ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 813 มีความสงสัย
บทที่ 813 มีความสงสัย
จิ้นเฟิงเฉินก้มหน้าสงบอารมณ์ของตัวเอง ใช่ เขาใจร้อนไป
สื้อสื้อยังอยู่ในมือของพวกเขา สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือไม่ให้จับได้ ถึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์
มองฝู้จิงเหวินที่อยู่บนเวทีสักพัก จิ้นเฟิงเฉินได้กำหมัดแน่น ใบหน้านั้นไม่ได้แสดงสีหน้าที่เกินเลยออกมาเลยแม้แต่น้อย
บรรยากาศที่คึกคักในงาน งานเต้นรำก็ได้เริ่มขึ้น
เวลาก็ได้ค่อยๆ เข้าใกล้ห้าทุ่ม เห็นที่งานเลี้ยงใกล้จบแล้ว
มองเบอร์เกนที่กำลังพูดคุยกับแขกในที่ไกลๆ สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้เข้มขึ้น
ก็ได้ออกไปเงียบๆ กับกู้เนี่ยน ค่อยๆ ไปที่ลานจอดรถ
สีหน้าที่เคร่งเครียดของจิ้นเฟิงเฉินได้นั่งอยู่ที่นั่งคนขับ มองเข็มนาฬิกาที่ค่อยๆ เดินไปยังเวลาเที่ยงคืน
ผ่านไปกี่นาที ในลานจอดรถก็ได้มีความเคลื่อนไหว
จิ้นเฟิงเฉินเงยหน้า เห็นบอดี้การ์ดสี่คนได้นำทางอยู่ข้างหน้าอย่างเป็นระเบียบ ฝู้จิงเหวินได้กระจุกอยู่ตรงกลาง
เดินไปที่ข้างๆ รถ เขากำลังจะเปิดประตูรถ กลับถูกภาษามือของเบอร์เกนห้ามไว้
วิต่อมา ลูกน้องของเบอร์เกนก็ได้เดินไปข้างหน้า เปิดประตูให้ฝู้จิงเหวิน แล้วก็ส่งเขาขึ้นรถ
เห็นได้ชัดว่าเบอร์เกนมองว่าฝู้จิงเหวินสำคัญขนาดไหน
ฝู้จิงเหวินก้าวขาขึ้นรถ ตอนที่ได้อยู่ตรงที่นั่งคนขับนั้นก็ได้มองไปที่ไกลๆ ตามความเคยชิน
จิ้นเฟิงเฉินก้มหน้าเล็กน้อย ได้เอาเข็มขัดที่อยู่ข้างซ้ายมาคาด หลบสายตานั้นไปอย่างธรรมชาติ
จากนั้น ฝู้จิงเหวินก็ได้ขับรถออกไป คนที่อยู่ทั้งสองข้างก็ได้หลีกทางให้อย่างเว่อร์วัง โค้งคำนับเป็นการส่ง
มือของจิ้นเฟิงเฉินที่ได้วางที่พวงมาลัยรถนั้นก็ได้ออกแรงอย่างแรง เส้นเลือดหลังมือก็ได้ปูดอย่างเห็น ได้ชัด
นึกถึงท่าทางที่สูงส่งและน่าเกลียดแบบนั้นของฝู้จิงเหวินบนเวที จิ้นเฟิงเฉินหงุดหงิดจนแทบอยากไปฉีกเขาเป็นชิ้นๆ
เห็นว่ารถของฝู้จิงเหวินจะหลุดพ้นจากการมองแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็ได้รีบสตาร์ทรถ เตรียมที่จะขับออกไปอีกทางหนึ่ง
ใครคิด เวลานี้อยู่ๆ ก็ได้มีรถขับหนึ่งขับออกมา เห็นว่าใกล้ชนแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็ได้รีบเหยียบเบรก ทำให้เกิดเสียงที่ทำให้แสบหูขึ้น
เบอร์เกนที่กำลังจะจากไป ก็ได้ถูกสถานการณ์นี้ดึงดูดเข้า เดินมาทางนี้
ในใจของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้หงุดหงิด สมควรตายจริงๆ
กระจกรถถูกเคาะ จิ้นเฟิงเฉินเลื่อนกระจกรถลง ยิ้มแล้วมองไปยังเบอร์เกน “คุณเบอร์เกน ดีใจมากที่ได้เจอกับคุณอีกครั้งครับ”
เบอร์เกนพยักหน้า สายตาก็ได้มองสำรวจ ก็ได้มองไปยังในรถเขาอย่างไม่ตั้งใจ
“นี่ก็หมดเวลางานเลี้ยงไปตั้งนานแล้วนะครับ พวกคุณทำไมถึงยังไม่กลับไป เจอกับปัญหาอะไรเข้าหรือเปล่า?
