ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 800 ยังคงรักผู้คนนี้อยู่
บทที่ 800 ยังคงรักผู้คนนี้อยู่
ข่ายสื้อลินถูกเขาบีบคอจนหายใจไม่ออก เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีท่าทีปล่อยตัวเอง ในที่สุดก็ลุกลี้ลุกลนทันที
แต่พละกำลังของผู้ชายทำให้เธอไม่สามารถสลัดออกได้เลย เธอพยายามยื่นมือตะเกียกตะกาย ขณะเดียวกันก็เริ่มหายใจลำบากเหมือนกับคนจมน้ำ
“ฉัน….บอก คุณ คุณ….ปล่อยฉัน!”
ฝู้จิงเหวินผ่อนมือลง และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เธอบอกมา”
“ยาตัวนั้นเป็นหัวหน้าของฉันที่ให้กับฉัน…..ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย นายมาหาฉันก็ไม่มีประโยชน์หรอก!”
ได้ยินแบบนี้ ภายในใจของฝู้จิงเหวินก็รู้สึกผิดหวังขึ้นเล็กน้อย ด้วยนิสัยไร้เมตตาปรานีและบ้าคลั่งของคนเหล่านั้น ไม่มีทางมอบยาถอนพิษให้กับเขาเด็ดขาด
เดิมทีภายในร่างกายของเจียงสื้อสื้อมีเชื้อโรคจำนวนมากซุกซ่อนอยู่ ตอนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีก ทุกอย่างจึงเดินไปในเส้นทางที่ไม่ทราบเลย….
เมื่อเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวของผู้หญิงในมือ จู่ๆเขาก็หัวเราะดังขึ้น
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นมีความสุขคนเดียวไม่สนุกเท่ามีความสุขกันหลายคนหรอก ฉันจะทำให้เธอได้ลิ้มรสชาติความเจ็บปวดที่สื้อสื้อต้องทนแบกรับในตอนนี้เหมือนกัน…….”
ขณะที่พูด ฝู้จิงเหวินหยิบขวดแก้วขนาดเล็กขวดหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ ส่วนข่ายสื้อลินเปลี่ยนสีหน้าทันที
เหมือนกับรู้แล้วว่าต่อไปเขาจะทำอะไรอีก ข่ายสื้อลินพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า “คุณต้องการทำอะไร?”
สิ้นสุดเสียง การกระทำมือของฝู้จิงเหวินก็เปลี่ยน เขายื่นมือหนึ่งบีบคางของเธอไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งค่อยๆหมุนเปิดฝาขวดแก้วช้าๆ จากนั้นก็ยื่นมาที่ริมฝีปากของเธอ
ข่ายสื้อลินเบิกตากว้างด้วยสายตาหวาดกลัว พร้อมกับพยายามขัดขืนอย่างสุดกำลัง แต่พละกำลังนั้นของเธอแทบไม่สามารถต่อกรกับฝู้จิงเหวินได้เลย
เธอพยายามดึงพละกำลังทั้งหมดในร่างกายขัดขืน แต่ตอนที่กำลังหลบหลีก ฝู้จิงเหวินได้เทยากรอกใส่ในปากของเธอเรียบร้อยแล้ว……
ยามีรสชาติขมเล็กน้อย แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือความหวาดกลัวที่ไม่ล่วงรู้
ฝู้จิงเหวินยิ้มมุมปากอย่างสะใจขึ้น “เป็นยังไงบ้างล่ะ?”
ข่ายสื้อลินพยายามขัดขืนอย่างสุดชีวิต จู่ๆมืออีกข้างก็กำหมัดอย่างแน่น แล้วต่อยเข้าใส่ท้องแขนของฝู้จิงเหวิน
ฝู้จิงเหวินเปลี่ยนสีหน้าทันที และปล่อยเธอออก จากนั้นก็รีบจับข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้อย่างแน่น จนไม่สามารถขยับได้เลย
ข่ายสื้อลินพยายามเดินถอยหลัง พร้อมรวบรวมพละกำลังทั้งหมดในร่างกายเตะเข้าขาของเขา
แต่ฝู้จิงเหวินมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วกว่า เขาอมยิ้มอย่างเย็นชา “ฉันคงดูถูกเธอมากเกินไป”
พูดจบก็ยกปลายเท้าเตะใส่หลังหัวเข่าของเธอ
ข่ายสื้อลินรู้สึกว่าหัวเข่าทั้งชาทั้งเจ็บปวด เลยต้องคุกเข่าลงบนพื้น
ฝู้จิงเหวินลากเธอมาข้างหน้า แล้วดึงให้หน้าอกของเธอแนบติดกับผนังกำแพง
เมื่อเห็นสายตาพิฆาตในสายตาของฝู้จิงเหวิน ข่ายสื้อลินก็อดใจพูดข่มขู่ขึ้นไม่ได้ว่า “ปล่อยฉัน! ฉันขอเตือนนายเลยว่า ถ้าหากฉันได้เป็นอิสระเมื่อไหร่ นายจะไม่มีวันเป็นสุขอย่างแน่นอน!”
