ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 958 ตระกูลจิ้นมันอัศจรรย์มากขนาดนั้นเลยเหรอ
- Home
- ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!
- บทที่ 958 ตระกูลจิ้นมันอัศจรรย์มากขนาดนั้นเลยเหรอ
น้ำเสียงของเจียงสื้อสื้อเย็นชาเล็กน้อย “ฉันก็จะไม่ปล่อยเขาไปเช่นเดียวกัน”
ทั้งๆ ที่เป็นคนในตระกูลฟางกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นฟางอี้หมิงหรือว่าฟางเย้นซิน หรือฟางยู่เชิน ต่างสามารถยกนิ้วทุกคนอย่างชื่นชม
ฟางเย้นชิงเป็นเพียงคนเดียว “ที่ไม่เหมือนกับใครเขา”
ข่าวเรื่องความเจ้าชู้ของเขามีให้เห็นเกือบทุกวัน วันนี้ดาราสาวคนนี้ พรุ่งนี้นางแบบสาวคนนั้น หญิงสาวข้างกายไม่เคยซ้ำหน้าตลอด
ลูกคนรวยเสเพลดีๆ นี่เอง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อยู่ดีๆ ก็มีวิธีการอย่างหนึ่งปรากฏขึ้นในสมองของเจียงสื้อสื้อ
เธอดีใจขึ้นมาทันที พร้อมทั้งหัวเราะออกมาเบาๆ
จิ้นเฟิงเฉินหันศีรษะเหลือบตามองเธอ เมื่อเห็นว่าเธอยิ้มโง่ๆ อยู่คนเดียว จนมุมปากของเขาก็ยิ้ม ตามความรู้สึกของเธอด้วย “หัวเราะอะไรเหรอ มีอะไรถึงได้ตลกขนาดนั้น?”
เมื่อสิ้นเสียง เจียงสื้อสื้อก็หันศีรษะไปมองเขา ด้วยแววตาเปล่งประกาย งดงามมากเป็นพิเศษ
“ฉันคิดวิธีว่าจะสั่งสอนฟางเย้นชิงยังไงได้แล้ว” เธอพูด
“อ้อ?” จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้ว “จะสั่งสอนยังไง?”
“ก็คือ….”
สัญชาตญาณของเจียงสื้อสื้อจะพูดออกมา แต่ว่าคำพูดมาถึงริมฝีปากแล้วแต่ก็เปลี่ยนหัวข้อทันที “ถึงตอนนั้นคุณก็รู้เอง ตอนนี้ฉันไม่บอกคุณหรอก”
น่าจะเป็นเพราะว่าไม่คิดว่าเธอจะพูดออกมาเช่นนี้ จิ้นเฟิงเฉินแสดงท่าทางผงะเล็กน้อย แค่ว่าก็ตั้งสติกลับมา พร้อมทั้งพูดหน้านิ่ง “ได้ ไม่พูดก็ไม่พูด”
ด้วยสมองเล็กๆ ของเธอแล้ว ต้องเป็นความคิดที่วุ่นวายอะไรเทือกนั่นแน่
เจียงสื้อสื้ออ้าปากพูด พร้อมทั้งแสดงความภาคภูมิใจเล็กน้อย “ถึงตอนนั้นฟางเย้นชิงก็คงร้องไห้ขี้มูกโป่งเพราะเรื่องคืนนี้แน่ คงเสียใจจนลำไส้อักเสบ”
เมื่อคิดถึงภาพภาพนั้น จนเธออดยิ้มเอาไว้ไม่ไหว
ไม่รู้ว่าความคิดอะไรมันคืออะไร แต่ว่าตอนนี้เธอคิดเลยเถิดไปไกล ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายเจิดจรัส ราวกับดวงดาวในคืนเดือนมืด มันช่วงสวยงามเป็นพิเศษ
วันรุ่งขึ้น
เจียงสื้อสื้อถูกปลุกให้ตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เธอได้ยินเสียงลุกจากเตียงดังขลุกขลักอยู่ข้างกาย จากนั้นก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของจิ้นเฟิงเฉินอยู่คนเดียว “มีเรื่องอะไร?”
