ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 778 งานเลี้ยงที่มีเลศนัยแอบแฝง
บทที่ 778 งานเลี้ยงที่มีเลศนัยแอบแฝง
ท่าทางของเขาทำให้เธอรู้สึกโกรธ แม่ฝู้จ้องมองเขาอย่างดุร้าย
“ใครบอกกัน ถ้าเธอไม่เต็มใจ เธอจะตกลงแต่งงานกับจิงเหวินได้อย่างไร ฉันว่าคุณเนี่ยแก่แล้วสับสน ฉันว่าคุณสนใจทุกเรื่องของชาวบ้านเลย ยกเว้นเรื่องของบ้านตัวเอง”
เมื่อเห็นว่าแม่ฝู้หมกมุ่นอยู่กับความไม่เข้าใจนี้ พ่อฝู้ก็เลยพูดเรื่องนี้อย่างกระจ่าง ” แล้วแต่คุณแล้วกัน ที่แท้แล้วคุณยังมองไม่ออกเหรอเนี่ย”
แม้ว่าสื้อสื้อจะสูญเสียความทรงจำไป แต่สิ่งที่เธอปฏิบัติต่อจิ้นเฟิงเฉินนั้นก็ดูพิเศษอย่างมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความรักของพวกเขานั้นแน่นแฟ้นมาก นี่คือสิ่งที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจ แก้ไขไม่ได้”
แม่ฝู้พูดไม่ออกในทันที สักพักใหญ่ๆ เธอจึงพูดอย่างดุดันว่า ” ไอ้หนุ่มตระกูลจิ้นนั้นใจดำ รู้ทั้งรู้ว่านี่เป็นลูกสะใภ้ของตระกูลเรา แต่ก็ยังจะแย่งเธอไป”
“หากสื้อสื้อไม่เต็มใจ เขาจะแย่งเธอไปได้หรือ ใช้สมองบ้างเถอะคุณ” พ่อฝู้ส่ายหัวและถอนหายใจ
เธอพูดอะไรไม่ออก แม่ฝู้ผลักพ่อฝู้ และกล่าวด้วยความโกรธ “คุณก็เป็นพ่อคน คิดถึงลูกชายของตนบ้าง ดูสิว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่! ”
หลังจากพูดจบ เธอก็เดินจากไปด้วยความโกรธเคือง
ณ บ้านตระกูลจิ้น
ประตูสีดำนั้นถูกเปิดออก รถค่อยๆ ขับเข้าไปในคฤหาสน์ จิ้นเฟิงเฉินหันกลับไปมอง
หนูน้อยและเสี่ยวเป่านอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของเจียงสื้อสื้อ เจียงสื้อสื้อกำลังสัมผัสพวกเขาอย่างอ่อนโยน
ขณะที่รถหยุดลง ทั้งสองก็สบตากันและทั้งคู่ก็ยิ้มออกมา
ตอนนี้จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกดีขึ้นเยอะมาก เขาลงจากรถก่อน เขาเปิดประตูรถเบาะหลัง เอนตัวเข้าไปหาเจียงสื้อสื้อและพูดว่า “ส่งมาให้ผมเถอะ”
เจียงสื้อสื้อเข้าใจ เธอแยกนิ้วก้อยที่เกี่ยวกันอยู่ของสองพี่น้องนี้ออก จิ้นเฟิงเฉินอุ้มหนูน้อยออกมาก่อน
“อื้อ……”
ขณะที่หนูน้อยถูกอุ้มออกไป เสี่ยวเป่าก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยและลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง
เจียงสื้อสื้อก้มตาลงไปมองและพูดเบา ๆ ข้างๆ หูของเสี่ยวเป่าว่า ” เสี่ยวเป่า เราถึงบ้านแล้ว”
จากนั้นเธอก็จูงมือเสี่ยวเป่าที่หลับเพิ่งตื่นออกจากรถไป
เสี่ยวเป่าพิงที่ตัวเจียงสื้อสื้อ เขาเดินโซเซไปมา เขาจับชายเสื้อของเจียงสื้อสื้อไว้แน่น
เมื่อจิ้นเฟิงเฉินเห็นเช่นนี้ เขายิ้มมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งครอบครัวสี่คนคนนี้ก็เดินเข้าไปในวิลล่า
เปิดประตูเปิดออกมา จิ้นเฟิงเฉินวางหนูน้อยที่หลับสนิทลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง และเจียงสื้อสื้อก็เดินตามเข้ามา
ตอนนี้เสี่ยวเป่าตื่นดีแล้ว เมื่อเห็นหนูน้อยกำลังนอนอมนิ้วก้อยของเธอ เขารู้สึกว่าน่ารักมาก
เขาคลานเข้าไป แล้วมองดูน้องสาวด้วยความเอ็นดู
จิ้นเฟิงเฉินมองไปที่เจียงสื้อสื้อที่อยู่ข้างๆ ดวงตาของเขาเปล่งประกายและแวววาว