ข่ายสื้อลินหันหน้าคิดอยากกัดเขา แต่ฝู้จิงเหวินกลับหัวเราะอย่างไม่สนใจ แถมยังพลิกมือควบคุมเธอไว้ด้วย จากนั้นก็เทปากขวดที่มียาเหลืออยู่กรอกใส่ในปากของเธอ
“งั้นก็มาลองดูว่ายาขวดนี้จะสามารถทำให้เธอกลายเป็นคนเชื่อฟังได้ไหม?”
จนกระทั่งยาหยดสุดท้ายหมด ฝู้จิงเหวินจึงจะปล่อยเธอออก
“เห่อเห่อ…..เห่อ”
ข่ายสื้อลินเพิ่งได้สัมผัสกับอากาศอีกครั้ง พร้อมกับพยายามอ้วกยา แต่ไม่เป็นประโยชน์แล้ว
ฝู้จิงเหวินจ้องมองการกระทำของเธออย่างสนุกสนาน “นี่เป็นแบคทีเรียที่ฉันวิจัย ซึ่งเป็นแบคทีเรียเพียงตัวเดียวที่มีอยู่บนโลกใบนี้ หากไม่อยากตาย ทางที่ดีร่วมมือกับฉัน ฉันไม่ถือสา แต่จะทำให้เธอทรมานจนตายไปเลย”
ได้ยินแบบนี้ ข่ายสื้อลินก็รู้สึกหวาดกลัวทันที และร่างกายก็สั่นเทาเหมือนกับรำข้าว ขณะเดียวกันเธอก็ค่อยๆประคองผนังกำแพงยืนขึ้นมา และมีสีหน้าหวาดกลัวด้วย
เมื่อเห็นสายตาสงสัยของข่ายสื้อลิน ฝู้จิงเหวินก็อมยิ้มด้วยรอยยิ้มอันตรายเดินเข้ามาใกล้เธอ
“ฟังไม่เข้าใจหรอ? หรือว่าต้องเจ็บปวดอีกครั้งหรอ?”
“ฉัน….ฉันจะเชื่อฟังคุณแน่นอน”
ในดวงตาของข่ายสื้อลินมีสายตาตกใจ และจ้องมองฝู้จิงเหวินด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่ต่อต้านแล้ว
“เป็นแบบนี้ดีที่สุด ถ้าหากฉันจับได้ว่าเธอไม่ซื่อสัตย์ ฉันจะส่งเธอไปพบกับเหงี่ยมล่ออ๋อง!” หลังจากพูดประโยคนี้จบ ฝู้จิงเหวินก็หันหลังเดินจากไป
ทิ้งข่ายสื้อลินอยู่ที่เดิมอย่างน่าเวทนา
อีกด้านหนึ่ง จิ้นเฟิงเฉินกลับมาที่ศูนย์การวิจัย ซึ่งเจียงสื้อสื้อได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
เมื่อเห็นจิ้นเฟิงเฉินที่กลับมาจากข้างนอก เจียงสื้อสื้อก็รีบวิ่งเข้าไปโอบกอดเอวของเขาอย่างแน่น โดยแทบไม่สวมรองเท้าเลย
เธอรู้ว่าตัวเองมีปัญหาเกิดขึ้นอีกแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่มีโม่เหยียปรากฏขึ้นที่นี่
เมื่อโม่เหยียกับหานยู่เห็นแบบนี้ก็เดินจากไปด้วยกัน ทิ้งทั้งสองคนไว้ภายในห้อง
เมื่อเห็นเธอวิ่งกระโจนเข้ามา จิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกเหมือนบางอย่างที่ขาดหายกลับคืนมาแล้ว
โชคดีที่สวรรค์ไม่ได้แย่งสื้อสื้อไปจากข้างกายของตัวเอง
เมื่อกี้ระหว่างทางเขายังหวาดกลัวอยู่เลยว่าถ้าหากเธอยังไม่ฟื้น ตัวเองควรทำอย่างไรดี
ความรู้สึกในดวงตาของเขาถูกเจียงสื้อสื้อจับได้หมดแล้ว หวาดกลัวว่าเขามีความกังวล เจียงสื้อสื้อจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “ฉันไม่เป็นไรค่ะ คุณไม่ต้องเป็นกังวลหรอก ฉันได้ยินโม่เหยียบอกว่าอาการของฉันยังไม่ถึงโคม่าสักหน่อย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็โอบกอดเจียงสื้อสื้อค้างไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงแหบเล็กน้อยว่า “สื้อสื้อ เป็นเพราะผมปกป้องคุณไม่ดี จึงทำให้คุณต้องมาประสบแบบนี้ ผม…..”
