณชายรองจิ้น ผมถูกเงินบังตาจนทำเรื่องไม่ดีเท่านั้นครับ”
จิ้นเฟิงเหราวางรูปภาพไม่กี่รูปไว้เบื้องหน้าของผู้ชาย และพูดว่า : “เป็นผู้หญิงคนนี้หรือเปล่า?”
คนในรูปภาพคือ เจียงนวลนวลพอดี
ตอนเช้าตรู่ก็มีเรื่องลงไม้ลงมือกับพี่สะใภ้ของเธอในงานเลี้ยงแล้ว นั้นแสดงว่าคนๆนี้ต้องอยู่ในงานเลี้ยงเหมือนกัน
ตอนเช้าตรู่จิ้นเฟิงเฉินก็ไปขอใบรายชื่อแขกในงานเลี้ยงกับตระกูลซู ปรากฏว่าเห็นรายชื่อของเจียงสื้อสื้อกับหลานซือเฉินพอดี หลังจากเช็คในกล้องวงจรปิดก็พบว่าเห็นทั้งสองคนในงาน
เมื่อผู้ชายคนนี้เห็นรูปภาพก็พยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง “ใช่ ใช่เธอเลย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ จิ้นเฟิงเหราก็หรี่ตาเล็กน้อย เป็นไปอย่างที่คาดคิด
ผู้ชายคนนี้เล่าเรื่องว่าเจียงนวลนวลพบเขายังไง และจ้างเขายังไงให้ทุกคนฟังอย่างละเอียด
“ผู้ชายรองจิ้น ผู้อยู่เบื้องหลังก็คือคนนี้ครับ ถ้าหากคุณจะกล่าวโทษก็ต้องโทษเธอ! ผมบอกทุกอย่างกับคุณหมดแล้ว ขอร้องล่ะ ได้โปรดปล่อยผมเถอะ!”
จิ้นเฟิงเหรายิ้มอย่างเย็นชา “ปล่อยคุณไปงั้นหรอ? คุณไม่รู้หรอว่าคนที่คุณทำร้ายคือใคร? เธอคือพี่สะใภ้ของผม”
ผู้ชายคนนี้ฟุบตัวลงบนพื้น
ผู้หญิงของจิ้นเฟิงเฉิน แย่แล้ว ตายแน่ๆ…..
……
หลังจากจิ้นเฟิงเหราออกจากโรงพักก็รีบไปที่บริษัทจิ้นกรุ๊ป
ณ ห้องทำงาน เมื่อเห็นจิ้นเฟิงเหรามาเร็ว จิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“พี่ชาย พี่สะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแล้วหรอ?”
“อืม” จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าเล็กน้อย และตอบรับ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน จากนั้นก็พูดต่อว่า : “ผู้ชายคนนั้นฟื้นแล้วหรอ?”
“ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่วันนี้แล้ว เขาได้บอกทุกอย่างทั้งหมดแล้ว มีคนว่าจ้างเขาจริงๆ”
จิ้นเฟิงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ใคร?”
“เจียงนวลนวล”
เมื่อได้ยินแบบนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็เผยสีหน้าขรึม เป็นคนของตระกูลเจียงอีกแล้วอ่อ
“ในตอนนั้นเธอก็อยู่ในงานเลี้ยงเหมือนกัน?”
“ผมดูกล้องวงจรปิดแล้ว และพบว่าหลานซือเฉินกับเจียงนวลนวลอยู่ในงาน แต่เพราะไม่อยากเจอกับพวกเรา พวกเขาเลยยืนอยู่แต่ตรงมุมห้อง”
จิ้นเฟิงเหราขมวดคิ้วเล็กน้อย และพูดต่อว่า : “แต่เจียงนวลนวลเจอกับผู้ชายคนนั้นหน้าประตู ซึ่งไม่อยู่ในบริเวณที่กล้องวงจรปิดถ่าย ดังนั้นเลยไม่มีหลักฐานอะไร และหากต้องการเล่นงานเจียงนวลนวลคงเป็นเรื่องยาก”
ไม่มีหลักฐาน หากพึ่งพาเพียงคำพูดของผู้ชายคนนั้น ถึงยังไงตระกูลเจียงก็คงช่วยเจียงนวลนวลข้อหาอยู่ดี ดังนั้นถ้าหากต้องการให้เจียงนวลนวลเข้าคุกคงเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้
จิ้นเฟิงเฉินไม่พูดอะไร แต่ครุ่นคิดอย่างเงียบๆอยู่
จิ้นเฟิงเหราซักถามขึ้นว่า : “พี่ชาย ตอนนี้ทำยังไงต่อ? บอกให้พี่สะใภ้รู้ดีไหม?”
“เรื่องนี้เดียวฉันบอกเธอเอง”
“แล้วเจียงนวลนวลล่ะ? หรือว่าจะปล่อยเธอไปแบบนี้หรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะขึ้นเบาๆ แต่แฝงด้วยน้ำเสียงแห่งความอันตราย
“ปล่อยหรอ? ไม่มีทาง ไปสืบให้หน่อยว่า ตระกูลเจียงกับตระกูลหลานช่วงนี้มีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง?”
