ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 812 เป็นฝู้จิงเหวิน!
บทที่ 812 เป็นฝู้จิงเหวิน!
ความจำของเบอร์เกนดีจนน่ากลัวมาก ถ้าเกิดเป็นคนที่เคยเจอมาก่อน ไม่มีทางที่จะจำไม่ได้
อีกอย่าง การเปิดตัวบริษัทยาคราวนี้สำคัญมาก คำเชิญนั้นเขาเป็นคนเชิญเอง
ถ้างั้น คนตรงหน้านี้……เป็นใคร?
ก็ได้จบบทสนทนาในการพูดคุย เขาก็ได้รีบเดินไปทางจิ้นเฟิงเฉินกับกู้เนี่ยน
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ยกแก้วไวน์ของตัวเองอย่างสุภาพ “ทั้งสอง ขอบคุณมากนะครับที่สละเวลามางานเลี้ยงคืนนี้”
ตอนที่เบอร์เกนเดินเข้ามาใกล้นั้น ทั้งสองคนก็รู้สึกตัว
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้เปลี่ยนสีหน้าของตัวเองแบบไม่ให้รู้ตัว ยิ้มเรียบๆ “คุณเบอร์เกนเกรงใจไปแล้วครับ”
วาจามีมารยาท ท่าทางมีสุภาพ บรรยากาศสง่า เหมือนคุณชายตระกูลผู้ดี
นี่ยิ่งทำให้เบอร์เกนเดาไม่ออกเข้าไปอีก ในใจนั้นก็ได้มีแต่ความสงสัย ยิ้มพูด “ผมก็อายุเยอะแล้ว ช่วงนี้ความจำก็ไม่ดี ไม่ทราบว่าคุณเป็นคุณชายตระกูลไหนครับ?”
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้พูดออกไป “มาจากตระกูลอานเตอร์เล่ แต่ว่าผมเป็นรุ่นหลังของคุณอานเตอร์เล่ เพราะว่าท่านสุขภาพไม่ดี และก็ไม่อยากที่จะพลาดงานเลี้ยงของคุณ ก็ได้ให้ผมมาเป็นตัวแทนของท่านก่อนครับ”
พูดจบ เขาก็ได้บอกให้กู้เนี่ยนเอาของขวัญให้
“ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ เล็กไปหน่อย เป็นการแสดงน้ำใจของคุณอานเตอร์เล่ครับ”
เบอร์เกนก้มหน้ามองของขวัญ เป็นของเก่าที่มีราคามาก ราคาไม่ใช่น้อยๆ
ก็ได้รับมาด้วยความดีใจ เขาพูดออกไปแบบนั้นก็ได้ทำให้ความสงสัยเล็กน้อยของเบอร์เกนได้หายไป
เพราะงั้น ก็ได้หาข้ออ้างเดินออกไป “คุณอานเตอร์เล่เกรงใจแล้วครับ หวังว่าพวกคุณจะสนุกนะครับ งั้นผมขอตัวก่อนแป๊บหนึ่งครับ”
รอให้เบอร์เกนเดินออกไป รอยยิ้มบนหน้าของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้ค่อยๆ หายไป นิ้วที่ได้จับขาแก้วไวน์นั้นก็ได้แรงขึ้น เล็บที่ได้ตัดอย่างเรียบร้อยก็ได้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว
ถึงแม้ว่าสิ่งที่จิ้นเฟิงเฉินพูดดูดีมาก ทำให้คนนั้นจับผิดไม่ได้ แต่ว่าเบอร์เกนก็ยังไม่เชื่อใจเขา
เขาเป็นคนที่ขี้สงสัย ยอมที่จะระวังตัวนิดหน่อย แต่ก็ไม่อยากให้เกิดข้อผิดพลาดอะไร ก็ได้เดินไปแล้วสั่งลูกน้องไปว่า “จับตามองสองคนนั้นไว้”
ลูกน้องก็ได้ตกลง ก็ได้ทำตัวกลมกลืนไปกับพวกเขาเงียบๆ
ชายสองคนที่นั่งบนโซฟาในที่ที่ไม่ไกลนัก มองดูแล้วเหมือนได้พูดคุยกันไป มองผู้หญิงในงานแล้วก็พูดคุย
แค่ความจริงนั้นสายตาก็ได้จ้องไปที่จิ้นเฟิงเฉินตลอด ไม่ละสายตา
หน้าตาของชายทั้งสองคุ้นๆ จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ย้อนคิดไปสักพัก เหมือนว่าเป็นสองในลูกน้องของเบอร์เกนเมื่อกี้
จิ้นเฟิงเฉินแกล้งทำเป็นมองไปเจอเข้ากับสายตาพวกเขา ความเยือกเย็นในแววตานั้นทำให้สองคนนั้นหดถอยเล็กน้อย
บรรลุเป้าหมายแล้ว เขาก็ได้เก็บอาการไปบ้าง
จ้องมองกับทั้งสองสักพัก มุมปากก็ได้ยิ้มขึ้น ถึงว่าเป็นการทักทายด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ
ต่อจากนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ได้คุยกับแขกที่ได้เดินเข้ามาอย่างเป็นธรรมชาติ
ในงานเลี้ยงนั้นหญิงสาวต่างดูดี เหล้าในมือจิ้นเฟิงเฉินก็ได้เปลี่ยนไปแก้วแล้วแก้วเล่า
พึ่งคุยกับคนแก่ๆ ท่านหนึ่งเสร็จ ไหล่ของเขาอยู่ๆ ก็ถูกตบเบาๆ
หันไป เป็นหญิงร่างสูงตาสีคราวผมสีทอง
เขาได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาที่สงสัยได้จ้องมองหญิงสาว
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเอน่า พอฉันเขามาก็ได้มองเห็นคุณเลย คุณก็เป็นแขกที่คุณเบอร์เกนเชิญมาเหรอ?”
หญิงสาวไม่ได้ปิดบังความสนใจเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสีคราวสวยได้จ้องมองเขาไม่ห่าง
“ครับ”
จิ้นเฟิงเฉินไม่อยากพูดอะไรมาก ก็ได้หันหลังเตรียมตัวจากไป
ท่าทางของหญิงสาวตรงหน้านั้นก็ได้แสดงความสนใจของเพศตรงข้ามอย่างเห็นได้ชัด ก็ได้เล่นผมของตัวเองต่อหน้าเขาตลอด
ผู้หญิงแบบนี้ถ้ายุ่งเกี่ยวเข้าจะยุ่งยากสุดๆ
เอน่ามองผู้ชายที่มีท่าทางอ่อนโยนตรงหน้า สายตาที่รอคอยแล้วก็ชื่นชอบนั้นก็ไม่ปิดบังเข้าไปอีก
เห็นว่าเขากำลังเดินออกไป เอน่าก็ได้พูดออกมาว่า “คุณ…….ไม่คิดที่จะแนะนำตัวเองหน่อยเหรอคะ?”
เวลานี้ ความสนใจของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้วางอยู่ในที่ไกลๆ ไม่ได้สนใจในสิ่งที่ผู้หญิงตรงหน้าพูดเลยสักนิด
เอน่าก็ได้ถูกมองข้ามไปทั้งแบบนี้
หันหน้าไป ก็ได้พบว่าผู้หญิงตรงหน้าก็ได้มองตนอย่างรออะไร เขาก็ได้ยิ้มเป็นการขอโทษว่า
“โทษทีนะครับ เมื่อกี้คุณพูดอะไร?”
เอน่าก็ได้เมาไปกับรอยยิ้มมุมปากที่น่าหลงใหลของจิ้นเฟิงเฉิน ใจลอยไปช่วงขณะ เห็นว่าเขามองเธอ หน้าก็ได้แดงทันที
ไม่ได้มีแรงที่จะเรียบเรียงคำพูด
“ผมยังมีธุระ ขอตัวก่อน”
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ยกแก้วให้ตามมารยาท ยกเท้าแล้วเดินไกลออกไป
พึ่งเดินไปสองก้าว ก็ได้มีผู้หญิงสองคนมาขวางทางเขา
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มออกไปเรียบๆ ให้สองคนตรงหน้า ในใจก็ได้หึอย่างเยือกเย็น
เบอร์เกนนี่ได้ระแวงเขาจริงๆ ถึงขั้นให้คนมากมายมาจับตามองตน
เวลานี้ ไมค์บนเวทีก็ได้ดังขึ้นมา สายตาของคนทั้งหมดก็ได้มองไปพร้อมกัน จิ้นเฟิงเฉินก็ได้มองขึ้นไป
“สวัสดีครับแขกทุกท่าน”
ในมือของเบอร์เกนก็ได้ถือไมค์ “ถือโอกาสในงานนี้ ผมนั้นจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จับกับคนที่เหมือนเป็นมือซ้ายขวาของผม
คนนี้คือ ศาสตราจารย์คูรี่ นักวิจัยเบอร์หนึ่งในสถาบันวิจัยของผม เขาไม่ได้มีแค่ชื่อเสียงระดับโลกในด้านสมาคมวิจัยเชื้อโรค ยิ่งไปกว่านั้นก็ได้มีผลงานอีกมากมาย เป็นแบบอย่างแนวหน้าในวงการงาน!”