เจียงสื้อสื้อสัมผัสได้ถึงความกลัวในใจของเขา เลยตบลงบนแผ่นหลังของเขา และพูดปลอบใจว่า “นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ คุณอย่าเอาความรับผิดชอบทั้งหมดมากล่าวโทษใส่ตัวเอง เป็นเพราะฉันประมาทเอง คิดไม่ถึงว่าฝู้จิงเหวินจะทำเรื่องแบบนี้ได้…..”
ตอนที่พูดประโยคนี้ ในดวงตาของเจียงสื้อสื้อเต็มไปด้วยความเสียใจ
สำหรับเธอแล้ว ฝู้จิงเหวินเปรียบเสมือนกับพี่ชาย ครอบครัว เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่าเขาจะกล้าทำร้ายตัวเอง
ความผิดหวังภายในใจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงภายในชั่วพริบตาได้
เมื่อสังเกตเห็นเจียงสื้อสื้อยังยืนเท้าเปล่าอยู่บนพื้น จิ้นเฟิงเฉินก็อุ้มเธอขึ้น แล้วเดินกลับบนเตียง
เท้าของเธอเย็นเล็กน้อย จิ้นเฟิงเฉินจึงวางไว้ในอ้อมกอด
เมื่อเห็นการกระทำของเขา เจียงสื้อสื้อก็ตกใจ แล้วเบิกตากว้างจ้องมองด้วยสายตาเขินอาย
“ไม่ต้องหรอกค่ะ…..ไม่เป็นไร…..ฉัน……”
เมื่อเห็นสายตาลึกซึ้งในดวงตาของเขา เจียงสื้อสื้อก็พูดจามั่วซั่วเล็กน้อยเล็กน้อย แถมหางตายังน้ำซึมด้วย
ตกลงผู้ชายคนนี้รักเธอถึงขั้นไหนหรอ…..
จิ้นเฟิงเฉินเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากหางตาของเธอ และพูดให้สัญญาว่า “สื้อสื้อ คุณวางใจเถอะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะเป็นท่าเรือของคุณ และชั่วชีวิตของผมไม่มีทางทำร้ายคุณอย่างแน่นอน”
เจียงสื้อสื้อรู้สึกอบอุ่นใจมาก เลยอยู่ในอ้อมกอดของเขาสักพัก จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “เฟิงเฉิน ฉันอยากกลับบ้านแล้ว ฉันคิดถึงเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียน ที่นี่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย”
คำเรียกขานครั้งนี้คือเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้อได้ยอมรับผู้ชายที่เห็นเธอเป็นคนสำคัญในใจของเขาแล้ว
หลังจากผ่านการคลุกคลีอยู่ด้วยกัน เธอรู้ว่าตัวเองกับเขาไม่สามารถแยกจากกันได้
ต่อให้ไม่มีความทรงจำ แต่เธอก็ยังคงรักผู้ชายคนนี้อยู่
เมื่อได้ยินคำเรียกของเธอที่เปลี่ยนไป ในดวงตาของจิ้นเฟิงเฉินก็อ่อนโยนขึ้น เขาลูบหัวของเจียงสื้อสื้อ แล้ววางเสื้อคลุมไว้บนตัวเธอ จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นอย่างอ่อนโยน
“พวกเรากลับบ้านเถอะ”
เมื่อกลับถึงบ้าน เด็กน้อยทั้งสองคนก็เข้ามาล้อมรอบ
เถียนเถียนจับมือเจียงสื้อสื้อไว้ และพูดอย่างเป็นห่วงว่า “หม่ามี๊ค่ะ แด๊ดดี้บอกว่าหม่ามี๊ไม่สบาย นี่เป็นลูกอมของเถียนเถียน หวังว่าหม่ามี๊กินแล้วดีขึ้นเลยทันทีนะคะ!”
ขณะที่พูดเถียนเถียนก็ควักลูกอมคริสตัลหนึ่งกำมือในกระเป๋าเสื้อของตัวเองให้กับเจียงสื้อสื้อ
เสี่ยวเป่าวิ่งเข้าห้องครัวอย่างรวดเร็ว แล้วถือชามขนาดเล็กหนึ่งเดินเข้ามา เป็นชามกระเบื้องที่ข้างในเป็นโจ๊ก
“หม่ามี๊ นี่เป็นโจ๊กที่ผมเรียนรู้กับคุณน้า แต่รสชาติอาจไม่ค่อยอร่อยนะครับ”
หลังจากยื่นชามให้กับเจียงสื้อสื้อเสร็จ เสี่ยวเป่าก็ก้มหน้าขออภัยเล็กน้อย