ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 770 ผมมาเพื่อคุณ
บทที่ 770 ผมมาเพื่อคุณ
อาจเป็นออร่าที่รุนแรงของจิ้นเฟิงเฉินทำให้คนไม่มีทางที่จะไม่สนใจได้ คนในงานไม่นานก็สนใจถึงการมีอยู่ของเขา เปลี่ยนเป็นคึกคักเจี๊ยวจ๊าวขึ้นมาในพริบตาเดียว
“จิ้นเฟิงเฉิน? ประธานของJSกรุ๊ป? ทำไมเขาถึงมา? เขาไม่ใช่ประกาศมาตลอดว่าจะไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้หรอ?”
“นี่คุณคงไม่รู้ เหมือนกับว่าตระกูลฝู้และประธานจิ้นจะมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เข้าร่วมโอกาสแบบนี้ ครั้งที่แล้ว……”
การซุบซิบนินทาแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
แต่จิ้นเฟิงเฉินราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงเหล่านี้ สายตายังคงค้นหาท่ามกลางหมู่คนอยู่ตลอด
ทันใดนั้น สายตาของเขาก็หยุดชะงักอยู่ที่ทิศทางหนึ่ง
สายตาค่อยๆเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมา
เจียงสื้อสื้อกำลังพูดคุยอยู่กับแขก รู้สึกได้ว่าทางประตูทางเข้าเกิดความวุ่นวาย จึงเดินไปตรวจดู
คาดไม่ถึงว่า จะปะทะเข้าด้วยกันกับสายตาของจิ้นเฟิงเฉิน
เธองงงันอยู่ที่เดิมทันที มีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มที่มุมปาก ค่อยๆเดินมาทางเจียงสื้อสื้อ
“คุณ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
คนมาถึงตรงหน้า เจียงสื้อสื้อรู้สึกไม่กล้าที่จะเชื่อ มีสีหน้าประหลาดใจปรากฏออกมาให้เห็น
ครั้งนี้เธอไม่ได้รับผิดชอบรายชื่อแขก ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินก็ถูกเชิญมา
ตอนนี้มองเห็นเขาเดินผ่านคนมา การเต้นของหัวใจก็อดมาได้ที่เต้นเร็วขึ้นมาอย่างอิสระเต็มที่ แก้มรู้สึกร้อนเล็กน้อย
จิ้นเฟิงเฉินไม่ตอบและยังย้อนถาม เลิกคิ้วขึ้นเบาๆ “แปลกใจไหม? ผมมาเพื่อคุณ ไม่อย่างนั้นงานเลี้ยงแบบนี้ผมคงขี้เกียจจะเข้าร่วม”
หลายวันแล้วที่เจียงสื้อสื้อไม่ได้เจอจิ้นเฟิงเฉิน ตอนนี้มองเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ส่วนลึกของหัวใจเหมือนโดนขนนกลูบผ่าน
เธอหลบตาลงเบาๆ ยิ้มอ่อนๆ “แปลกใจมากๆ”
หลังพูดจบ ใบหูก็รู้สึกร้อน จิ้นเฟิงเฉินมองเธอด้วยสายตาที่ยิ่งร้อนแรง
กลัดผมลงไป เลี่ยงสายตาของเขา เจียงสื้อสื้อรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “เถียนเถียนกับเสี่ยวเป่าล่ะ?”