ท่ามกลางความมึนงง เรื่องอื่นเธอฟังไม่ถนัด แต่ว่ามีเพียงประโยคเดียวที่ฟังชัดเจน
“ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
ดวงตาของเธอลืมตาทันที จากนั้นก็ลุกพรวดและนั่งอยู่บนเตียง
“คุณจะกลับเมืองจิ่นเหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินวางสายโทรศัพท์ จากนั้นก็หันตัวกลับมา ดวงตาดำขลับจ้องมาที่เธอ และพยักหน้าให้ “อื้อ”
“งั้นฉันจะไปกับคุณ”
เจียงสื้อสื้อเลิกผ้าห่มออก เพื่อต้องการลงจากเตียง
“คุณอยู่ที่นี่แหละ” จิ้นเฟิงเฉินดักหน้าเธอเอาไว้ “ที่บริษัทมีปัญหานิดหน่อยต้องให้ผมกลับไปจัดการ ไม่นานผมก็จะกลับมาแล้ว”
“แบบนี้นี่เอง…”
เจียงสื้อสื้อเม้มริมฝีปากเอาไว้ ได้ตาตอบตกลง “ก็ได้ งั้นคุณก็เดินทางดีๆ นะ”
“อื้อ” จิ้นเฟิงเฉินก้มศีรษะเพื่อจุมพิตริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา จากนั้นใช้มือประกบใบหน้าของเธอ แววตาอบอุ่นดั่งสายน้ำ “รอผมนะ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มตอบ “ค่ะ”
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็ตรงไปที่โรงพยาบาลเลย
แต่ไม่คิดว่าจะเห็นครอบครัวของฟางรุ่ยอยู่ที่นั่นด้วย
“สื้อสื้อมาแล้ว” เฉินหยุนเห็นเขา ก็ต้อนรับอย่างกระตือรือร้น
เจียงสื้อสื้อไม่ค่อยคุ้นชิน แต่ก็ฝืนยิ้มให้ “น้าชายรอง น้าหญิงรอง สวัสดีค่ะ”
“กินข้าวเช้ามาหรือยัง?” เฉินหยุนเอ่ยถาม “ถ้ายังไม่ได้กิน ฉันซื้อโจ๊กทะเลที่อร่อยที่สุดของเมืองหลวงมา คุณรีบไปกินสิ”
“ขอบคุณค่ะน้าหญิงรอง ฉันกินมาแล้ว”
เจียงสื้อสื้อพูดปฏิเสธและเดินมายังด้านข้างของมารดา พร้อมทั้งใช้เสียงต่ำถาม “แม่ พวกเขามาทำอะไร?”
ฟางเสว่มั่นมองพวกฟางรุ่ย “บอกว่ามาขอโทษแทนเย้นชิง”
ขอโทษ?
เจียงสื้อสื้อเลิกคิ้วเล็กน้อย พร้อมทั้งเงยหน้ามองไปทางฟางรุ่ยและเฉินหยุน
พวกเขาก็มองมาทางเธอ สีหน้าก็เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
“สื้อสื้อ” ฟางรุ่ยพูดอย่างระมัดระวัง
เจียงสื้อสื้อเม้มริมฝีปากเอาไว้ จากนั้นก็ลุกขึ้น พร้อมทั้งจ้องมองพวกเขา “น้าชายรอง น้าหญิงรอง ถ้าพวกคุณมาเพื่อเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน งั้นก็กลับไปเถอะ”
คู่สามีภรรยาได้ยินแล้ว ร้อนใจทันที “อย่านะ สื้อสื้อ พวกเรามาขอโทษคุณจากใจจริงๆ ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มให้ “น้าชายรอง น้าหญิงรอง คนที่ทำผิดไม่ใช่พวกคุณ แต่เป็นฟางเย้นชิง คนที่น่าจะมาขอโทษคือเขา”
“เอ่อ…”
ฟางรุ่ยกับเฉินหยุนมองหน้ากัน ไปมาอยู่อย่างนั้นทั้งสองแสดงอาการลำบากใจออกมาทางสีหน้า
ถ้าฟางเย้นชิงยอมมาขอโทษ แล้วทำไมพวกเขาต้องมาด้วยตนเองล่ะ
ปัญหาคือไอ้เด็กนั่นไม่ยอมมา จะด่ายังไงมันก็บอกว่าไม่มา
ความจริงแล้วจากการแสดงออกของพวกเขาก็สามารถมองออกว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เจียงสื้อสื้อก้มหน้าและยิ้มออกมา “กลับไปเถอะ น้าชายรอง น้าหญิงรอง บางเรื่องแค่พูดออกมาประโยคเดียวใช่ว่าจะแก้ปัญหาได้”
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานนี้ สำหรับเธอแล้วมันช่างทุเรศมากจริงๆ แค่คิดถึงร่างกายก็สั่นเทาอยากที่จะรับไหว ความรู้สึกลำบากใจเหมือนกับมีมดเป็นหมื่นเป็นพันตัวกำลังปืนป่ายอยู่บนร่างกายเช่นนั้น
“สื้อสื้อ เมื่อคืนฟางเย้นชิง ดื่มจนเมาหนักไปหน่อย ดังนั้นเลย ….” เฉินหยุนยังอยากพูดแก้ตัวให้ฟางเย้นชิง
“ไม่ต้องพูดแล้ว” เจียงสื้อสื้อพูดตัดบท ด้วยสีหน้าเย็นชาออกมา น้ำเสียงชัดเจนมาก “อย่าเอาความผิดไปโยนให้เหล้า”
ทำไมพอเกิดเรื่องขึ้นมา ก็จะคิดออกมาว่า “เมาแล้ว” จนสามารถจัดการปัญหาได้เหรอ?
