ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 896 ความโชคดีเข้าหา
“แด๊ดดี้ดีที่สุดเลย”
สาวน้อยยิ้มอย่างตาเป็นวาว วางปีกไก่ในมือลง ยื่นหน้าไปจูบบนแก้มจิ้นเฟิงเฉิน
เพิ่งกินอาหาร ปากชมพูเล็กๆเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน จูบเสร็จแล้วก็มีรอยน้ำมันบนหน้าอันหล่อเหลาของจิ้นเฟิงเฉิน
ใบหน้าที่ดูหล่อเหลาเวลานี้มองไปแล้วตลกมาก
“ฮาฮาฮา พี่ หน้าของพี่ ตลกมาก……”
จิ้นเฟิงเหราดูหน้าจิ้นเฟิงเฉิน ก็หัวเราะเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ
เจียงสื้อสื้อก็มองไปด้วยความสงสัย ไม่เพียงแค่บนหน้าของจิ้นเฟิงเฉินมาคราบน้ำมัน บนเสื้อ ก็ถูกสาวน้อยทำเปื้อนคราบน้ำมันไม่น้อย
เธอกลั้นหัวเราะ รีบอุ้มเถียนเถียนที่เกาะอยู่บนตัวจิ้นเฟิงเฉิน ให้เธอนั่งลง
“เถียนเถียน กินข้าวต้องนั่งดีๆ ดูลูกทำแด๊ดดี้เปื้อนน้ำมันหมดแล้ว”
ตลกส่วนตลก แต่นิสัยสาวน้อยที่ดีใจก็ชอบกระโดดไปมาแบบนี้ก็ต้องแก้บ้างแล้ว
“ไม่เป็นไร ลูกไม่ได้ตั้งใจ”
จิ้นเฟิงเฉินดึงกระดาษ ช่วยสาวน้อยเช็ดปากอย่างอ่อนโยน พูดด้วยรอยยิ้ม
สำหรับคราบน้ำมันบนตัว ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย ใช้กระดาษเช็ดอย่างไม่รีบร้อน
ว่าไปแล้วก็เป็นทาสลูกสาวคนหนึ่งนี่เอง
สาวน้อยได้ยินแล้ว ก็ยิ้มอย่างได้ใจ ยังแอบแลบลิ้น ยังยิ้มหวานใส่จิ้นเฟิงเฉิน
คำพูดที่เจียงสื้อสื้อจะสั่งสอนเถียนเถียนต้องกลืนลงคอ ถอนหายใจอย่างเอือมระอา พูดกับจิ้นเฟิงเฉิน “คุณอย่าโอ๋ลูกเกินไป เดี๋ยวจะทำให้ลูกนิสัยเสีย”
“ไม่หรอก เพราะเป็นลูกสาวของพวกเรา”
จิ้นเฟิงเฉินมองสาวน้อย ยิ้มอย่างรักใคร่ แววตาประกายไปด้วยความภูมิใจ
“ช่างเถอะ กินข้าว ไว้ค่อยคุยวันหลัง”
เจียงสื้อสื้อถอนหายใจเบาๆ ยอมแพ้อย่างง่ายดาย
จิ้นเฟิงเฉินเป็นตัวถ่วงบนเส้นทางที่เธอสอนเถียนเถียนที่ใหญ่ที่สุด
จิ้นเฟิงเหรากับส้งหวั่นชีงที่นั่งตรงข้าม ก็แอบหัวเราะ
จิ้นเฟิงเหรามีความรู้สึกเหมือนกัน เขาเอามือลูบท้องของส้งหวั่นชีงเบาๆ ในใจเต็มไปด้วยความอบอุ่น
เขาคิด อีกหน่อยถ้าลูกเขาคลอดแล้ว เขาก็คงเหมือนกับพี่ชายตัวเอง โอ๋ลูกจนไม่สนใจใคร
ช่วงเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังกินข้าวเสร็จ จิ้นเฟิงเหรานึกขึ้นได้ว่าสองวันก่อนนัดตรวจครรภ์ให้ส้งหวั่นชีงวันนี้ จึงพาหวั่นชีงจากไปก่อน
เวลาที่เหลือ ก็เป็นเวลาของครอบครัวสี่คน
ออกจากร้านอาหาร จิ้นเฟิงเฉินก้มหน้ามองเด็กน้อยทั้งสองคน
“ช่วงบ่ายอยากไปเที่ยวที่ไหน?”
เสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนสบตากัน แววตาของสองพี่น้องเป็นประกาย
“พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ”
สองพี่น้องพูดเป็นเสียงเดียวกัน
เหมือนวางแผนกันมานาน เสี่ยวเป่าไม่รู้เอาใบโฆษณาของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมาจากไหน ชี้ให้จิ้นเฟิงเฉินและเจียงสื้อสื้อดูอย่างตื่นเต้น
“คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวเป่าจะชอบพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ แม่นึกว่าหนูจะคิดว่ามันน่าเบื่อ”
เจียงสื้อสื้อพูดอย่างแปลกใจ
“ด้านในมีถ้ำใต้น้ำ สามารถมองเห็นปลาฉลาม……” เสี่ยวเป่าหน้าแดงเล็กน้อย อธิบายเสียงเบา
“งั้นก็ไปกัน”
เจียงสื้อสื้อยิ้มอย่างอ่อนโยน จับหัวเสี่ยวเป่าเบาๆ
เด็กผู้ชาย ล้วนชอบสัตว์ที่ดูดุร้าย
ครอบครัวทั้งสี่คน ไม่นานก็ไปถึงสถานที่ตามใบโฆษณา
เข้าไปในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ สาวน้อยตอนแรกยังให้จิ้นเฟิงเฉินอุ้มก็สดชื่นขึ้นมาทันที อยากลงมาเดินเอง
เป็นวันหยุดพอดี นักท่องเที่ยวในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำก็ไม่น้อย
เจียงสื้อสื้อและจิ้นเฟิงเฉินจูงลูกคนละคน ถูกเด็กสองคนดึงแขนวิ่งไปข้างหน้า
เข้าสู่ถ้ำใต้น้ำ พวกเขาเดินเข้าสู่โลกสีฟ้าอันกว้างขวาง เข้าสู่สายตาพวกเขาอย่างเต็มที่
บนถ้ำกั้นด้วยกระจกใส ลอยอยู่บนหัว เป็นครึ่งวงกลม
ในกระจก มีปลาหลากหลายสีสันมากมายว่ายน้ำไปมาอย่างมีความสุข เหมือนยื่นมือก็สามารถจับปลาได้ ปะการังขนาดใหญ่ พุ่มไม้ปะการังหลากสีสันกลายเป็นโลกใต้ทะเลที่สดใส ในคน ก็สงบและอ่อนโยนขึ้นทันที
“ว้าว ปลาปลา สวยมากเลย”
เถียนเถียนขี้ไปที่ปลา ตะโกนอย่างตื่นเต้น
หางของปลาที่หลากสีสันแนบติดกับกระจก ว่ายน้ำผ่านนิ้วของสาวน้อย เหมือนแตะต้องมันได้ ทำให้สาวน้อยดีใจมาก
ส่วนเสี่ยวเป่าก็มองหาแต่ปลาฉลาม ดึงพวกเขาเดินลึกเข้าไปอีก หาไปสักครู่ ยังไม่ได้ตั้งตัว ปลากระเบนและปลาฉลามตัวใหญ่ก็ว่ายเข้ามาหาเสี่ยวเป่า
เจียงสื้อสื้อเห็นแล้วก็ตกใจด้วยสัญชาตญาณ ดึงเสี่ยวเป่าที่แนบอยู่ตรงกระจกกลับมา จิ้นเฟิงเฉินจับมือเธอไว้ เธอถึงนึกขึ้นได้ว่า ที่นี่ปลอดภัย