จิ้นเฟิงเฉินชี้ไปทางด้านหลังอย่างเหนื่อยหน่าย “กู้เนี่ยนดูอยู่”
เห็นเพียง ด้านหลัง เถียนเถียนกอดเสี่ยวเป่าแรงๆ ดวงตาสองข้างส่องแสง
กู้เนี่ยนกันไม่ให้กลุ่มคนเบียดเสียดโดนพวกเขาอย่างตึงเครียด มีท่าทีจนปัญญาและไม่มีทางเลือก
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเบาๆ ให้ชายหนุ่มแท้ๆแบบนี้ไปเฝ้าดูแลเด็กน้อยสองคนเป็นไปได้ยากจริงๆ
ทั้งสองคนเคลื่อนย้ายไปทางด้านนั้น ในตอนแรกเจียงสื้อสื้อหลบอยู่ด้านหลังของจิ้นเฟิงเฉิน
แต่สายตาของเสี่ยวเป่าดีจะทำอย่างไรได้ ประเดี๋ยวเดียวก็มองเห็นเจียงสื้อสื้อ
ดึงเถียนเถียนวิ่งตรงมา
เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนเห็นเจียงสื้อสื้อก็ตื่นเต้นดีใจมาก ดึงเจียงสื้อสื้อไว้และบอกว่าคิดถึงเธอ
เจียงสื้อสื้อยิ้มอย่างอ่อนโยน ช่วยจัดเสื้อผ้าของพวกเขา
จิ้นเฟิงเฉินถูกลืมไปชั่วขณะ พูดอย่างไม่เต็มใจ “เสี่ยวเป่า หนูพาน้องสาวไปหาเพื่อนเล่นไป หม่ามี๊ของพวกหนูยังจะต้องไปคบค้าสมาคมอีก”
พูดจบยังบอกใบ้ให้กู้เนี่ยนตามพวกเขาไป
ในตอนที่จิ้นเฟิงเฉินตั้งใจจะอ้าปากพูดกับเจียงสื้อสื้อ สายตาก็เหลือบไปเห็นฝู้จิงเหวินและพ่อฝู้เดินมาทางนี้ ก็หยุดสายตาไว้ในทันที
“ประธานจิ้น เป็นเกียรติที่ได้พบกับคุณ เรื่องราวก่อนหน้านี้ ล่วงเกินไปมากแล้ว”
พ่อฝู้ส่งแก้วไวน์มาให้จิ้นเฟิงเฉิน บนหน้ามีความรู้สึกผิดและเสียใจ
เรื่อไวน์ก่อนหน้านี้ ไร่องุ่นฝู้ซื่อใส่ร้ายJSกรุ๊ปทั้งหมด จุดนี้ไร้ความปรานีจริงๆ
สีหน้าจิ้นเฟิงเฉินเฉยเมย พยักหน้าอย่างตามอำเภอใจ พูดอย่างใจกว้าง “ไม่เป็นอะไร ถึงอย่างไรตลาดการค้าก็เหมือนสนามรบ”
ไม่มีเพื่อนตลอดกาล มีแต่ผลประโยชน์ตลอดกาล
สายตาของจิ้นเฟิงเฉินสบตรงกับฝู้จิงเหวินที่อยู่ข้างๆ สายตาของทั้งสองคนมีเจตนาร้ายซึ่งกันและกันแฝงซ่อนอยู่ เพียงแต่ว่าภายนอกไม่ได้แสดงออกมาให้เห็น
ฝู้จิงเหวินหัวเราะเยาะจิ้นเฟิงเฉิน เหยียดหยามเล็กน้อย
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้สนใจเขาที่ทำเหมือนแสร้งเป็นยั่วยุ ยกแก้วไวน์ขึ้นมา ดื่มหนึ่งคำ
หลังจากที่ฝู้จิงเหสินถูกมองข้ามก็อึดอัดมาก ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
พูดคุยเรื่องทั่วไปกับพ่อฝู้อีกสักพัก จิ้นเฟิงเฉินจึงตั้งใจว่าจะออกไป
พ่อลูกตระกูลฝู้คู่นี้ ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะสื้อสื้อ เขาคงจะไม่คบค้าสมาคมกับพวกเขามาก
ในตอนที่จิ้นเฟิงเฉินคิดจะไป ฝู้จิงเหวินก็ก้าวเท้ามา
เขาจงใจเดินไปตรงหน้าเจียงสื้อสื้อ ยื่นมือออกมาอย่างสุภาพบุรุษ
“สื้อสื้อ เดี๋ยวจะถึงเวลาเปิดฟลอร์เต้นรำแล้ว ผมจะมีหวังเชิญคุณไปเต้นรำด้วยกันไหม?”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที เขาคิดไม่ถึงว่าอีกสักพักจะมีช่วงการเต้นรำ
พ่อฝู้ก็กำลังจ้องมองทางนี้ เจียงสื้อสื้อรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
เธอกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายก็ยังวางมือบนมือของฝู้จิงเหวิน
ถึงอย่างไรวันนี้ก็เป็นวันเกิดของพ่อฝู้ เธอจะหักหน้าพวกเขาไม่ได้
เห็นเธอเห็นด้วย ฝู้จิงเหวินก็เชิดคางใส่จิ้นเฟิงเฉินอย่างลำพองใจ แฝงไว้ด้วยการยั่วยุอย่างชัดเจน
จิ้นเฟิงเฉินมองอยู่ข้างๆ ในดวงตา มองไม่เห็นแสงขึ้นลง
ใช้แรงในมือ ถูแก้วไวน์จนมีเสียงดังแสบหูปรากฏออกมา
จิตใจปกคลุมด้วยฝุ่นควันในทันที สีหน้าอารมณ์กลัดกลุ้มไม่เบิกบาน สายตามองตามเจียงสื้อสื้ออยู่ตลอด
มือของทั้งสองคนที่จับกัน จิ้นเฟิงเฉินมองดูและอึดอัดใจมาก
แต่ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ความสมัครใจของเจียงสื้อสื้อทั้งหมด
ในตอนที่เตรียมจะเดินไป ทันใดนั้นผู้หญิงคนหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา ขวางทางที่จิ้นเฟิงเฉินจะไป
“หนุ่มหล่อ เต้นรำด้วยกันสักเพลงสิ?”
