ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 814 เรื่องนี้ให้ฉันจัดการ
บทที่ 814 เรื่องนี้ให้ฉันจัดการ
เวลานี้ที่คฤหาสน์อานเตอร์เล่
จิ้นเฟิงเฉินค่อยๆ เดินไปที่ประตูคฤหาสน์ แสงไฟที่ติดกับต้นไม้ทั้งสองข้างค่อยๆ สว่างขึ้น
ประตูคฤหาสน์อยู่ๆ ก็เปิดออก ผู้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็ได้เดินออกมาจากข้างใน “เฟิงเฉิน! ในที่สุดพวกเราก็ได้เจอกันอีกครั้ง!”
ชายหนุ่มพูดไปแล้วก็กางแขนออกทั้งสองข้างเดินไปทางพวกเขา ไปกอดเข้ากับจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินตบไปที่บ่าของเขา ใบหน้ามีรอยยิ้มที่รู้สึกขอบคุณ “คืนนี้ขอบใจนายมาก อานเตอร์เล่”
“ยากมากที่นายจะให้ฉันมาช่วยนายแบบนี้ แน่นอนว่าฉันต้องยินดีอยู่แล้ว”
พูดจบ แขนที่ยาวของอานเตอร์เล่ข้างหนึ่งก็ได้โอบไหล่เขา “เป็นไง ถูกจับได้ไหม?”
“ยัง ยังไม่มีใครจับตัวตนที่แท้จริงของฉันได้ชั่วคราว”
ทั้งสองจ้องตากัน แล้วก็หัวเราะออกมา
“ต้องขอบใจนายมากจริงๆ ไม่งั้นคืนนี้ฉันเจอเรื่องยุ่งยากมากๆ แน่ๆ” จิ้นเฟิงเฉินหยักคิ้วแล้วพูด
อานเตอร์เล่แกล้งทำเป็นโมโหแล้วก็ต่อยไปที่ไหล่ของจิ้นเฟิงเฉิน เปิดปากพูด “เรื่องเล็กน้อย ก่อนหน้านี้นายได้ช่วยฉันไปเท่าไหร่? นายไม่เคยที่จะคิดเรื่องตอบแทนเลย”
ทั้งสองได้พูดคุยกันกลางถนน ข้างๆ ก็ได้มีเสียงสวบๆ สาบๆ ดังมา
กู้เนี่ยนรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรวิ่งผ่านไปตรงหน้า ก็ได้ร้องออกมาทันที
การที่เจอแบบนี้อย่างไม่ได้ตั้งตัวนั้นทำให้คนตกใจสุดๆ
เสียงหายไป การพูดคุยระหว่างจิ้นเฟิงเฉินกับอานเตอร์เล่ก็ได้ถูกขัด มองไปทางกู้เนี่ยนพร้อมกัน
กู้เนี่ยนยิ้มออกมาอย่างเขินๆ “ขอโทษครับ”
อานเตอร์เล่ยิ้มปลอบ “ไม่เป็นไร น่าจะเป็นพวกกระรอก พวกเขาชอบออกมาเล่นตอนกลางคืน”
ทั้งสามเดินไปพูดไป ไม่นานก็ได้เข้าไปยังคฤหาสน์ ในโถงนั้นไม่ได้มีของตกแต่งมากมาย แต่ว่าของที่วางประดับนั้นหรูหรามากๆ
ที่ดึงดูดคนมากที่สุดก็คือภาพวาดติดผนัง
คนที่อยู่ในภาพวาดนั้นเหมือนว่าได้มีชีวิต งดงามมากๆ
ต่อให้เป็นจิ้นเฟิงเฉิน ก็ต้องไปจ้องดูบ้างอย่างอดไม่อยู่
อานเตอร์เล่ก็ได้แนะนำอย่างพอใจ “นี่เป็นผลงานที่ฉันใช้เวลาไปสองปีเต็มๆ เลยนะ ลงแรงไปไม่น้อย”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า ชมว่า “สวยมากจริงๆ”
อานเตอร์เล่ได้พาจิ้นเฟิงเฉินเดินไปที่บาร์ เสนอว่า “ดื่มแก้วหนึ่งไหม? พวกเราไม่ได้เจอหน้ากันมานาน ไม่เมาไม่หยุดดิ”
จิ้นเฟิงเฉินได้ไปนั่งที่โซฟา “เกรงว่าจะตอบตกลงนายไม่ได้”
ได้ยินแบบนั้น ฝีเท้าของอานเตอร์เล่ก็ได้หยุดลง
ปกติตอนที่จิ้นเฟิงเฉินมานั้น ทั้งสองก็จะดื่มกันสักพัก ดื่มเหล้าดีๆ
แต่ว่า คราวนี้การที่จิ้นเฟิงเฉินมานั้นมันก็ไม่ได้เหมือนปกติ ทำให้อานเตอร์เล่ได้กลิ่นที่ไม่เหมือนเดิม
เขาก็ได้ถามอย่างเป็นห่วง “เป็นไรไป? เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินลุกขึ้น ตบไปที่บ่าของอานเตอร์เล่ มองเขาอย่างรู้สึกผิด “คราวนี้ฉันมาตามหาคน เพราะงั้นไม่สามารถที่จะดื่มเหล้ากับนายได้”
เห็นความเครียดนัยน์ตาของเขา สีหน้าของอานเตอร์เล่ก็ได้จริงจัง “หาใครเหรอ? ฉันอาจจะช่วยนายได้”
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้นิ่งไป คิดถึงเจียงสื้อสื้อ สีหน้าก็ได้หดหู่ลง
“ภรรยาของฉันเจียงสื้อสื้อ ถูกคนพาตัวมาที่อิตาลี ฉันจำเป็นต้องหาตัวเธอเจอโดยเร็ว”
อานเตอร์เล่ก็ได้มองเป็นการลองเชิงไปทางจิ้นเฟิงเฉิน “ฉันสามารถช่วยนายได้ไหม?”
