ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 930 ช่วงชิงตำแหน่งทายาทสืบทอดตระกูล
คุยกันมาได้ครึ่งทาง จู่ๆ ฟางยู่เชินก็ลุกขึ้นจะเดินออกไปข้างนอก
“ญาติผู้พี่ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
เจียงสื้อสื้อคิดว่าเขามีเรื่องด่วน ใครจะรู้ว่าเขาหันหน้ามาบอกว่า “ฉันจะไปเอาของน่ะ”
หลังจากนั้นก็รีบออกไป
ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็กลับมาพร้อมกับหอบถุงใบเล็กบ้างใบใหญ่บ้าง
“คุณจะมาขายส่งเหรอคะ” เจียงสื้อสื้ออ้าปากพะงาบๆ พลางจ้องมองไปยังถุงทั้งใหญ่เล็กเป็นสิบใบบนพื้น
“มาเยี่ยมอย่างเป็นทางการครั้งแรกก็ต้องนำของขวัญมาด้วยสิ” ฟางยู่เชินยิ้มอย่างซื่อตรงจริงใจ
ครั้งก่อนที่มารีบมากไปหน่อย และไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ จึงไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย
ครั้งนี้จึงต้องทดแทน
เจียงสื้อสื้อพูดยิ้มๆ อย่างอ่อนใจ “งั้นคุณก็ไม่จำเป็นต้องซื้ออะไรมามากหรอกค่ะ”
“ไม่มาก” ฟางยู่เชินพูดพลางก้มลงมองถุง
“คุณป้าครับ ของนี่ให้คุณครับ ผมไม่รู้ว่าคุณชอบอะไร จึงเลือกผ้าพันคอไหมมาให้ หวังว่าคุณจะชอบนะครับ” นำถุงหนึ่งในนั้นยื่นให้แม่จิ้น
แม่จิ้นค่อนข้างปลื้มใจ “ฉันก็มีของขวัญด้วยเหรอจ๊ะ”
“แน่นอนสิครับ” ฟางยู่เชินพยักหน้า จากนั้นก็ยกอีกถุงยื่นส่งให้ “นี่เป็นใบชาสำหรับคุณลุงครับ”
“เธอช่างเป็นเด็กมารยาทดีเสียจริง”
ความประทับใจที่แม่จิ้นมีต่อฟางยู่เชินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ที่เหลือนอกจากของขวัญที่ให้ผู้ใหญ่คนอื่นๆ แล้วทั้งหมดล้วนเป็นของเล่น มีทั้งตุ๊กตา รถยนต์เล็กๆ และหุ่นยนต์เปลี่ยนรูปร่าง…สารพัดประเภท
เสี่ยวเป่าที่มักจะสุขุมยังอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น เขาหยิบเอารถคันที่ตัวเองชอบมาถือไว้อย่างไรก็ไม่ยอมวาง
เห็นของเล่นมากมาย เจียงสื้อสื้อก็ตกใจ “ทำไมคุณซื้อมาให้พวกเขามากมายขนาดนี้คะ”
“เห็นแล้วชอบก็ซื้อ”
คำตอบของฟางยู่เชินทำให้เจียงสื้อสื้อหมดคำจะพูด
“คุณจะทำให้เด็กทั้งสองคนเสียนิสัยนะคะ”