ผู้หญิงคนนั้นมองมาที่เขาแสดงออกด้วยอารมณ์สวยหยาดเยิ้ม พูดและยังเกี่ยวแขนของจิ้นเฟิงเฉินไว้
ได้ยินอย่างนั้น จิ้นเฟิงเฉินถอยออกไปอย่างไม่ชอบในทันที
เป็นใบหน้าที่แต่งอย่างหน้าจนมองไม่เห็นหน้าเดิม แต่ว่าที่สวยงามนั้นมีความรู้สึกคุ้นเคย ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ
“ไม่เต้น”
ทิ้งประโยคเย็นๆไว้หนึ่งประโยค จิ้นเฟิงเฉินหมุนตัวจะเดินออกไป
แต่ว่า แต่ผู้หญิงคนนั้นพัวพันขึ้นมาอย่างไม่ยอม วิ่งช้าๆตามมาข้างๆจิ้นเฟิงเฉิน
“หนุ่มหล่อ อย่ารีบไปเลย คุณดูการเต้นรำจะเริ่มขึ้นแล้ว คุณก็ถือว่าช่วยเหลือ เป็นคู่เต้นให้ฉันเถอะ คุณคงใจไม่แข็งพอที่จะให้ฉันอยู่คนเดียวบนฟลอร์เต้นรำใช่ไหม ถือว่าขอร้องคุณหล่ะ”
เสียงที่จงใจบีบดังอยู่ในหูของจิ้นเฟิงเฉิน น่าเบื่อมาก
แต่หญิงสาวตะโกนแบบนี้ ดึงดูดความสนใจของคนไม่น้อยในทันที มีคนชี้ๆมาทางนี้
จิ้นเฟิงเฉินรีบจะไปหาเจียงสื้อสื้อ ยังโดนผู้หญิงคนนี้รบกวนให้ว้าวุ่นใจ
คิ้วขมวดในทันที กำลังจะพูดคำดุร้าย กู้เนี่ยนก็พาเด็กน้อยทั้งสองปรากฏตัวขึ้น
ด้านหน้า
จิ้นเฟิงเฉินส่งสายตาบอกใบ้ให้เขา กู้เนี่ยนรับรู้และเข้าใจได้ในทันที
คนหนึ่งเอียงตัว ตั้งใจจะขวางทางผู้หญิงคนนั้นไว้
เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนก็ตามีแววมาก ขัดขวางผู้หญิงคนนั้นในการตามจิ้นเฟิงเฉินไป
เถียนเถียนกะพริบตาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ถามหญิงสาวอย่างจริงจัง “สวัสดีค่ะคุณน้าคนสวย คุณน้ารู้ไหมคะว่าที่ไหนมีขนมหวาน?”
ตามองดูจิ้นเฟิงเฉินยิ่งเดินยิ่งไกล หญิงสาวก็กระทืบเท้าอย่างโมโห
แต่ว่า ตอนว่าตอนนี้ในสถานที่จัดงานเธอก็ทำอะไรเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้
หลังจากนั้นเธอก็ชี้มั่วๆไปตรงบริเวณขนมหวาน จากนั้นก็หมุนตัวจากไป
หญิงสาวที่ออกมาจากงานเลี้ยงเดินมาบริเวณที่ลับตาคน กำหมัดแน่นอย่างไม่ยอม
ผู้หญิงที่โผล่ออกมาอย่างกะทันหันก็คือข่ายสื้อลิน
แต่ว่า เธอคิดไม่ถึงว่าจิ้นเฟิงเฉินจะจัดการยากขนาดนี้ แต่อย่างนี้ก็ปลุกความอยากเอาชนะลึกๆของเธอขึ้นมา