เจียงสื้อสื้อไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับพวกเขาอะไรมากมาย “น้าชายรอง น้าหญิงรอง วันนี้ฉันพูดได้ชัดเจนแล้ว ฟางเย้นชิงเขากล้าทำเรื่องแบบนั้น งั้นก็รอรับผลกรรมที่ตามมาแล้วก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดผิดปกติของเธอ ฟางรุ่ยร้อนรนขึ้นมาทันที “สื้อสื้อ ที่แกพูดออกมามันหมายความว่าอย่างไร?หรือว่าแกคิดอยากจะทำอะไรกับเย้นชิง?”
พวกเขากลัวว่าไม่ใช่เจียงสื้อสื้อ แต่เป็นตระกูลจิ้นคนที่อยู่เบื้องหลังของเธอ
เมื่อตระกูลจิ้นเริ่มลงมือกับเย้นชิง เช่นนั้นการที่พวกเขามาขอร้องให้คนอื่นช่วยก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
“เปล่าเลย พวกคุณกลับไปเถอะ” เจียงสื้อสื้อเริ่มหมดอารมณ์แล้ว
“สื้อสื้อ…”
เฉินหยุนยังไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ถูกฟางรุ่ยดึงเอาไว้ “พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว”
จากนั้น เขาก็พูดกับเจียงสื้อสื้อ “สื้อสื้อ ฉันจะให้เย้นชิงมาขอโทษกับแกด้วยตัวของเขาเอง พวกแกเป็นพี่น้องกัน ฉันหวังว่าแกจะยกโทษให้เขา”
เจียงสื้อสื้อไม่ตอบอะไร
“เสว่มั่น พวกเรากลับก่อน วันหน้าค่อยมาเยี่ยมใหม่” ฟางรุ่ยพูดกับฟางเสว่มั่น
ฟางเสว่มั่นไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ว่าดูจากการแสดงออกของลูกสาวแล้วก็พอจะเดาได้ว่าไม่ใช่เรื่องดี ดังนั้นเลยไม่ได้แสดงสีหน้าสู้ดีกับพวกของฟางรุ่ยได้แต่พยักหน้าให้อย่างเย็นชา
ฟางรุ่ยดึงมือภรรยากลับ ทั้งสองคนเดินออกจากห้องพักผู้ป่วย
เฉินหยุนสะบัดมือเขาออก พร้อมทั้งพูดบ่นอย่างไม่พอใจ “คุณดูคู่แม่ลูกพวกนั้นว่ามีท่าทียังไง?คิดหรือว่าอาศัยใบบุญจากตระกูลจิ้นแล้วมันเหนือกว่าจริงๆ เหรอ?”