ถึงแม้ตระกูลจิ้นจะมีเงิน แต่เธอก็ไม่เคยซื้อของเล่นให้ลูกมากขนาดนี้ เพราะกลัวว่าถ้าเขามีของเล่นมากมายก็จะไม่รู้จักถนอม
เห็นเด็กสองคนมีความสุขมาก เธอก็ไม่พูดอะไรมากอีก ได้แต่พูดกับฟางยู่เชินด้วยหน้าตาดุๆ “อย่าทำแบบนี้อีกนะคะ”
ฟางยู่เชินยิ้มพลางพยักหน้า
หลังจากนั้น ในขณะที่คนอื่นไม่ได้สังเกต ฟางยู่เชินก็เดินไปหาจิ้นเฟิงเฉินแล้วกระซิบว่า “ชุดสมุนไพรที่คุณสั่งก่อนหน้านี้ ผมส่งถึงอิตาลีตรงเวลาแล้ว เพิ่งถึงเมื่อวาน เดิมทีควรบอกคุณเลย แต่ว่ายุ่งจนลืม”
ช่วงนี้ตระกูลฟางมีเรื่องมากมาย ทำให้เขาลืมเรื่องนี้ไป
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มเล็กน้อย “ผมรู้แล้ว คุณทำดีมาก”
เมื่อได้รับคำชมจากเขา ฟางยู่เชินก็แอบถอนหายใจโล่งอก พูดอย่างร่าเริงว่า “สามารถช่วยงานคุณได้ก็เป็นเรื่องดีมากแล้ว”
เจียงสื้อสื้อหันหน้ามามองพวกเขาสองคน ขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย “พวกคุณคุยอะไรกันเหรอ”
“เรื่องงานน่ะ” ฟางยู่เชินตอบ
เจียงสื้อสื้อไม่ได้สงสัยอีก “อยู่บ้านอย่าคุยเรื่องงานสิคะ คุยเรื่องที่มันผ่อนคลายเถอะ”
“ได้”
ฟางยู่เชินกับจิ้นเฟิงเฉินมองหน้ากัน ทั้งคู่ไม่ได้พูดเรื่องงานอีก
เวลาอาหารเย็น คนอื่นๆ ในตระกูลจิ้นล้วนยินดีต้อนรับฟางยู่เชิน และขอบคุณสำหรับของขวัญที่เขาซื้อมาให้ เป็นช่วงเวลาที่บรรยากาศอบอุ่น
“พี่สะใภ้ครับ ครอบครัวของคุณมียีนที่ยอดเยี่ยมมาก ทั้งสวยทั้งหล่อดูดีไปหมด”
จิ้นเฟิงเหรามองเจียงสื้อสื้อ แล้วก็มองฟางยู่เชิน พลางพูดประโยคที่เต็มไปด้วยความรู้สึก
เมื่อได้ยินดังนั้นเจียงสื้อสื้อจึงยิ้ม “ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ”
“งั้นต่อไปลูกสาวของผมก็ต้องสวยมากแน่เลย” จิ้นเฟิงเหราเอื้อมมือไปลูบท้องของส้งหวั่นชีง “ยีนของครอบครัวเราก็ยอดเยี่ยมมากเหมือนกัน”
เจียงสื้อสื้อวางตะเกียบลง มองไปที่เขา “คุณนี่ช่างกล้าโอ้อวดนะ”
ส้งหวั่นชีงตีมือจิ้นเฟิงเหราอย่างไม่พอใจ “ใครบอกว่าเป็นลูกสาวแน่ๆ”
“เป็นลูกสาวแน่นอน” จิ้นเฟิงเหราท่าทางมั่นใจมาก
ความจริงแล้วเขาอยากมีลูกสาวที่สวยน่ารักเหมือนเถียนเถียนอย่างที่วาดฝันเอาไว้
“ฉันรู้สึกว่าเป็นลูกชาย” ส้งหวั่นชีงจงใจขัดเขา
“ลูกสาว!”