บรรยากาศระหว่างทั้งสองก็เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น เจียงสื้อสื้อบิดมุมเสื้อผ้าของเธออย่างตื่นเต้น และเงยหน้ามองเขา
“เอ่อ คุณไปยุ่งก่อนได้นะคะ เดี๋ยวฉันอยู่ดูแลที่นี่ก็ได้ค่ะ”
เสียงนั้นยิ่งพูดยิ่งเบาลง จนกลายเป็นเสียงที่เหมือนเสียงร้องของยุง
เมื่อเจียงสื้อสื้อตื่นเต้น เธอก็จะทำกิริยาต่างๆ ออกมา บิดเสื้อผ้าบ้างหรือบิดแขนตัวเองบ้าง ขนตาที่ยาวๆ ของเธอก็จะกระพือโดยไม่รู้ตัว และไม่กล้ามองตรงไปที่ใดที่หนึ่ง
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มออกมาอย่างชื่นใจ เมื่อรู้ว่าเธอเขินเขาเองก็ไม่พูดออกมา จึงได้แต่พยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นผมจะไปที่ห้องอ่านหนังสือนะ มีอะไรก็เรียกหาผมได้เลย”
เจียงสื้อสื้อรีบพยักหน้าราวกับไก่จิกข้าวทันที
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะออกมา เขาคิดว่ากู้เนี่ยนคงจอดรถเรียบร้อยและกำลังขึ้นมาแล้ว เขาปิดประตูขณะออกไป แล้วเดินไปทางห้องอ่านหนังสือ
ไม่นานหลังจากนั่งลงที่ห้องอ่านหนังสือ กู้เนี่ยนก็เดินตามเขามา
ขาที่ยาวของจิ้นเฟิงเฉินซึ่งไม่มีที่ให้วาง เขาก็เอาขาซ้อนทับกันอย่างตามสบาย และเอนตัวลงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ประตู และเขาเห็นภาพที่กู้เนี่ยนมีเรื่องในใจ
เขาเคาะนิ้วเบา ๆ บนโต๊ะ จนเป็นเสียงเป็นจังหวะ เขาถามอย่างตรงไปตรงมาว่า ” มีเรื่องจะพูดหรือ?”
“ครับ”
กู้เนี่ยนเดินเข้าไป เขานึกถึงภาพที่เขาเห็นเมื่อวานนี้ สีหน้าเคร่งขรึม
“คุณชายครับ เมื่อวานตอนที่ฝู้จิงเหวินออกจากห้องไป ผมก็ตามเขาไป และพบว่าฝู้จิงเหวินไปพบผู้หญิงคนหนึ่ง ดูลับๆ ล่อๆ
ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นออกมาดูเหมือนว่าเธอจะเปลี่ยนชุดไปแล้ว แต่ฟังจากการสนทนาของฝู้จิงเหวินและเธอ เธอคนนั้นน่าจะเป็นคนวางยาคุณ ”
เมื่อจิ้นเฟิงเฉินได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของเขาก็หรี่ลงเล็กน้อย เผยให้เห็นแสงแห่งความอันตราย
ดวงตาสีเข้มที่ใสสะอาดนั้น ถูกปกคลุมไปด้วยความหนาวเย็นในทันที เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แน่ใจหรือ”
กู้เนี่ยนพยักหน้าและพูดเหมือนเดาว่า “เป็นไปได้อย่างมากครับ ตอนที่ผมเห็นพวกเขา ผมยังไม่ค่อยเข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไรกัน จนผมได้ทราบเรื่องที่คุณถูกวางยา ผมจึงเอาเรื่องทั้งหมดมาปะติดปะต่อกัน
ช่วงเวลานั้นปะติดปะต่อกันได้ ผู้หญิงคนนั้นยังคงได้รับบาดเจ็บอีกด้วย ฝู้จิงเหวินกำลังช่วยให้เธอหลบหนีออกไป พวกเขาต้องรู้จักกันแน่ ๆ ไม่แน่ฝู้จิงเหวินอาจจะเป็นคนสั่งให้ผู้หญิงคนนั้นทำเช่นนี้……
จิ้นเฟิงเฉินทำเสียงหึออกมา ไม่คาดคิดเลยว่า ฝู้จิงเหวินจะเกี่ยวข้องกับผู้หญิงเมื่อคืนนี้ด้วย
ดูเหมือนว่าเมื่อคืนเขาจะไปงานเลี้ยงที่มีเลศนัยแอบแฝงมานะ
เมื่อนึกถึงผู้หญิงที่ต่อสู้กับเขาเมื่อคืนนี้ จิ้นเฟิงเฉินคัดค้านการเดาของกู้เนี่ยน และคาดเดาอย่างใจเย็น ว่า “ไม่ใช่ ผู้หญิงคนนั้นและฝู้จิงเหวินร่วมมือกัน แต่พวกเขาอาจจะไม่เกี่ยวข้องกัน
ภูมิหลังของผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดา เธอได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษ ด้วยภูมิหลังของฝู้จิงเหวิน เขาคงไม่มีอำนาจมากพอที่จะขับเคลื่อนคนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ได้ ”
คนที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อวานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ผู้หญิงคนนี้คนเดียว จิ้นเฟิงเฉินเองก็ถูกโจมตีไปสองสามครั้ง
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการบาดเจ็บที่ผิวหนัง แต่วันนี้ก็มีรอยฟกช้ำขึ้นมาเช่นกัน
แต่มันซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้า ทุกคนจึงมองไม่เห็น
มีไม่กี่คนที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นแล้วไม่ตื่นตระหนก แถมยังทำร้ายเขาได้
เมื่อคิดเช่นนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้หญิงเมื่อคืนนั้นเป็นคนอันตรายราวกับระเบิดที่พร้อมระเบิดตลอดเวลา
เขารู้สึกปวดหัวกับเรื่องนี้นิดหน่อย ถ้าเมื่อคืนเขาไม่ได้ถูกวางยา เขาคงจับผู้หญิงคนนั้นมาซักถามได้
ความรู้สึกของการถูกวางเล่ห์กลช่างแย่จริงๆ เลย
จิ้นเฟิงเฉินกำหมัดแน่น และดวงตาของเขาก็เย็นชามากขึ้น
ภาพของเจียงสื้อสื้อที่ถูกจับเป็นตัวประกันเมื่อวานนี้ ยังคงติดตาเขาอยู่ เขายังคงหวาดผวาอยู่
ถ้าฝู้จิงเหวินเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง เขาคงไม่ปล่อยให้คนของเขาแตะต้องเจียงสื้อสื้อ
แต่จิ้นเฟิงเฉินเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน ในสถานการณ์เมื่อวานนั้น ผู้หญิงคนนั้นน่ารู้ว่าสื้อสื้อสำคัญกับตนมากแค่ไหน จึงจับเธอเป็นตัวประกัน
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่าฝู้จิงเหวินได้พูดอะไรบางอย่างกับเธอแน่ๆ
แต่ก็ไม่แน่นอน เธออาจจะพบเธอโดยบังเอิญ ก็เลยลงมือกับเจียงสื้อสื้อก็เป็นได้…..
กู้เนี่ยนมองไปที่สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉิน เขาพอจะเดาได้ว่าเขากำลังกังวลอะไร เขาจึงพูดออกมาว่า “เพราะว่าผมกังวลสถานการณ์ทางฝั่งของคุณ จึงไม่ได้ตามผู้หญิงคนนั้นไปครับ”
ยิ่งไปกว่านั้นฝู้จิงเหวินเองก็อยู่ที่นั่นด้วย ผมรู้สึกว่าคุณคงไม่อยากให้ผมทำให้พวกเขาตื่นตัว ดังนั้นผมจึงไม่ได้หยุดพวกเขาไว้ แต่คุณสามารถวางใจได้ ผมสั่งให้คนไปติดตามเบาะแสของผู้หญิงคนนั้นแล้ว และคาดว่าอีกไม่นานก็คงมีข่าว”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าและตอบอืมอย่างเสียงต่ำ
ในสถานการณ์ที่ไม่ทราบเรื่องราวอะไรนั้น กู้เนี่ยนทำได้ขนาดนี้ ถือว่าเขามีการตอบสนองที่ดีมาก
แต่……
เมื่อเห็น จิ้นเฟิงเฉินอยู่ในความคิดของตน กู้เนี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะเรียกเขาว่า “คุณชายครับ”
“ว่าไง? ”
จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้ว “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ ”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะพูดอย่างไม่เกรงใจนะครับ ผมรู้สึกว่าฝู้จิงเหวินน่าสงสัยมากครับ เขาร่วมมือกับคนนอกเพื่อจัดการคุณ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเชื้อโรคบนร่างกายของคุณหญิงก็เกิดจากเขาด้วยเช่นกัน? เพราะถ้าหากเป็นเขา คุณหญิงคงจะไม่สงสัย … ”