ได้ยินแบบนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ได้นิ่งคิด
ตระกูลอานเตอร์เล่ในอิตาลีนั้นถึงแม้ว่ามีเส้นสายมากมาย แต่เป็นพวกธุรกิจถูกกฎหมาย
ถ้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่ทำแต่เรื่องเลวๆ อย่างเบอร์เกน เป็นไปได้อย่างมากว่าจะส่งผลร้ายต่อทั้งตระกูล
ผลลัพธ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่จิ้นเฟิงเฉินอยากเห็น
“เรื่องนี้อันตรายไปหน่อย ตอนนี้ฉันไม่อยากที่จะเอาคนมาเกี่ยวข้องเยอะ”
เห็นเขาพูดแบบนี้ อานเตอร์เล่ก็ไม่ได้ถามต่อ ก็ได้พูดออกไปว่า “ไหนๆ นายก็ตัดสินใจแล้ว ฉันก็ไม่พูดอะไรเยอะ แต่ถ้าอยากได้ความช่วยเหลือ นายบอกมาได้เลย
ตอนนี้ก็ดึกมาแล้ว พวกนายก็พักที่นี่ไปก่อน ที่นี่ปลอดภัยมาก ส่วนเรื่องตามหาคน สามารถที่จะสั่งคนไปตามหาลับๆ ถ้านายไปเอง เป้าหมายมากใหญ่เกินไป”
จิ้นเฟิงเฉินคิดๆ นี่ก็ไม่ได้เป็นวิธีที่เสียงหายอะไรวิธีหนึ่ง
ด้านนอกคฤหาสน์ก็ไม่รู้ว่ามีคนของเบอร์เกนจับตามองดูไหม ถ้าเกินว่าเขารู้ว่าตัวตนของตนนั้นเป็นของปลอบ ต้องเกิดเรื่องยุ่งยากมากมายแน่
“ได้ รบกวนนายล่ะ” จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างเกรงใจ
แต่ว่า พึ่งพูดจบ อานเตอร์เล่ก็ได้ตบไปที่ไหล่ของเขา “บอกแล้วไงไม่ต้องพูดอะไรที่มันดูเกรงใจกับฉันแล้ว ห้องนอนได้เตรียมเรียบร้อยแล้ว พวกนายไปพักผ่อนเถอะ”
ในห้องนอนชั้นสอง จิ้นเฟิงเฉินได้อยู่ข้างระเบียงแกะสลัก ได้โทรไปยังเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้
สายได้ถูกรับ ก็ได้มีเสียงที่เย็นชาของหญิงสาวส่งมา “ใคร?”
“ฮะโหล ฉันเอง” เสียงที่เข้มของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้ดังขึ้น
ชีซาได้นอนแช่ที่อ่างอาบน้ำอย่างขี้เกียจ ได้ยินเสียงของจิ้นเฟิงเฉินปุ๊บ ก็ได้จริงจังขึ้นมา “จิ้น มีอะไร?”
“ชีซา มีข่าวอะไรบ้างไหม?” จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ถามออกไปตรงๆ
“โทษทีนะ ยังไม่มี ฉันได้ส่งคนไปจับตามองคนของสำนักหมิงหยาน แต่การกระทำของพวกเขาก็ปกติ สืบหาอะไรไม่ได้เลยชั่วขณะ อีกด้านทางฝู้จิงเหวินก็ระวังตัวมากไป ฉันยังสืบหาที่อยู่เขาไม่เจอ”
จิ้นเฟิงเฉินได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงแม้ว่าผลลัพธ์เป็นสิ่งที่เขาได้คาดการณ์ไว้แล้ว แต่พอมาได้ยินจริงๆ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่ผิดหวัง
ไม่นาน เขาก็ได้กลืนใบหน้าที่ผิดหวังไป ก็นึกถึงทะเบียนรถของฝู้จิงเหวินที่เห็นในลานจอดรถ
ถ้าสามารถที่จะหาตำแหน่งของรถได้ ก็สามารถที่จะคาดเดาที่อยู่ของฝู้จิงเหวินได้
“ฉันขอให้เธอช่วยไปสืบหาทะเบียนรถให้หน่อย แต่ว่าอาจไม่ใช่ทะเบียนรถจริงๆ”
“ได้ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ตอบรับไป ชีซาก็ได้รีบติดต่อกับเส้นสายของตน เริ่มการสืบ
เวลานี้ เจียงสื้อสื้อที่อยู่ในตึกสไตล์ตะวันตก ได้นั่งอยู่กลางห้องด้วยความขี้เกียจ
หลังจากที่ฝู้จิงเหวินออกไปวันนั้น ก็ไม่ได้มาให้เห็นอีกเลย
ชีวิตประจำวันของเธอก็ได้อยู่ในห้องเล็กๆ นี้ทุกวัน รอบตัวเธอยังมีสาวใช้ที่ให้ความ ‘ช่วยเหลือ’ เธอสามคน
พูดให้ชัดเจนก็คือมาจับตามองเธอเท่านั้น