เห็นทั้งสองคนกำลังจะทะเลาะกัน แม่จิ้นจึงรีบส่งเสียงห้าม “เอาล่ะ จะลูกชายหรือลูกสาวก็เป็นลูกของพวกแกทั้งนั้น ทะเลาะกันทำไม ยังมีแขกอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“แขกที่ไหน คนกันเองทั้งนั้น”
คำพูดของจิ้นเฟิงเหราทำให้ฟางยู่เชินค่อนข้างปลื้มใจ
แม้ว่าอำนาจของตระกูลฟางไม่จัดว่าด้อยไปกว่าตระกูลจิ้น แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลฟาง การได้รับการยอมรับจากตระกูลจิ้น ทำให้ฟางยู่เชินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื้นตัน
เจียงสื้อสื้อคีบอาหารใส่ชามให้เขา และหยอกล้อว่า “ญาติผู้พี่คะ คุณอายุพอๆ กับเฟิงเหรา เขากำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว คุณก็ต้องพยายามหน่อยนะ”
ฟางยู่เชิน “………”
ทำไมหัวข้อสนทนาถึงเปลี่ยนมาหาเขาได้
แล้วจากนั้นทุกคนก็ต่างคุยกันเรื่องที่ว่าจะแนะนำคู่เดตให้ฟางยู่เชิน อาหารมื้อนี้จึงใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงกว่าจะเสร็จสิ้น
“สื้อสื้อ ฉันบอกกับคุณปู่ว่าพวกเธอจะไปเยี่ยมท่าน แต่ความหมายของท่านคืออยากมาที่เมืองจิ่นด้วยตัวเอง”
……
ก่อนอาหารเย็น ฟางยู่เชินโทรหาคุณท่านฟาง แจ้งว่าตัวเองมาตระกูลจิ้นจึงไม่ได้กลับไปทานอาหารเย็น และบอกด้วยว่าพวกเจียงสื้อสื้อจะไปเมืองหลวง
“พวกเขาไม่ต้องมา ฉันไปเอง”
นายท่านฟางอยากมาเยี่ยมตระกูลจิ้นด้วยตนเองมานานแล้ว และอยากเห็นด้วยตัวเองว่าตระกูลจิ้นปฏิบัติต่อหลานสาวของตัวเองอย่างไร
แต่เนื่องด้วยช่วงนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายจึงล่าช้า
“คุณปู่ครับ ร่างกายของคุณ…”
จากเมืองหลวงมาเมืองจิ่น ต้องนั่งรถสองถึงสามชั่วโมง เขากลัวว่าร่างกายของคุณปู่จะไม่สามารถทนต่อความเหนื่อยล้าแบบนั้นได้
“ร่างกายของฉันแข็งแรงดี”
บางทีอาจเพราะต้องการพิสูจน์ให้เขารู้ น้ำเสียงของผู้อาวุโสจึงมีพลังเต็มเปี่ยม
ฟางยู่เชินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ คุณปู่ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะ
“แกบอกพวกสื้อสื้อว่ารอหลังจากฉันยืนยันทายาทสืบทอดตระกูลเรียบร้อยแล้ว จะไปเยี่ยมเธอกับเด็กๆ”
ได้ยินคำว่า ‘ทายาทสืบทอดตระกูล’ รอยยิ้มบนริมฝีปากของฟางยู่เชินพลันเริ่มค่อยๆ จางหายไป “ได้ครับ ผมจะบอกเธอให้”
“แล้วระหว่างทางตอนที่แกกลับมาก็ระวังตัวด้วย”
หลังจากกำชับแล้วผู้อาวุโสก็วางสายไป
ฟางยู่เชินลดโทรศัพท์มือถือลง สีหน้าค่อนข้างหนัก
……
“คุณตาจะมาด้วยตัวเองเหรอคะ” เจียงสื้อสื้อไม่ได้แปลกใจเท่าไร เพราะครั้งล่าสุดนายท่านฟางก็เคยบอกว่าต้องการมาเมืองจิ่น
แต่เธอยังกังวลอยู่เล็กน้อย “ร่างกายของท่านโอเคเหรอคะ”
ฟางยู่เชินยิ้ม “เธอวางใจเถอะ มีฉันอยู่ คุณปู่จะไม่มีปัญหา”
“แล้วท่านจะมาเมื่อไรคะ”
“รอยืนยันทายาทสืบทอดตระกูลเสร็จ”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “ทายาทสืบทอดตระกูลเหรอ”
“อืม” ฟางยู่เชินถอนหายใจ ก่อนจะพูดต่อไปว่า “ช่วงนี้ตระกูลฟางไม่สงบเลย นั่นก็เพราะเรื่องของทายาทสืบทอดตระกูล”
เห็นเขาเริ่มมีสีหน้าหนักใจขึ้นเรื่อยๆ จิตใจของเจียงสื้อสื้อก็เครียดตาม “ทุกคนต่างกำลังแข่งขันกันช่วงชิงตำแหน่งทายาทสืบทอดตระกูล ถูกไหมคะ”