“ครับ พี่ชาย ผมจะไปสืบเดียวนี้เลย”
จิ้นเฟิงเหราจ้องมองสีหน้าบนใบหน้าของจิ้นเฟิงเฉิน แล้วรู้สึกขนลุกขนพองมาก เขาคิดมากไปหรือเปล่า พี่ชายของเขาจะปล่อยคนที่กลั่นแกล้งพี่สะใภ้ได้ยังไงกัน
ในตอนนี้ตระกูลเจียงกับตระกูลหลานก็คงอยู่ไม่สุขแน่
ขณะที่คิด จิ้นเฟิงเหราก็เดินออกจากห้องทำงาน
……
ส่วนเจียงนวลนวลก็ตื่นขึ้นมาเข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเองตั้งแต่เช้า
เธอกับหลานซือเฉินพักอยู่บ้านส่วนตัวข้างนอกกันสองคน หลังจากกลับเมื่อคืน หลานซือเฉินแทบไม่คุยอะไรกับเธอเลยตั้งแต่กลับกลับมา แถมยังแยกกันนอนเป็นครั้งแรกด้วย
ถึงแม้เธอจะรู้สึกผิดหวังต่อหลานซือเฉินกับคำพูดเมื่อคืน แต่เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว เขาคงอยู่ในช่วงอารมณ์โกรธ! เพราะอันที่จริงแล้วเป็นความผิดของตัวเอง
หลานซือเฉินเปิดประตูห้องออก และเดินออกมาด้วยชุดสูทอย่างเรียบร้อย แต่สีหน้าบนใบหน้าของเขายังคงไม่พอใจอยู่
เจียงนวลนวลยิ้มและเดินเข้ามา “พี่ซือเฉิน ตื่นแล้วหรอ ฉันทำอาหารเช้าให้คุณด้วยค่ะ”
“อืม” ซือเฉินตอบรับ แล้วเดินมานั่งหน้าโต๊ะอาหารด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ยังโกรธอยู่อีกหรอ! พี่ซือเฉิน ฉันรู้แล้วว่าฉันผิดไปแล้ว ฉันสัญญาว่าครั้งหน้าจะไม่มีแบบนี้อีกแล้ว”
หลานซือเฉินจ้องมองเธอด้วยสีหน้าจนปัญญา
“จริงสิ ฉันได้ติดต่อกับคนที่บ้านของผู้ชายคนนั้นแล้ว พวกเขารับเงินแล้ว และรับปากฉันว่าจะไปเยี่ยมลูกชายของพวกเขาที่โรงพัก แล้วให้เขาไม่บอกว่าฉันเป็นคนผู้อยู่เบื้องหลัง ถึงยังไงตระกูลจิ้นก็ไม่สามารถสืบสาวถึงฉันได้ คุณวางใจเถอะ!”
เมื่อหลานซือเฉินได้ยินแบบนี้ สีหน้าก็ผ่อนคลายลง และไม่ตำหนิเจียงนวลนวลอีก
ทั้งสองคนคิดว่า เรื่องนี้สามารถผ่านไปแบบนี้ได้อย่างง่ายดาย
คนที่บ้านของผู้ชายคนนั้นขาดแคลนเงิน แต่เงินของเจียงนวลนวลมีเงินล้นหลาม
แน่นอนว่าเธอคงคิดไม่ถึงว่า ผู้ชายคนนั้นได้เปิดโปงเธอแล้ว
ไม่เพียงเสียเงินไปฟรีๆแล้ว แต่ยังทำให้จิ้นเฟิงเฉินรู้เรื่องนี้ด้วย
……
ตระกูลจิ้น ตอนบ่าย จิ้นเฟิงเฉินได้รับโทรศัพท์จากจิ้นเฟิงเหรา
“พี่ชาย สืบได้แล้วครับ เมื่อก่อนไม่ใช่ตระกูลเจียงกับตระกูลหลานมีโครงการหนึ่งที่อยากทำงานร่วมกันกับเราตลอดหรอกหรอ? พวกเขาคิดทุกวิถีทาง ทั้งล่อลวงแม่ของพี่สะใภ้ แต่ทำไม่สำเร็จ ดังนั้นเลยเล็งเป้าหมายไว้ที่บริษัท Thyssenกรู๊ป ”
“Thyssenกรู๊ปหรอ?”
“ใช่ครับ พี่ชาย ผมสืบมาแล้ว ช่วงที่ผ่านมาบริษัท Thyssenกรู๊ป เริ่มพัฒนาธุรกิจในประเทศ ซึ่งคืนนี้พวกเขาจัดงานเลี้ยงธุรกิจขึ้น และเมื่อไม่กี่วันมานี้ยังเชื้อเชิญพวกเราด้วย ไม่เกินความคาดหมาย คืนนี้หลานซือเฉินก็เข้าร่วมงานเลี้ยงเหมือนกัน”
ซึ่งงานเลี้ยงธุรกิจแบบนี้ปกติจะเป็นจิ้นเฟิงเหราที่เข้าร่วม เพราะปกติแล้วจิ้นเฟิงเฉินไม่เข้าร่วมงานแบบนี้
เมื่อได้ยินแบบนี้ จิ้นเฟิงเฉินหยุดนิ่งชั่วขณะ และพูดว่า : “ส่งบัตรเชิญให้ฉัน เดียวคืนนี้ฉันจะไปเข้าร่วมงานเอง”
“ได้ครับ พี่ชาย”