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้นวดระหว่างคิ้ว พิงไปที่เบาะที่นั่ง นัยน์ตาก็ได้มีความมึนๆ “เปล่าครับ ก็แค่ผมไม่ถนัดที่จะดื่มเหล้า กำลังรอให้คนขับมารับ ขอโทษจริงๆ ครับ ที่ทำให้คุณเป็นห่วง”
ที่จริงนั้นเขาไม่ได้ดื่มเหล้าเลย ในงานเลี้ยงเมื่อกี้ เหล้าที่อยู่ในแก้วได้ถูกกู้เนี่ยนเปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มทั้งหมด
ส่วนเรื่องคนขับ ก็แค่หาข้ออ้างไปงั้นๆ
เบอร์เกนยิ้ม “ให้คุณรอนานแบบนี้ เห็นทีคนขับคนนั้นไม่ได้เรื่องเลยนะครับ ไล่เขาออกไปเถอะ”
พูดจบ ก็ได้กวักมือไปอีกด้าน พูดกับบอดี้การ์ดว่า “นายไปส่งคุณผู้ชายคนนี้หน่อย”
จิ้นเฟิงเฉินโบกมือ “ไม่รบกวนคุณแล้วครับ คุณเบอร์เกน ผมคิดว่าคนขับรถของผมใกล้มาถึงแล้ว……”
“เรื่องเล็กน้อยครับ ไม่ต้องเกรงใจ ให้ผมสั่งคนไปส่งคุณกลับบ้านเถอะ”
เห็นว่าเขาดื้อรั้นแบบนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็เลยทำได้แค่พูดไปว่า “งั้นก็รบกวนบอดี้การ์ดของคุณ ส่งผมไปที่คฤหาสน์อานเตอร์เล่”
บอดี้การ์ดได้ยืนอยู่หน้าประตูรถแถวที่นั่งคนขับแล้วทำท่าทาง “เชิญครับ” ไป
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้แกล้งทำเป็นเมาแล้วก็ลงจากรถ ขึ้นไปนั่งที่นั่งด้านหลังโดยมีเบอร์เกนจ้องมองอยู่
“ต้องไปคุณผู้ชายคนส่งไปถึงที่” เบอร์เกนได้สั่งกับบอดี้การ์ด
รถก็ได้ค่อยๆ ขับออกไปจากลานจอดรถ จิ้นเฟิงเฉินมองเบอร์เกนที่มองรถของตนขับห่างออกไปจากกระจกหลัง ได้หรี่ตาเล็กน้อย
เบอร์เกนคนนี้ เห็นได้ชัดว่ายังสงสัยใจตัวเขา
“เหล้าในคืนนี้ไม่เลวเลย งานเลี้ยงของคุณเบอร์เกนคุ้มที่จะมาจริงๆ”
จิ้นเฟิงเฉินแกล้งพูดภาษาอิตาลีกับกู้เนี่ยน
กู้เนี่ยนยิ้ม เปิดปากก็ได้พูดสำเนียงอิตาลีที่ชัดออกมา “ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ไปงานเลี้ยงกับคุณหลายงาน งานแบบคุณเบอร์เกน ผมก็พึ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก”
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้จ้องมองไปยังบอดี้การ์ดอย่างเนียนๆ
ถึงแม้ว่าใบหน้าของบอดี้การ์ดได้อยู่ในที่มืด แต่ก็สามารถเห็นสายตาของเขาได้มองไปยังด้านหลังตลอด
เบอร์เกนจงใจสั่งคนของตนมาส่งเขากลับบ้าน จิ้นเฟิงเฉินทำไมจะไม่รู้ถึงความตั้งใจอย่างอื่นของเขาเบอร์เกน
ภายนอกบอกว่าหวังดี ความจริงก็แค่จับตาดูเขาเท่านั้น
ระหว่างทาง จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ชวนกู้เนี่ยนคุยอย่างเรียบๆ สำเนียงอิตาลีที่ชัดแบบนี้ทำให้บอดี้การ์ดได้เลิกสงสัย
รถก็ได้ค่อยๆ ขับไปถึงเขาที่มีทางคดเคี้ยว จิ้นเฟิงเฉินก็ได้หลับตาลง ไม่พูดอะไรต่อ
ในหัวกลับย้อนคิดไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงเมื่อกี้
ตอนนี้ฝู้จิงเหวินได้ร่วมมือกับเบอร์เกน งั้นตอนนี้สื้อสื้อก็ได้อยู่ในมือของเบอร์เกนแล้ว?
เขาไม่กล้าคิด……
แขนที่มีกำลังของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้พิงไปที่หน้าต่าง ลืมตา มองไปยังความมืดด้านนอกแล้วก็ตกอยู่ในความคิด
รถขับมาถึงครึ่งเขาก็ได้ชะลอลง ข้างหน้านั้นเป็นคฤหาสน์ที่หลบอยู่ในความมืด
ในต้นไม้ที่ได้บดบัง ก็ได้เห็นแสงไฟรางๆ
บอดี้การ์ดก็ได้เดินมาเปิดประตูอย่างสุภาพ จิ้นเฟิงเฉินลงจากรถ แล้วก็เดินตรงไปที่ประตูใหญ่
กู้เนี่ยนได้เดินตามข้างๆ เขา ได้รับเอาเสียงนอกเขามาอย่างเป็นธรรมชาติ
จิ้นเฟิงเฉินได้คลายเนคไท กดอ๊อดประตูโดยท่าทีที่เป็นธรรมชาติ ใบหน้าของทั้งสองสะท้อนอยู่บนจอภาพ
ประตูใหญ่ที่มีดอกไม้สลักก็ได้มีเสียงแล้วเปิดออก ทั้งสองก็ได้เดินเข้าไป
บอดี้การ์ดก็ได้จับตามองท่าทางทั้งสองอยู่ตลอด มองทั้งสองคนเข้าไปเสร็จ ถึงได้ขับรถออกไป
ในโรงแรม หน้าห้องประตูห้องลักชัวรีสวีท ได้มีบอดี้การ์ดสี่คนยืนเฝ้าตรงประตู
บอดี้การ์ดที่พึงไปเป็นคนขับรถมาเมื่อกี้ก็ได้เข้ามาในห้อง เคารพเสร็จก็ได้ก้มหน้าอย่างสุภาพ
เบอร์เกนได้นั่งตรงที่นั่งกลางห้อง หลังได้ตรง
มือได้วางที่พักมืออย่างผ่อนคลาย มองลูกน้อยที่อยู่ตรงหน้าก็ได้ถามว่า “คนส่งไปถึงคฤหาสน์อานเตอร์เล่แล้วใช่ไหม?”
“ครับ ส่งไปถึงแล้ว ผมมองพวกเขาเข้าไปด้วยตาของตัวเองครับ”
บอดี้การ์ดก็ได้ตอบไปอย่างมั่นใจ
เบอร์เกนก็ได้เอามือไปเล่นที่นั่งของเขา แล้วถามว่า “พวกเขาพูดอะไรบ้าง?”
ได้ยินแบบนั้น บอดี้การ์ดก็ได้ตอบตามความจริง “ทั้งสองนั้นก็ได้พากันชื่นชอบความอลังการของงานเลี้ยงที่พวกเราจัด นอกเหนือจากนั้น ก็ไม่ได้มีเรื่องสำคัญอะไร”
พูดจบ ในห้องก็ได้เงียบลง เบอร์เกนมองเขาสักพัก
“เงยหน้าขึ้น”
บอดี้การ์ดก็ได้รีบเงยหน้า มองไปยังสายตาของเบอร์เกน
“ไม่เลว สายตาของคนไม่เคยโกหก ทำได้ดีมาก”
มุมปากของเบอร์เกนก็ได้ยิ้ม สายตาน่ากลัว ทำให้คนไม่กล้ามอง “ไปได้”
จากนั้น เขาก็ได้เอาหลังไปพิงที่ที่นั่งอย่างผ่อนคลาย หรี่ตาแล้วก็เอาซิการ์คาบที่ปาก บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆ ก็ได้ไปจุดไฟ