คนข้างล่างเวทีก็ได้พากันปรบมือ จิ้นเฟิงเฉินหน้านิ่งราวกับน้ำ ก็ได้ปรบมือไปตามคนรอบข้าง ทำให้ไม่ได้โดดเด่นมาก
แนะนำศาสตราจารย์คูรี่เสร็จ ก็ได้มีผู้ชายอีกคนเดินขึ้นเวที แสงไปได้ส่องไปบนตัวของเขา
ผู้ชายคนนี้ เห็นได้ชัดว่าได้ผอมกว่าคนแถบยุโรปที่ร่างใหญ่รอบข้าง
จิ้นเฟิงเฉินมองคนคนนั้น หน้าตาได้เครียด ริมฝีปากเม้มแน่น ได้มีบรรยากาศที่ทำให้คนกลัวออกมา
“นั่นฝู้จิงเหวิน!” กู้เนี่ยนก็จำคนคนนั้นได้ ตื่นเต้นจนเสียงได้หลงเล็กน้อย
จิ้นเฟิงเฉินมองด้วยห่างตาเป็นการเตือน กู้เนี่ยนก็ได้ปิดปากทันที
มองไปยังรอบๆ โชคดีที่สายตาทุกคนได้มองไปบนเวที ไม่มีคนสังเกตเขา เพราะงั้นก็ได้ถอนหายใจเบาๆ
“คนที่จะแนะนำอย่างเป็นทางการคนที่สองนั้นเป็นหมอที่มีความสามารถคนหนึ่ง ชื่อว่าฝู้จิงเหวิน อายุน้อยๆ ก็ได้จบด๊อกเตอร์จากมหาวิทยาลัยNJ ได้ทำงานวิจัยทางการแพทย์
อีกอย่าง การวิจัยและการวิเคราะห์ของเขาถือเป็นประวัติการณ์ วันนี้ก็ได้เข้าร่วมพวกเราอย่างเป็นทางการ ต่อไปต้องเป็นคนที่มีความสามารถข้างกายผมแน่ ขอให้ทุกคนยินดีกับการเข้าร่วมของเขาด้วยครับ!”
พูดจบ ก็ได้มีเสียงตบมือที่ดังขึ้นอีก ฝู้จิงเหวินพยักหน้าเล็กน้อย
“เป็นไปอย่างที่คิด เหมือนที่พวกเขาคาดเดาไว้”
กู้เนี่ยนได้ขยับเข้าใกล้จิ้นเฟิงเฉิน พูดคุยกับเขาเสียงเบา “ไอ่ฝู้จิงเหวินนี่ ไปร่วมมือกับเบอร์เกนจริงๆ ด้วย เจ้าเล่ห์จริงๆ!”
สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินข้างๆ ก็ได้เยือกเย็นมากๆ มองฝู้จิงเหวินบนเวทีด้วยสายตาที่น่ากลัว
ก็ได้เอาแก้วไวน์ในมือยัดไปที่มือของกู้เนี่ยน จากนั้นก็ได้เดินอ้อมไปจากข้างๆ
กู้เนี่ยนมองแก้วไวน์ที่อยู่ๆ ได้มาอยู่ในมือเพิ่ม แล้วก็มองจิ้นเฟิงเฉินที่สายตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมที่มองไปบนเวที ก็รู้เลยทันทีว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่
เขาใจหายอย่างห้ามไม่ได้ ก็ได้รีบเดินตามไป
ลากชายเสื้อของจิ้นเฟิงเฉินไว้ พูดออกความเห็นว่า “ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะลงมือนะครับ ที่นี่คนเยอะเกินไป ถ้าพวกเราทำอะไรบุ่มบ่าม ยากมากที่จะไม่ให้เบอร์เกนสงสัย”