ตั้งสติได้แล้ว ปลาใหญ่ทั้งสองตัวเหมือนกำลังแข่งว่ายน้ำ ว่ายมาถึงข้างหน้า ว่ายผ่านตัวเสี่ยวเป่าไปอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวเป่ายืนนิ่งไม่ขยับอยู่สักพัก ยืนมองปลาฉลามว่ายผ่านไป
เจียงสื้อสื้อนึกว่าเขาตกใจ กำลังจำไปปลอบใจหนุ่มน้อย
ใครจะไปรู้ เสี่ยวเป่าหันกลับมา ก็พุ่มเข้าอ้อมกอดเธอ พูดกับเจียงสื้อสื้อด้วยความตื่นเต้นและน่าทึ่ง “หม่ามี๊หม่ามี๊ ปลาฉลามตัวนั้น เมื่อกี้หางมันโดนกระจก นิ้วของผมสัมผัสได้ ยอดเยี่ยมมากเลย”
เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินได้ยิน ก็สบตากัน อดหัวเราะไม่ได้
ครั้งนี้มาถูกแล้ว เด็กๆชอบมาก
ออกมาจากถ้ำใต้น้ำ เด็กทั้งสองพูดความรู้สึกอย่างไม่รู้จักเบื่อ ดีใจอย่างมาก
จิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อเห็นว่ายังมีเวลา ก็เลยพาพวกเขาไปดูปลาวาฬ เห็นครูฝึกสอนปลาวาฬโดดน้ำ ทุ่มบอล ทั้งสี่คนตอนแรกดูบนเวที ทันใดนั้นก็มีความโชคดีพุ่งเข้าหา
เถียนเถียนกับเสี่ยวเป่าถูกเลือกเป็นผู้โชคดีในบรรดานักท่องเที่ยว ให้ไปเข้าใกล้กับปลาวาฬขาว ทำให้เด็กน้อยทั้งสองดีใจมาก เจียงสื้อสื้อก็ยุ่งอยู่กับการถ่ายรูปให้ทั้งสองคน ทั้งครอบครัวเล่นกับอย่างสนุกสนาน
มื้อเย็นกินข้าวจากร้านอาหารเสร็จแล้ว ถึงกลับเข้าบ้านอย่างเสียดาย
พ่อจิ้นแม่จิ้นได้ยินเสียงแล้วก็รีบออกมาต้อนรับ คนหนึ่งอุ้มเสี่ยวเป่า อีกคนอุ้มเถียนเถียน
“วันนี้เที่ยวสนุกไหม?”
คนแก่ทั้งสองถามอย่างยิ้มแย้ม
“สนุก คุณปู่คุณย่า หนูเล่าให้ฟัง วันนี้พวกเราไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ มีปลามากมาย……”
เสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนรีบเล่าเรื่องที่พวกเขาได้เห็นได้ยินทั้งวันให้ปูและย่าฟัง
เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินนั่งฟังอยู่ข้างๆ ยิ้มอย่างดีใจ
มือถือจิ้นเฟิงเฉินดังขึ้น มองคนโทรมา ก็ขมวดคิ้วขึ้น
เขาเดินออกไปอย่างนิ่งเฉย เว้นระยะห่างแล้วจึงรับโทรศัพท์
ความมือบดบังร่างของเขา ใต้แสงจันทร์ เงาต้นไม้ทับอยู่บนร่างเขา สีหน้าจิ้นเฟิงเฉินเคร่งเครียด
“คุณพิเอร์ส ดึงแล้วไม่ทราบโทรมามีเรื่องอะไรครับ?”
จิ้นเฟิงเฉินเปิดรีมฝีปากบาง เรียกชื่อของฝ่ายตรงข้าม
“คุณเฟิง ผมรบกวนเรื่องดีของคุณหรือเปล่าครับ”
ทางด้านพิเอร์สไม่ได้พูดเป้าหมายที่โทรมาโดยตรง แต่ทักทายจิ้นเฟิงเฉินอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว