ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 760 ผมมาหาคุณ
บทที่ 760 ผมมาหาคุณ
“คุณชาย เรื่องนี้มีความยุ่งยากหน่อย ”อิ้งเทียนพูดตามจริง
เบอร์เกนก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีคนรู้จัก ที่สหราชอาณาจักร ธุรกิจของเขาก็ใหญ่โตพอสมควร
การจะจัดการคนแบบนี้ เป็นเรื่องยากเหมือนกัน
ได้ยินเช่นนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็สั่งการทันที
“ทรัพยากรทางนี้ใช้ได้ตามสบาย เวลาจำเป็น ให้เฟิงเหราช่วยคุณได้ ผมขอข้อเดียว ต้องให้เบอร์เกนชื่อเสียงป่นปี้ หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ให้ตายทั้งเป็น”
เบอร์เกนมีอำนาจ เขาอาศัยอำนาจและเงินเหล่านั้น เพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
สิ่งที่จิ้นเฟิงเฉินต้องทำคือ ขุดเอาอำนาจและเขี้ยวเล็บของเขาออกทีละน้อย จนหมดไป
ถึงแม้ว่าเบอร์เกนจะเป็นสัตว์ดุร้ายตัวหนึ่ง พอถอนฟันของเขาออก แล้วก็จะหักขาเขาทิ้งซะ
ให้เหลือเพียงร่างที่ไร้ประโยชน์ เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็จะเป็นเพียงแค่เศษสวะตัวหนึ่งก็เท่านั้น ทำได้แค่ให้คนจับวางตรงนี้ที ตรงนั้นที นี่ก็คือผลที่จิ้นเฟิงเฉินต้องการ
อิ้งเทียนได้ยินดังนั้น รีบชี้แจงทันที “ ไม่มีปัญหา หากมีทรัพยากรพวกนั้นกับความช่วยเหลือของคุณชายรอง ถึงแม้ทางผมอาจต้องใช้แรงหน่อย แต่ก็สามารถทำให้มันตายได้”
จิ้นเฟิงเฉินย้ำว่า“คุณต้องยิงให้โดนในนัดเดียว ห้ามให้มันมีโอกาสแม้แต่น้อย ฉันไม่อยากเห็นเขายังมีลมหายใจในสภาพพิการ”
“รับทราบครับ คุณชาย คุณวางใจได้”
อิ้งเทียนตบหน้าอกแบบเปิดเผย การทำงานไม่ให้เหลือคั่งค้าง เป็นบรรทัดฐานของสมาชิกยามมืดแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
คุ้นเคยกันมานานแล้ว ไม่จำเป็นต้องเน้นย้ำอีก
จากนั้นเขาจัดการกับคอมพิวเตอร์ด้วยมือของเขาเอง หาธุรกิจของเบอร์เกนออกมา รวมทั้งเรื่องที่เขาเคยทำมาก่อนด้วย
ต่อด้วยการรายงานให้จิ้นเฟิงเฉินทราบ“เรื่องสกปรกของเบอร์เกนพวกนั้น หากเปิดเผยออกมาหมด เพียงพอสำหรับสำลักเขาตายแน่นอน รอให้ผมรวบรวมหลักฐานเสร็จก่อน แล้วจะให้เขาได้ลิ้มรสความรู้สึกสิ้นหวัง”
จอมวายร้ายเช่นเบอร์เกน หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ในมือเขาจะต้องมีเรื่องที่จะเปิดเผยให้คนรู้ไม่ได้บ้างล่ะ
เขามองตัวเองสูงส่ง เวลาได้ใจ ทำอะไรก็ไม่สะอาด แค่เพียงตรวจสอบก็จะสามารถหาหลักฐานออกมาได้ไม่น้อย
ถ้าอยากทำให้ตายจริงๆ พระเจ้าก็ฉุดไม่อยู่
แต่ว่า จิ้นเฟิงเฉินไม่สนใจว่าเบอร์เกนทำอะไรมาบ้าง เขาเพียงแค่อยากรู้ผลสุดท้ายก็พอแล้ว
อิ้งเทียนดึงข้อมูลที่เขาพบ แล้วกล่าวกับจิ้นเฟิงเฉินว่า “คุณชาย สิ่งที่ทำเงินมหาศาลให้เบอร์เกนที่จริงไม่ใช่บริษัทที่ชัดเจนอะไรนั่น แต่กลับเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่รู้จักอื่นๆ เขายังมีธุรกิจมืดส่วนตัวมากมาย ”
ธุรกิจสีเท่าในพื้นที่ก็ไม่น้อย กำไรมหาศาล เพียงพอสำหรับเป็นแรงสนับสนุนมหาศาลให้เบอร์เกนสามารถทำอะไรตามใจได้
บริษัทที่เปิดบังหน้าพวกนั้น บางแห่งเป็นเพียงใช้เป็นที่ฟอกเงินเท่านั้น
หากปิดไปจริงๆ ก็ไม่ส่งผลกระทบกับเขามากนัก
อย่างไรก็ตาม หากจัดการเป็นการลับๆ อาจจะมีความยากขึ้นมาหน่อย ดังนั้นอิ้งเทียนจึงเตือนเขาเป็นพิเศษ
จิ้นเฟิงเฉินรู้ดีอยู่แล้วว่า เบอร์เกนไม่ใช่นักธุรกิจที่สะอาด
เขาคิดไว้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงกล่าวเสียงสงบว่า “คุณไม่ต้องสนใจ เห้อซูหานจะจัดการเอง”
เมื่ออิ้งเทียนได้ยินว่าเห้อซูหานเป็นคนดูแลเรื่องนี้อยู่ ก็หมดความกังวลทันที
ทั้งสองก็คุยเรื่องบางเรื่องต่อเล็กน้อยแล้ววางสายไป
เมื่อจิ้นเฟิงเฉินดูเวลา ได้เวลาใกล้เลิกงานแล้ว เอาเสื้อโค๊ตและกุญแจรถแล้วตรงไปที่ลานจอดรถทันที
ระหว่างทาง จิ้นเฟิงเฉินก็โทรไปหาเจียงสื้อสื้อ
“ผมกำลังไปหาคุณ”
หลังจากพักที่วิลล่าจิ้นมาหลายวันแล้ว เจียงสื้อสื้อจึงได้กลับมาทำงานที่บริษัท
เธอยังไม่ชินกับการอยู่เฉยๆในแต่ละวัน หาอะไรทำบางอย่างทำจะได้ทำให้เธอไม่คิดมากไป
เมื่อได้รับโทรศัพท์จากจิ้นเฟิงเฉิน เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ทำไมถึงได้มาหาฉันกะทันหันล่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินควบคุมพวงมาลัยไว้ ดวงตาสีดำเข้มจ้องมองทางข้างหน้า พูดด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “อยากมาก็มาเลย ทำไมหรือ คุณไม่ว่างหรือ ”
ที่จริงงานของเจียงสื้อสื้อได้ดำเนินการเกือบหมดแล้ว อยู่ระหว่างกำลังเก็บงานอยู่
ได้ยินเช่นนั้น เธอยิ้มกล่าว “ไม่ใช่ ถ้างั้นเราพบกันที่ร้านกาแฟ ใต้อาคารฝู้ซื่อกรุ๊ปแล้วกัน ”
หยุดไปพักแล้วเธอก็กล่าวเพิ่มเติม “ฉันเลี้ยงกาแฟคุณ”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มที่มุมปาก กล่าวเสียงต่ำ “โอเค”
อารมณ์หงุดหงิดเมื่อกี้นี้ ได้รับการปลอบประโลมจากคำพูดไม่กี่คำของเจียงสื้อสื้อ
จิ้นเฟิงเฉินมีความสุขมาก จนเมื่อถึงร้านกาแฟ เห็นเจียงสื้อสื้อแล้ว ยังคงยิ้มที่มุมปาก
ในร้านกาแฟ เวลานี้คนไม่ค่อยเยอะ
พนักงานร้านเห็นผู้ชายสูงยาวเข่าดีหล่อกว่าดาราเดินเข้ามา หัวใจดวงเล็กเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น
พนักงานร้านเอามือปิดแก้มแดงๆไว้ พร้อมกับนัยน์ตาส่องประกายระยิบระยับ
รอจนกระทั่งจิ้นเฟิงเฉินเดินผ่านไปแล้ว ถึงนึกขึ้นได้ว่าจะถ่ายรูป
ลุกลี้ลุกลนหยิบโทรศัพท์ออกมา ปรับมุมกล้องเสร็จ กลับเห็นผู้ชายมาดเข้มหันหน้ากลับมาพอดี
สายตาดั่งเหยี่ยวกวาดมองใบหน้าเธอ พนักงานร้านรู้สึกเสียวหลังวูบ วางโทรศัพท์ลงโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตาม เจียงสื้อสื้อกลับไม่ได้สังเกตเห็นภาพนี้ ลุกขึ้นโบกมือให้จิ้นเฟิงเฉิน ด้วยรอยยิ้มที่สวยงาม
จิ้นเฟิงเฉินจ้องมองเธอสักพัก มาดเย็นชาของเขาก็คลายลง
“คุณมาถึงไวจริงๆ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มหวาน และเลื่อนกาแฟไปให้เขาหนึ่งแก้ว
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม ขยับเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง
หลังจ้องมองเจียงสื้อสื้ออย่างละเอียดแล้ว กลับเห็นว่าสีหน้าเธอดูดี ถึงได้วางใจลง
“ทำงานเหนื่อยไหม”
เมื่อตอนที่เจียงสื้อสื้อออกมาจากตระกูลจิ้น เขาไม่เห็นด้วย แต่ภายใต้การพูดกล่อมของฟางเสว่มั่นกับเจียงสื้อสื้อ เขาก็เลยยอมประนีประนอม
มองดูภาพที่เธอยิ้มจนคิ้วโก่ง จิ้นเฟิงเฉินก็ได้แต่ปล่อยเธอไป
“ ไม่เหนื่อย”เจียงสื้อสื้อตอบด้วยรอยยิ้ม
เจียงสื้อสื้อเองก็รู้ดีว่า ร่างกายของเธอตอนนี้นั้น ไม่สมควรที่จะเหนื่อยเกิน ควรจะพักรักษาตัวเป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้ฝืน
ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็พอใจแล้ว
“มีความรู้สึกไม่สบายหรือเปล่า”
สิ่งที่จิ้นเฟิงเฉินห่วงที่สุดคือสิ่งนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อมองไปที่เธอ
รู้ว่าเขาเป็นห่วงตัวเอง เจียงสื้อสื้อก็รีบพูดขึ้นว่า “ฉันไม่เป็นไร ฉันไม่รู้สึกไม่สบาย หลายวันมานี้รู้สึกดีมาก ”
ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง แต่ในใจเจียงสื้อสื้อเข้าใจดีว่า นี่เป็นเพราะมันยังไม่ปะทุออกมา
เชื้อโรคก็คือเชื้อโรค เมื่อถึงเวลาจุดจุดหนึ่ง ร่างกายของเธอรับไม่ไหวแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นถึงจะเป็นหายนะ
“ถ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหน ต้องบอกผมนะ ไม่ต้องปิดบัง ”จิ้นเฟิงเฉินกล่าวอย่างจริงจัง
เมื่อเห็นความห่วงใยลึกๆในตาเขา ในใจเจียงสื้อสื้อก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เปิดรอยยิ้มอันแสนหวาน พยักหน้า “ โอเค ”
จิ้นเฟิงเฉินนั่งมองเธออย่างเงียบๆ ความรักในดวงตาของเขาไม่สามารถปิดซ่อนไว้ได้
เจียงสื้อสื้อมองไปเห็นอย่างไม่ตั้งใจ รู้สึกหน้าร้อนเผ่าขึ้นมาทันที
ได้เพียงหลบสายตาเขา แกล้งก้มหน้าทานขนมหวาน ที่จริงในใจร้อนรุ่มกระวนกระวาย
ถึงแม้สายตาของจิ้นเฟิงเฉินจะอ่อนโยนทุกครั้งที่เห็นเธอ
แต่การถูกจ้องมองด้วยความรักแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็ยังคงรู้สึกลนลานเล็กน้อย