“คุณหุบปากไปเลย!” ฟางรุ่ยพูดตวาด
เขารีบหันกลับไปมอง เพราะกลัวว่าเจียงสื้อสื้อจะได้ยินเข้า
เมื่อเห็นว่าไม่มีคนแล้ว ถึงได้พูดต่อ “ระวังปากของคุณหน่อยได้ไหม?ตอนนี้พกวเรายังรอคอยความหวังจากตระกูลจิ้นอยู่นะ ถ้ามาทำลายความสัมพันธ์กันแล้ว ต่อไปตระกูลฟางก็ไม่มีที่ให้พวกเรายืนแล้ว”
“ฉัน…ฉันก็แค่ไม่สบายใจ”
เฉินหยุนใบหน้าโกรธจัด
ก่อนหน้านี้ฟางเสว่มั่นก็ถูกพ่อแม่เลี้ยงเหมือนไข่ในหิน ทุกเรื่องก็ต้องเอาเธอเป็นตัวหลัก อีกทั้งเป็นพี่ชายหรือพี่สะใภ้ไม่ว่าจะทำอะไรดีขนาดไหนก็ไม่เคยชื่นชมสักคำ
ปีนั้นเธอหนีออกจากบ้านเพราะว่าผู้ชายคนหนึ่ง พูดกันแบบไม่น่าฟังหน่อย มันเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับพวกเขา
แต่ไม่คิดเลยว่าหลายปีที่ผ่านมาไป เธอยังมีหน้ากลับมาอีก
กลับมาก็พอแล้ว แต่ดันเป็นแม่เมียของจิ้นเฟิงเฉินอีก
แถมพวกเขายังต้องมองสีหน้าของเธออีก?
ไม่เต็มใจจริงๆ ไม่เต็มใจมากๆ !
“พอแล้ว อย่าโกรธเลย” ฟางรุ่ยตบไหล่ของภรรยาเบาๆ พร้อมทั้งพูดเกลี้ยกล่อม “ใครให้พวกเราต้องอาศัยตระกูลคอยหนุนหลังให้ล่ะ? อะไรที่ควรจะก้มหน้าเอาไว้ก็ก้มไปก่อน รอวันที่พวกเราเย้นซินได้ฟางซื่อกรุ๊ปมาอยู่ในมือ จะมีใครหน้าไหนที่มองเราอย่างดูถูกได้ล่ะ?”
เฉินหยุนสูดลมหายใจเข้า “ตกลง เพื่อเย้นซินฉันจะอดทน!รอวันอื่นค่อยมาคิดบัญชีกับเธอ”
เธอหันไปมองห้องพักผู้ป่วยของฟางเสว่มั่นอย่างโหดเหี้ยมจากนั้นก็จากไป
……
ในห้องพักผู้ป่วย
เจียงสื้อสื้อได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจของเฉินหยุน พร้อมทั้งยิ้มออกมาทันที
ที่แท้คือโกหกกันนี่
ยังมาพูดว่ามาขอโทษจากใจจริง ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าเธอคือภรรยาของเฟิงเฉิน พวกเขาก็คงไม่มาหรอก
ฟางเสว่มั่นก็ได้ยินเช่นเดียวกัน จนต้องขมวดหัวคิ้วถาม “น้าหญิงรองของแกพูดออกมาได้ไม่น่าฟังเลย อย่าได้เก็บไปคิด”
“แม่ ทำไมฉันต้องเอาเก็บไปคิดด้วย?” เจียงสื้อสื้อหันข้างมามองเธอ จากนั้นก็ยิ้มพูด “ถ้าฉันไปเคียดแค้นกับคนพวกนั้น ฉันก็เหนื่อยตายพอดี”
ฟางเสว่มั่นยิ้มให้ “ก็จริง”
เจียงงสื้อสื้อยิ้มให้ หางตาของเธอมองมาที่โจ๊กทะเลบนโต๊ะ จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่อง แล้วพูดว่า “แม่ โจ๊กเย็นหมดแล้ว แม่รีบกินเถอะ”
“โจ๊กเดี๋ยวค่อยกิน” ฟางเสว่มั่นหุบยิ้ม พร้อมทั้งจ้องมองเธอย่างเข้มงวด “แกบอกแม่มาตรงๆ เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฟางเย้นชิงมันทำอะไรแก?”
เดิมคิดว่าเรื่องนี้ยังอยากปิดบังเธอเอาไว้ แต่ไม่คิดเลยว่าฟางรุ่ยพวกเขาจะมา เรื่องนี้เธออยากจะปิดบังเอาไว้ไม่รู้ว่าจะปิดบังไว้ได้ไหม
เจียงสื้อสื้อลังเลและอ้าปากพูด “ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไร ก็แค่… ทะเลาะกันนิดหน่อย”